นักเตะกลางซอย
Status:

: 0 ใบ

: 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 317
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 20, 2025 13:14
[RE: วงการสีส้ม กับ วงการสีกากี]
สีส้มยากกว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจรูปแบบปัญหาก่อนนะ คือ พระที่เราเห็นๆกันจะมี 2 สาย มีคณะของตัวเองแยกกันดูแล
1. มหานิกาย คือ หีนยาน+ความเชื่อท้องถิ่น << มีมาแต่โบราณ, 90%ของพระทั้งหมด, เน้นพิธีกรรม/ทำบุญ/ชาติปัจจุบัน แม้จะอ้างเรื่องนิพพานบ้างแต่ไม่เน้น จะเน้นเรื่องทางโลกมากกว่า, ให้ความสำคัญกับสมาธิมากกว่าปัญญา, รับกิจนิมนต์ ที่ดังๆมีตอนนี้เช่น ท่านพุทธทาส, วัดไร่ขิง, หลวงปู่ศิลา, ว.วชิระเมธี, พระพยอม, พระมหาสมปอง เป็นต้น
2. ธรรมยุต คือ หีนยานที่ถูกเอามาติดตั้งใหม่ช่วง ร3-ร4 << เพิ่งมีไม่นาน, 10%ของพระทั้งหมด, เน้นการปฎิบัติวิปัสสนาไปสู่นิพพาน ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับทางโลก, พูดถึงปัญญามากกว่าอีกสาย, ไม่รับกิจนิมนต์ ที่ดังๆเช่น สายหลวงปู่มั่น, สายหลวงตามหาบัว, หลวงพ่อชา เป็นต้น
และที่เราเห็นกันว่าเป็นปัญหาส่วนใหญ่มันอยู่ในสาย มหานิกาย ทั้งด้วยจำนวนด้วยและด้วยรูปแบบการสอนที่มันใกล้ฆราวาสมากกว่าด้วย ซึ่งการที่ร.3-ร.4 ตั้งสายใหม่ขึ้นมาก็แสดงว่าเห็นปัญหาเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ผลมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ปัญหาสายสีส้มตอนนี้มันไม่ได้เพิ่งเกิด และไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆแค่จากตัวพระ แต่มันคือสังคมโดยรวม ความเชื่อพื้นฐานของภูมิภาคเรามันแค่ถูกแปรรูปไปเป็น มหานิกาย(เปลือกเป็นพุทธแต่เนื้อในคือความเชื่อท้องถิ่นเรื่องผี/ขวัญ) เราก็เลยผลัก demand ในการจัดการผี/โชคลาภ/แก้ดวง ให้ไปอยู่ใต้พรม กลายเป็นธุรกิจสีเทาของวงการสงฆ์
ผมมองว่าในเมื่อสังคม/ความเชื่อคนไทยมันเป็นแบบนี้ก็ต้องยอมรับมันอ่ะ ไม่ต้องไปดัจริตหาพุทธแท้ แล้วทำกฏหมายควบคุม ให้มองพระเป็นอาชีพนึงที่ให้บริการเรื่องจิตวิญญาณ
ถ้าสังคมยอมรับตัวเองเรื่องนี้ได้ปัญหาถึงจะเริ่มตั้งต้นแก้อะไรได้จริงๆ