จะว่าไปก็เหมือนเป็นการเข้าถึงแก่นศาสนาพุทธนะ คือพอรู้ว่าสิ่งไหนแย่ก็ไม่ควรไปสนับสนุนหรือกราบไหว้ พอเรียนรู้จนถึงแก่นแล้วก็อยู่แบบไม่มีศาสนาจะดีกว่า ยึดมั่นถือมั่นไปก็เหนื่อยชีวิต สู้อยู่แบบว่างปล่าวดีกว่า

โดนกลืนใกล้สุด ก็แต่งงานกับคนศาสนาอิสลามนั่นหละ

ไหนจะ ผญ บ้านเราจะชอบหนุ่มทรงเศรษฐีน้ำมันอีก

หรือจะพวกหนุ่มยุโรป ที่พื้นเพนับถืออิสลาม

เช่น
คนพุทธเกิดมา 10 คน
จะไปแต่งงานกันคนอิสลามกี่คน (มีหลักการห้ามคุมกำเนิดอีก)
ไหนจะกลายเป็นกลุ่มเอทีส อีก

ไม่ลดน้อยก็แปลกแล้ว

ศาสนาพุทธเราแค่กล่าวคำว่า
เอหิปสฺสิโก ท่านจงมาดูเถิด
ไม่มีบังคับ ไม่มีการกล่าวว่าไม่นับถือแล้วจะไม่ได้ไปสวรรค์

ไม่แปลกนะ ให้อิสระ จะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ไม่บังคับ บอกว่าทำไมให้ลงในบัตรประชาชน ก็ไปเปลี่ยนได้ ไม่มีกฎ ลองเป็นของคนอื่นบางประเทศย้ายศาสนาติดคุก หรือ โดนสังคมรังเกียจ โดนล่าแม่มด เสียชีวิตยังมีเลย

ในไทยก็คงลดแหละ ส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนไปเป็นคนไม่มีศาสนา ผมห่วงแค่ บางศาสนาถ้ามีประชากรเกินครึ่งหนึ่ง อาจได้ใช้กฎของศาสนาเขาทั้งประเทศ พอถึงวันนั้น ลูกหลานคุณนั้นแหละอาจจะไม่แม้กระทั่งได้เลือกความเชื่อเลย รวมถึงการดำรงชีวิตก็โดนควบคุม

ที่เราวิจารณ์พระชั่ว ศาสนาได้ เพราะสังคมพุทธนี้แหละ ถ้าไปเป็นอีกศาสนาหนึ่งคุณจะไม่มีสิทธิ์วิพากย์วิจารณ์ เพราะนั้นคืออาจถึงชีวิตเลย

นึกสิ มาถาม พระสงฆ์ทำไมขอข้าวชาวบ้าน ไปเปลี่ยนคำถามของอีกศาสนา คุณอาจโดนตัดหัวได้เลย

หมูจะน้อยลงด้วยไหม
ถ้าเป็นอิสลาม ก็ไม่มีคนเลี้ยงหมู
จำนวนหมูก็จะน้อยลง