พระสงฆ์ที่แท้จริง หลายคนเข้าใจผิด
หลายคนเข้าใจผิด คำว่า"
พระสงฆ์"จริงๆ ไม่ได้หมายถึงพระปุถุชนที่เราเห็นครับ
ขออ้างอิงจากพระสูตร ซึ่งเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อนุสสติฏฐานสูตร
Spoil
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=7387&Z=7430
... อริยสาวกระลึกถึงพระสงฆ์ว่า ‘พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค
เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูกทาง ปฏิบัติสมควร ได้แก่
อริยบุคคล ๔ คู่คือ ๘ บุคคล พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคนี้
เป็นผู้ควรแก่ของที่เขานำมาถวาย ควรแก่ของต้อนรับ ควรแก่ทักษิณา
ควรแก่การทำอัญชลี เป็นนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก’ มหานามะ
สมัยใด อริยสาวกระลึกถึงพระสงฆ์ สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น
ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม
สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้นย่อมปรารภพระสงฆ์ดำเนินไปตรง
ทีเดียว ...
(อริยบุคคล ๔ คู่คือ ๘ บุคคล
คือ พระโสดาปัตติมรรค 1 พระโสดาปัตติผล 1
พระสกิทาคามิมรรค 1 พระสกิทาคามิผล 1
พระอนาคามิมรรค 1 พระอนาคามิผล 1
จนถึงพระิรหัตมรรค 1 และ อรหัตผล 1)
ส่วนพระทั่วๆไป เป็นรูปๆไป เราเรียก "
ภิกษุ"
"
พระสงฆ์"นี้ คือ สิ่งที่พึงระลึกถึง แม้เวลาเราถวายสังฆทานซึ่งมีผลมาก
แม้ผู้รับจะเป็นภิกษุทุศีล แต่ผู้ให้มีจิตระลึกถึงพระสงฆ์ที่แท้จริง สังฆทานจึงมีผลมาก
ผมขอยกพระสูตรอธิบายระดับของอานิสงส์ของทานตามนี้
ทักขิณาวิภังคสูตร
Spoil
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=9161&Z=9310
ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาเป็นปาฏิปุคคลิก(เฉพาะเจาะจงบุคคล)มี ๑๔ อย่าง คือ
ให้ทานในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑
ให้ทานในพระปัจเจกสัมพุทธ ... ๒
ให้ทานในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ ... ๓
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง ... ๔
ให้ทานแก่พระอนาคามี ... ๕
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง ... ๖
ให้ทานแก่พระสกทาคามี ... ๗
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง ... ๘
ให้ทานในพระโสดาบัน ... ๙
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง(พระโสดาปัตติมรรค) ... ๑๐
ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม ... ๑๑
ให้ทานในบุคคลผู้มีศีล ... ๑๒
ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล ... ๑๓
ให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๔ ฯ
ดูกรอานนท์ ใน ๑๔ ประการนั้น
บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้ร้อยเท่า
ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณาได้พันเท่า
ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า
ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า (1 ล้านล้าน)
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้
จนประมาณไม่ได้ จะป่วยกล่าวไปไยในพระโสดาบัน ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำ
สกทาคามิผลให้แจ้ง ในพระสกทาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง
ในพระอนาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง ในสาวกของตถาคตผู้เป็น
พระอรหันต์ ในพระปัจเจกสัมพุทธ และในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ ฯ
... ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์มี ๗ อย่าง คือ ให้
ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์
ประการที่ ๑ ... ฯ
ดูกรอานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันคอ
เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น
ดูกรอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น
เราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่า
มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆเลย* ฯ
(*หมายถึง สังฆทานมีผลมากกว่าทานที่เจาะจงบุคคลทั้งหมด)
ดังนั้น ผมอยากจะให้ความรู้กับท่านๆที่ยังเข้าใจผิด
ว่าเรายังถือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งได้ตามปกติ
และเรายังถวายสังฆทานอันมีผลมากได้ เพียงแต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง
เพื่อไม่ให้เราเสียโอกาสในการบำเพ็ญบุญในชาตินี้
ส่วนตัว ผมไม่เคยสะทกสะท้านเวลามีข่าวฉาวในผ้าเหลืองเกิดขึ้น
ต่อให้ทั้งโลกจะไม่เหลือพระดีๆ ก็ไม่ได้สั่นคลอนในความศรัทธาต่อพระศาสนา
(เพราะสิ่งนี้เป็นของธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้น สักวันศาสนาก็จะอันตรธานหายไป)
ผมทำบุญตามปกติ ผมถวายเป็นอาหารและของที่จำเป็นสำหรับสมณะ
ผมไม่เอาเงินใส่บาตร ถ้าจำเป็นต้องถวาย ก็ถวายให้ไวยวัจกรแทน
เมื่อมีโอกาส ผมก็บอกคนรอบข้าง รวมกันสร้างวิหารทานถวายอุทิศให้พระสงฆ์ผู้้มาจากทิศทั้งสี่
ซึ่งถือเป็นสังฆทานอันยอดเยี่ยม
เลยอยากให้ท่านๆที่นับถือศาสนาพุทธ แล้วยังเข้าใจผิด
ได้เข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ตนเองเสียโอกาสครับ
ผมแนะนำแบบนี้ สำหรับคนที่ใส่บาตรแล้วกลัวว่าภิกษุนั้นจะทุศีล(มีศีลไม่ครบ)
ให้เราระลึกว่าทานนี้ เราถวายเป็นสังฆทานให้แก่พระสงฆ์ แล้วระลึกถึงพระสงฆ์
ว่าเป็นคู่บุรุษ 4 คู่ นับได้ 8 บุรุษ เป็นผู้ปฎิบัติดีแล้ว ... เป็นนาบุญของโลก ...
แบบนี้ถ้าทานของเราเป็นสังฆทาน ผลบุญจะนับไม่ได้ แม้ภิกษุที่รับจะทุศีลก็ไม่เกี่ยวแล้ว
ชีวิตเป็นของน้อย เหลือน้อยไปทุกขณะ เราควรรีบทำทาน รักษาศีล เจริญอบรมจิต
ตัวผมเองพยายามให้ทานทุกวัน ใส่บาตรบ้าง คนรอบข้างบ้าง คนจน คนที่เขามีรายได้น้อย
ให้เพื่อเป็นเครื่องระลึกปรุงแต่งจิต กำจัดความตระหนี่ เมื่อผมระลึกถึงทาน จิตผมมีความสุขมาก
อยากให้ทุกท่านหมั่นให้ทานตามกำลัง ตามโอกาส ของพวกนี้ไม่สูญหายแน่นอน
ขอทุกท่านจงเจริญในธรรมครับ