[RE: จัดอันดับสโมสรกีฬามูลค่าสูงที่สุดทีไร Dallas Cowboys เป็นที่ 1 ทุกสมัย]
Dallas Cowboys คือทีมที่มีบรรดาผู้บริหารเชี่ยวชาญการตลาดมากที่สุดในโลก โดยหลักการง่ายๆ คือ การเริ่มต้นด้วยการสร้างฐานแฟนๆ ให้แข็งแรง ทำยังไงให้แฟนบอลเข้ามาดูมากขึ้น ซึ่งจุดเริ่มต้นจาก Texas Schramm, อดีต GM ของทีมในยุค 1960-1988(ก่อนที่ Jerry Jones จะเข้ามาซื้อทีม)
.
- เริ่มต้นก่อตั้ง Dallas Cowboys Cheerleader(DCC) เป็นทีมแรกใน NFL ใช้สาวๆ มาสร้างสีสันข้างสนาม ทำให้คนอยากเข้ามาดูมากขึ้น
(DCC แต่ละปีจะมีการคัดเลือกใหม่ทุกครั้ง แปลว่าต่อให้เป็นอดีต DCC มาก่อน ปีหน้าก็ต้องมาคัดใหม่แข่งกับบรรดาสาวๆ ทั่วประเทศที่ส่ง resume เข้ามาเพื่อขอเข้ารับการคัดเลือกเป็น DCC เช่นกัน และ 1 คนสามารถเป็น DCC ได้มากที่สุดไม่เกิน 5 ปี มันเลยทำให้มาตรฐานและการแข่งขันมันสูงมากๆ)
.
- ลงทุนในธุรกิจวิทยุในพื้นที่ชื่อว่า The Cowboys radio network ทำให้ในยุคนั้นคนสามารถรับฟังเรื่องราวต่างๆ ของทีม รวมไปถึงการแข่งขันผ่านทางวิทยุได้
.
- ใช้เส้นสายจากการที่ตนเองเคยทำงานเป็นอดีตผู้บริหารของ CBS หนึ่งในรายการโทรทัศน์ชื่อดังของอเมริกาในการให้ Cowboys ได้คิวแข่งในช่วงเวลา 3PM บ่อยๆ รวมไปถึงเป็นคนเสนอให้มีการแข่งในวัน Thanksgiving Day และ Cowboys ก็จะได้สิทธิ์สวมชุดขาวแข่งในวัน Thanksgiving เสมอ แนวคิดคือ
"จะมีอะไรดีไปกว่าการได้กินข้าวพร้อมหน้ากันในครอบครัว พร้อมกับชมเกมการแข่งขันไปด้วยกัน"
.
- ผลักดันให้คำว่า ‘America’s Team’ เป็น nickname ของทีม Cowboys โดย Schramm ใช้วิธีอาศัยการขยายตลาดของ NFL ออกไปนอกประเทศ(รวมถึงรัฐในอเมริกาที่ไม่มีทีมกีฬาตั้งอยู่) ด้วยการให้ลีกนำไฮไลท์ทีม Cowboys ไปใช้ฟรีๆ มันเลยทำให้คนเริ่มรู้จัก NFL และไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้จัก Dallas Cowboys เป็นทีมแรกๆ และ Schramm ไม่รอช้าฉวยโอกาสแจกปฏิทินปีใหม่ 100,000 เล่ม เป็นรูปทีม Cowboys พร้อมกับเขียนคำว่า ‘America’s Team’ ลงไปบนปฏิทิน
.
- Gil Brandt, ผู้อำนวยการฝ่ายบุคลากร เป็นคนเสนอให้ Cowboys ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการวิเคราะห์การประเมินผู้เล่นดาวรุ่งเป็นทีมแรกของลีก และนำการทดสอบทางจิตวิทยาเข้ามาใช้ ซึ่งกลายมาเป็นพื้นฐานสำหรับ NFL Scouting Combine ยุคแรก ทำให้ Cowboys มักจะได้เด็กเก่งๆ เข้ามาร่วมทีมทำให้ Tom Landry, HC ในตอนนั้นทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งทำให้ในยุคนั้น Cowboys ดราฟต์นักกีฬาที่ต่อมาจะกลายเป็น Pro Football Hall of Fame มากถึง 8 คน และ Cowboys ในยุคของโค้ช Tom Landry ก็กลายเป็นยักษ์แห่ง NFL
.
- Texas Stadium รังเหย้าแห่งใหม่ของ Cowboys ที่เปิดใช้ในปี 1971 เป็นสนามแรกในลีก ที่มีห้องชุดหรูหรา สกายบ็อกซ์ ห้องสวีทสุดหรูในระดับใหญ่ ห้องสกายบ็อกซ์ 176 ห้อง ที่นั่ง VIP ที่จอดรถเฉพาะ VIP และมี stadium club ทำให้แฟนๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในการมาชมเกมที่สนาม และกลายเป็นรายได้พิเศษที่ได้จากบรรดาแฟนๆ ที่ฐานะค่อนข้างดี ซึ่งตรงนี้เป็นรายได้พิเศษที่แยกจากรายได้หลักที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการแบ่งรายได้ของทีม NFL
(NFL เป็นลีกที่รายได้หลักตามกฎระบุว่าให้นำรายได้เข้าส่วนกลางก่อน แล้ว NFL จะหารส่วนแบ่งแล้วแบ่งให้ 32 ทีมเท่าๆ กัน อธิบายง่ายๆ เช่น ค่าขายเสื้อ ขายลิขสิทธิ์ ของทุกทีม ไม่ว่าทีมไหนจะขายได้มากได้น้อย ต้องส่งไปให้ NFL ก่อน แล้ว NFL ก็จะหารเท่าๆ กันแล้วส่งกลับคืนให้ทุกทีม แปลว่าบางทีมทำรายได้ได้เยอะก็จริงแต่ก็ไม่ได้เข้าตัวเองทั้งหมด ต้องเอาไปแบ่งเฉลี่ยให้ทีมที่รายได้น้อยกว่า เพื่อความเท่าเทียมกันในส่วนของรายได้ตั้งต้นในแต่ละปีที่ลีกจะให้) และเมื่อทีมอื่นๆ เห็นแนวทางดังกล่าว ก็เริ่มทะยอยทำตาม และมันก็กลายเป็นผลดีต่อลีก เพราะมันทำให้ทุกทีมรายได้เพิ่มขึ้น ก็แปลว่าส่วนแบ่งที่ลีกจะหารแบ่งให้ทุกๆ ทีมก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
.
- ในปี 1989 Jerry Jones เจ้าของทีมคนปัจจุบันก็เข้ามาซื้อทีมเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ Dallas Cowboys ครั้งใหญ่ ซึ่ง Jerry Jones อาศัยช่องโหว่ที่อยู่นอกกฎเงื่อนไขการแบ่งรายได้ของทีม NFL ในการสร้างรายได้ให้กับทีม ซึ่งสิ่งแรกที่เขาทำคือการเซ็นต์สัญญากับสปอนเซอร์ต่างๆ การขายลิขสิทธิ์เสื้อของโค้ชให้กับ Nike
(Nike จะจ่ายเงินให้โค้ชและ Cowboys เพื่อให้สวมเสื้อแบรนด์ Nike เวลาอยู่ข้างสนาม) ขายลิขสิทธิ์ชื่อสนาม ขายลิขสิทธิ์ในการนำป้ายโฆษณาเข้ามาติดหรือแสดงในสนาม ซึ่งกรณีนี้เคยเกิดการฟ้องร้องกันระหว่าง Jerry Jones กับ NFL ด้วย ซึ่ง Jerry Jones ต่อสู้ด้วยเหตุผลว่า
"สนามเป็นของเขาซึ่งเป็นเจ้าของทีม บรรดาสปอนเซอร์ที่เข้ามานั้นมาลงทุนกับสนาม ไม่ได้ลงทุนกับทีม ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายที่ต้องนำรายได้ส่วนนี้ไปอยู่ในเงื่อนไขการแบ่งรายได้ของทีม NFL" และ NFL แพ้คดี
.
- เริ่มต้นในการทำ Superstar หรือแฟรนด์ไชร์ร้านอาหารดังๆ เข้ามา X ด้วย เช่น ทำสินค้าที่ใช้ตีมของ Cowboys ร่วมกับบรรดาสตาร์ เซเลป หรือแฟรนด์ไชร์ ซึ่งทำให้วิน-วินทั้งคู่ในเรื่องรายได้, สร้างพวกฟิกเกอร์ ของสะสม คอลเลกชั่นต่างๆ ที่เป็น limited edition ออกมาให้แฟนๆ หาซื้อไปสะสม
.
- สร้างสนามใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็คือ AT&T Stadium ซึ่งนำจอ HD ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาติดตั้งไว้ในสนาม พร้อมทั้งขยายความจุที่นั่งแตะหลัก 100,000 ที่นั่ง เริ่มจอยกับแบรนด์เบียร์ชั้นนำของประเทศในการนำสินค้ามาวางขายในสนาม
.
- ใช้ AT&T Stadium มากกว่าแค่สนามแข่ง NFL เพราะสามารถปรับมาใช้แข่งกีฬาอื่นได้ ใช้จัดคอนเสิร์ตได้ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นสังเวียนในการจัดแข่งชกมวยที่แมตต์สำคัญระดับโลกที่ต้องถ่ายทอดสดไปทั่วโลก กลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญนอกเหนือจากกีฬาหลัก
.
- ลงทุนในภาพลักษณ์ผ่านสื่อโดยอาศัยฐานแฟนคลับของบรรดาเซเลป ดาราดัง เพราะ Jerry Jones มักจะพาบรรดาคนดังที่มาเยี่ยมชมเกมเดินผ่านอุโมงค์ของทีม และพาลงไปในสนามก่อนการแข่งขัน และปล่อยภาพหรือวีดีโอสู่โลกออนไลน์ ทำให้เขาและทีมได้รับความสนใจจากสื่อต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากสื่อด้านกีฬา
.
- จ้างทีมสื่อ และนักออกแบบมาทำสารคดีเกี่ยวกับทีม รวมไปถึงทำการผลิตเนื้อหาโซเชียลมีเดีย สารคดี และภาพเบื้องหลังต่างๆ ของทีมตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นการรับรู้อย่างต่อเนื่อง
.
- สำนักงานใหญ่ของคาวบอย "The Star" รองรับทีมการตลาดและการสื่อสารด้วยโครงสร้างพื้นฐานการผลิตเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงสตูดิโอออกอากาศ สตูดิโอพอดคาสต์ ห้องตัดต่อหลายห้อง และพื้นที่สำหรับกิจกรรมขององค์กร รวมถึงพื้นที่สำหรับแบรนด์พันธมิตรเพื่อถ่ายทำเนื้อหาและจัดงานสด การลงทุนด้านสื่อและการผลิตนั้นคุ้มค่า เนื่องจากคาวบอยมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียมากที่สุดในบรรดาทีม NFL ทั้งหมดใน Instagram, Facebook, X และ TikTok
.
- ลงทุนในพื้นที่อสังหาริมทรัพย์รอบสนามกีฬา
.
และอื่นๆ อีกมากมาย จากการประเมินของปี 2024 คาดว่า Dallas Cowboys น่าจะมีรายได้จากธุรกิจต่างๆ รวมกันมากถึง 1,200 ล้านดอลล่าร์ มากกว่าทีมลำดับ 2 อย่าง Los Angeles Rams ที่กำลังเดินตามรอยแนวคิดการสร้างแบรนด์ของ Dallas Cowboys ที่ทำได้ 825 ล้านดอลล่าร์ ในปีนี้ และตัวเลขรายได้รวม 1,200 ล้านดอลล่าร์ ของทีม Cowboys นั้นมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ทีมอื่นๆ ใน NFL ทำได้ถึง 2 เท่า(ในปี 2024 ค่าเฉลี่ยทีมอื่นๆ ใน NFL อยู่ราวๆ 600 ล้านดอลลาร์)
อำนาจ ความเชื่อ ความรัก คือ 3 สิ่งที่ตรรกะมนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นอย่าถามว่าทำไมกับเรื่องพวกนี้