"สำหรับผม ความน่ากังวลก็คือความรู้สึกที่ว่า 'มันโอเค' และ 'เราขยับอันดับขึ้นไปไม่ได้มาก แพ้ยังไง ก็ยังโอเค'"

"นั่นคือปัญหาที่สำคัญที่สุดในสโมสรของเราในเวลานี้ เพราะว่าเรากำลังสูญเสียความรู้สึกของการเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และมันเป็นเรื่องโลกแตกมากๆ กับการแพ้คาบ้าน ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่น่ากังวลที่สุดในสโมสรของเรา"

"กับการอยู่ในอันดับ 16 ในอีก 2 เกมสุดท้าย - การเป็นผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด คุณควรจะรู้สึกอย่างไร - อับอาย และยากที่จะยอมรับ"

"ผมคิดว่าทุกคนต้องซีเรียสกับเรื่องเหล่านี้แล้ว ทุกคนคิดถึงแต่นัดชิงชนะเลิศ นัดชิงชนะเลิศไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดของสโมสรเรา"

"เรามีเรื่องใหญ่กว่าที่ต้องคิด และเราต้องเปลี่ยนแปลงเยอะมากหลังจบฤดูกาลนี้"

"(กับการเปลี่ยนทัศนคติของนักเตะ ที่ตอนนี้ตัวเขาทำได้อย่างยากลำบาก) ผมไม่รู้ และผมไม่อยากพูดถึงนักเตะในทีม ผมจะพูดถึงแต่ตัวเอง และวัฒนธรรมของสโมสรแห่งนี้ วัฒนธรรมของทีม"

"ผมมีความรู้สึกว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงมัน และเราต้องแข็งแกร่ง และกล้าหาญกว่านี้มากๆ ในช่วงซัมเมอร์ เพราะเราจะต้องไม่มี 'ฤดูกาลหน้า' ที่เป็นแบบนี้"

"ถ้าเราเริ่มต้นแบบนี้ หรือยังมีความรู้สึกแบบนี้ (ความรู้สึกอ่อนแอ , ยอมรับความพ่ายแพ้) เราควรมอบพื้นที่นี้เพื่อให้คนอื่นมาทำแทน (อโมริมใช้คำว่า We น่าจะแปลว่า ตัวเขา และนักเตะในทีม ควรถอยออกไปให้คนอื่นมาทำงานแทน)"

"เอาตรงๆ นะ ผมไม่ได้ห่วงกับนัดชิงเลย นั่นคือปัญหาที่เล็กที่สุดของเรา เราต้องเปลี่ยนอะไรที่ฝังรากลึกกว่านีน้มาก"

"เราพยายามจะทำให้ทุกคนเห็นว่า การเล่นในพรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก คือเป้าหมายของเรา เราต้องรู้ในสิ่งนั้น"

"ผมไม่ได้กังวลกับนัดชิง พวกเขา (นักเตะ) จะต้องโฟกัสกับมัน ผมไม่รู้ว่าอะไรดีที่สุดนะ ระหว่างการได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก กับไม่ได้เล่น"

"ตอนนี้ เราต้องโฟกัสที่เกมกับเชลซีก่อน เพื่อปรับปรุงอะไรหลายๆ อย่างให้ดีขึ้น"

รูเบน อโมริม

#ดูบอลกับแนท

--------------------------------

ปล. ดูทีมงานหลังบ้านเลย อโมริมเค้าก็รู้ตัวว่า ถ้าเปิดฤดูกาลหน้ามา ถ้าไม่ดีขึ้น อาจจะปลิวได้แน่นอน แล้วปัญหามันก็เหมือนตอนเทนฮาก หาโค๊ชกลางฤดูกาล ใครจะมา ก็ต้องเสียเวลาไปอีกปีนึง

เห็นด้วย + เห็นใจ อโมริมนะที่เค้าสัมภาษณ์มา แฟนผีหลายคนก็เห็นถึงปัญหาโดยรวมของสโมสรด้าน "ทัศนคติ" ที่มันไม่ใช่เพิ่งเกิดตอนนี้ มันเป็นมานานแล้ว แล้วแก้ไม่ได้ซักที

แต่ในเมื่อเลือก "โค๊ช" มาเพื่อมาแก้ปัญหา

แต่ถ้าผลลัพธ์ไม่ดี อโมริมแกก็รู้ว่าต้องเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ แกถึงสัมภาษณ์ออกมาตรงๆ แบบนี้

ทัศนคติสโมสรใหญ่ ถ้ามันกู้ยาก ก็ให้หาทัศนคตินักสู้ที่สู้เพื่อแฟนบอลจนจบเกมมาให้ได้

สโมสรอยู่ได้ด้วยแฟนบอล ถ้าลงมาเล่นเพื่อแฟนบอลมันคงต้องเริ่มจากรากคือต้องสู้ก่อน

ถ้ายังไม่สู้ ก็ไม่ต้องถามหาทัศนคติของสโมสรใหญ่

วิ่งสู้ทำให้เต็มที่เพื่อแฟนบอล เพื่อสโมสร หาโค้ชที่สู้และนักเตะที่สู้ให้เจอก่อน

พูดคงง่าย แต่ทำคงไม่ง่าย

ก็ต้องลองดูสู้กันต่อไป ถ้าริมไม่ไหวก็ถอยออกไปตามที่สัมภาษณ์นั้นละ

ใช่เลย เหนือความย่ำแย่ คือชินกับความแพ้ไปแลัว

ตรงนี้แหละน่ากลัวมาก

สมัยรุ่งๆ แค่เสมอก็รับกันไม่ได้แล้ว

แต่ความรู้สึกแบบนี้มันหายไป แทบไม่เหลือ

ตอนผมดูบอลใหม่ๆ เมื่อ 20 ปีก่อน

ลิเวอร์พูลที่โดนล้อว่าเป็นทีมกลางตาราง

มันยังดูไว้ลายกว่านี้เยอะ

ท้ายตารางยูไนเต็ด

อยากให้ตัดสินใจให้ดี อย่าให้เหมือนตอนเทน ฮากที่ปลดกลางฤดูกาล พร้อมเสริมทัพมาให้พร้อม ไม่งั้นมันจะเข้าอีหรอบเดิมที่นักเตะไม่ตรงสเปกสำหรับคนใหม่ ทีนี้ก็รอไปอีกยาวๆอีกปี

ปล.ฟอร์มในลีคปีนี้ไม่ผ่านจริงๆ แล้วถ้าชวดยูโรป้าอีกนะ ไม่น่ารอดอ่ะ ถึงจะอยากให้โอกาสอีกซัก 1 ซีซั่นก็เถอะ แต่บอร์ดไม่น่าเอาไว้มั้ง

เพลงสมจริง รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง

เป็นไงหละจ๊ะ กระจอกสิ้นดีเลย

บอร์ดตัดสินใจพลาดจริงๆ ที่เอามาคุมกลางฤดูกาล ประกอบกับ แผนที่นักเตะแมนยูไม่มีความคุ้นชินเลยสักนิด

และประกอบกับ นักเตะเองก็อ่อน และทัศนคติไม่ดีหลายคน

ไปกันใหญ่ทีนี้


ไม่รู้บอร์ดจะรีบตั้งไปไหน


ถ้าฤดูกาลหน้า 5 - 10 นัดแรก กระจอก เดี๋ยวก็โดนปลด ก็หาคนมาแทน มันก็จะวนลูปแบบนี้

อย่าว่าแต่ทัศนคตินักเตะเลย

ทุกวันนี้ทัศนคติแฟนบอลก็ต่ำสุดๆ แล้ว

จากลุ้นแชมป์ เหลือลุ้นท็อป 4 เหลือลุ้นไปบอลถ้วย จนล่าสุดลุ้นหนีตกชั้น

ไม่ยอมรับกันสักทีว่าโค้ชมันห่วย ทำทีมกลับมาไม่ได้หรอก มีความหวังว่าสักวันมันจะทำทีมหลัง 3 ได้สำเร็จ แพ้แม่งเกือบทุกนัด ทั้งอวยทั้งอ้างนักเตะ อ้างพักน้อย อ้างนั่นอ้างนี่

ถ้าจะปลด ก็ปลดเลย

อยากลองกับแกอีกนะ แม้เมื่อวานจะโมโหมากๆ คือเป็นนัดที่กระจอกทั้งแผนและนักเตะจริงๆ

ไม่มช่อะไรหรอก ให้ทำทีม5-10นัด โค้ชใหม่เข้ามาไม่ได้เล่นหลัง3 กลับมาหลัง4 เดี๋ยวนักเตะก็งงอีก ต้องมานั่งเสียเวลากันใหม่อีก

บอร์ดต้องตัดสินวจให้ดีแล้ว

กระจอก

มาดริด แย่ขนาดไหนหันมาดูแมนยู เออก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า

ดูเชลซีแย่ แค่ไหน มาดู แมนยู แม้งหนักจริง

ปืนเคยเป็นมาก่อน

พอใจกับที่ 4 ขอแค่ไป UCL ช่วงรัดเข็มขัด

กว่าจะยืดจนแฟนบอลโม้ได้ จนแฟนทีมอื่นรุมถีบ
ก็ต้านี้แหละปลุกมา จากหลับไป 10กว่าปี ขุนไม่ขึ้น

ถึงได้ถ้วยก็ปลดเหอะ

ผมนิเห็นใจเพื่อนซี้แฟนแมนยูพันธ์แท้ผมเลย ความหวังลมๆ แล้ง ว่าแก้ไขทีม ซื้อตัวมา 2-3 ปีจะได้แชมป์

ได้ตัวมาก็ไม่ดีไปกว่านี้หรอก แผนมันไม่เหมาะกับทีม

ดูแล้วท้อใจยิ่งกว่าเด็กหงส์ดูปู่รอยอีก

เหมือนตอนปืนโอบา เลย เวิดคลาสคนเดียวที่เหลือ คือ บรูโน่

โอซิล ก็ดีเวิลคลาส แต่ การเมืองเยอะ แต่ แรดฟอรด์ ยังไปต่อได้ จากที่ไปวิลล่า

ที่เหลือ ของปลอมทำเหมือน มุสตาฟี่ โซคราติส ลินเดอเลิฟ แมคไกว

ซ้าย โคลาซินัค ลุคซอร์ ลากา ฮอยลุน เปเป้ แอนโทนี่ย์ ซานโซ่

แต่ปืนยังไม่ตกไป กว่า 8 เพราะต้าร์ มันได้บอรด์เต็มๆ ล้างไพ่ ทีมงานนักเตะ สโมสร อโมริม ไม่ได้เยอะขนาดนั้น

แล้วเล่น 3-4-3 ปีหน้าถ้าโดนปลด

มีสิทธิต้องมาเริ่มกันใหม่หมด