คงเห็นปี40เป็นตัวอย่างมั้งครับ ช่วงนั้นใครมีเงินสดเยอะก็ได้ของถูกๆเยอะมาก ทั้งบ้าน ที่ดิน โรงแรม หุ้น ราคาเซลล์ต่ำสุดๆ

เวลาเกิดวิกฤติทางเศรฐกิจก็เท่ากับ cash is king ไงครับ
ที่กอดไว้เขารอจังหวะได้ของราคาเหมาะสม

ลองคีย์เวิร์ดว่า asset allocation หรือ core satellite portfolio ก็ได้ครับ

มันเป็นการแบ่งประเภทการถือสินทรัพย์ในการลงทุน
โดยปกติดถ้าเศรฐกิจดีๆ สัดส่วนการถือเงินสดจะน้อย จะหนักไปที่สินทรัพย์เสี่ยง

แต่พอวิกฤติเริ่มมา หลายๆ คนก็เริ่มปรับพอร์ทสัดส่วนการลงทุน ย้ายสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงพวกหุ้น
มาถือพวกสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยแทน เช่นพวกหุ้นกู้ AAA หรือพันธบัตรรัฐบาล เพื่อรอจังหวะโอกาสที่เหมาะสม

กอดเงินสดไว้เยอะๆ เพราะนักลงทุน กูรู จะลงทุนเอง รอจังหวะขึ้นร๊วยยยยย

แกเกษียณแล้วนิ คือคงเตรียมไว้ทำโปรเจ็คทิ้งทวนไม่ก็บริจาคอะ คือผมเดามาพักใหญ๋แล้วว่าคน 90 กว่าคงไม่รอช้อนหรอก น่าจะทำอะไรสักอยางก่อนจากโลกนี้ไป ความจริงแกน่าจะหมดไฟตั้งแต่ ชาร์ลี มังเกอร์ ตายแล้วมั้ง

มีเงินสดในมือ จะทำอะไรก็ง่ายครับ

ตามคำว่า cash is king นั้นแหละครับ

สภาพคล่องสูง ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว มันปลอดภัยมากกว่าครับ

มองว่าเก็บเงินสดไว้ก็ถูก

แต่ก็อย่าลืมหาโอกาสเข้าเหมาะๆ พวกหุ้นรายตัว กองทุนที่เราชำนาญ ผมว่ามันมีโอกาสฟื้นอยู่

แต่ถามว่านานไหมคงบอกไม่ได้
ฉะนั้น Cash คือ Save สุดละ เสียแค่เงินเฟ้อ ลงสุ่มสี่สุ่มห้าก็น่าจะเละ

เกิดมาก็มีแต่คนบอกให้เก็บเงินไว้ก่อน เก็บไว้ให้ดี
ยังไม่เคยเห็นใครบอกให้เอาเงินมาใช้เยอะๆเลยครับ

ถ้ากอดเงินสด กอดทองคำแท่งใว้ดีกว้าครับเงินเสื่อมค่าลงตลอดเวลาถ้าเงินไม่มีขายทองตอนไหนก็ได้เงินใข้ละ

ปู่บัฟ ยังหนีออกมา

น่าจะรอดูท่าที

คนเงินน้อยก็เล่นน้อยไปก่อน

แต่สำหรับผมถ้าจะกอดเงินสด

ผมกอด ทอง กับ btc แล้วกัน