ดาวเตะลา ลีกา
Status: Inside of Estadio Santiago Bernabeu (Lateral Esto)

: 0 ใบ

: 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Aug 2010
ตอบ: 10163
ที่อยู่: With Yukino
โพสเมื่อ: Sat Apr 26, 2025 15:42
เมื่อมาดริดดิสต้ามองต่าง เปเรซจะเดินหน้าต่อไปยังไง
เครดิต จากเพจ มาดริดดิสต้า
(เจ้านี้เขียนวิจารณ์ทีมได้ตรงใจผมสุดๆแล้ว ตรงไปตรงมาผิดถูกก็ว่ากันไปตามนั้น)
.
.
.
.
ท่าที เรอัล มาดริด ต่อเรื่องผู้ตัดสิน: “ไม่เห็นด้วย…แต่เข้าใจ”
1. การที่ เรอัล มาดริด อ้างเรื่อง ‘เสรีภาพของสื่อ‘ RMTV เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และถูกต้องตามหลักสิทธิเสรีภาพสื่อทุกประการในการวิพากษ์วิจารณ์
แต่…การมีเสรีภาพก็ไม่ได้หมายความว่าควรพูดทุกเรื่อง และการวิจารณ์ผู้ตัดสินก่อนเกมแบบทุกเกม แทบมองไม่เห็นข้อดีเลย แต่ข้อเสียเพียบ ทั้ง
•สร้างประเด็นเดือดก่อนเกมแบบไม่จำเป็น
•สร้างความเสื่อมเสียด้านภาพลักษณ์สโมสร (ไม่สง่างาม)
•ทำลายบรรยกาศของเกมฟุตบอลที่สวยงาม
ฯลฯ
อีกอย่าง ภาพที่ RMTV แสดงให้เห็นถึงการตัดสินของผู้ตัดสินหลาย ๆ ครั้งคือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริงในเกม แต่ RMTV ทำเหมือนว่ามันเกิดขึ้นกับมาดริดทีมเดียว ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นกับทุกทีม…
การเอาภาพไม่กี่ช็อตมาเผยแพร่ แล้วบอกว่าตัวเองเป็น ‘เหยื่อ’ จึงเป็นสิ่งที่ตื้นเขินไปหน่อย เพราะทุกทีมล้วนแล้วแต่เป็นเหยื่อของการตัดสินที่ผิดพลาดทั้งนั้น แต่ใครจะมากกว่าน้อยกว่าอันนี้ต้องไปนับกันอีกที
2. การให้ผู้ตัดสินมาแถลงข่าวก่อนเกมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และสิ่งที่สองผู้ตัดสินพูดก่อนเกมเป็นสิ่งที่ยิ่งไม่ควรทำเข้าไปใหญ่ เพราะแก่นแท้ของผู้ตัดสินคือความเป็นกลาง โปร่งใส ไม่มีสี และห้ามมีจุดยืนเข้าข้างหรือต่อต้านทีมใดทีมหนึ่ง (แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควร)
แต่…เรอัล มาดริด คาดหวังว่าคณะกรรมการผู้ตัดสินจะยื่นดอกไม้ให้ตัวเองเหรอ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตัวเองปาก้อนหินใส่เขามาตลอด ?
การที่คณะกรรมการผู้ตัดสินจะเกลียดเรอัล มาดริด ทั้งองค์กรจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะสโมสรก็ด่าเขามาตลอด แต่ถึงแม้จะเกลียดก็ไม่ควรแสดงออก เพราะคุณยังคงต้องตัดสินทีมนี้อยู่
3. การเปลี่ยนตัวผู้ตัดสินตามคำเรียกร้องของมาดริดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมาดริดจะยิ่งโดนข้อหาว่าใช้อำนาจมืดเข้าไปอีก ที่สามารถเปลี่ยนตัวผู้ตัดสินตามอำเภอใจได้
ถามว่า…ตอนนี้ภาพลักษณ์ของสโมสรยังถูกย่ำยีไม่พอเหรอ ?
4. การตัดสินใจไม่แถลงข่าวก่อนเกม ไม่ซ้อมแบบให้สื่อถ่ายภาพ ไม่ถ่ายภาพก่อนเกม และไม่ไปดินเนอร์ของฝ่ายผู้บริหาร มองเป็นอื่นไม่ได้นอกจากการ ‘ไม่มีน้ำใจนักกีฬา’ และ ‘ไม่มีคลาส’
การที่เรอัล มาดริด ทำแบบนี้แม้จะได้ใจแฟนบอลตัวเอง (บางส่วน) แต่ทั่วโลกมีแต่จะมองมาดริดในทางที่ไม่ดี ภาพลักษณ์และความสง่างามของทีมเสียเต็ม ๆ
ยิ่งบวกกับการที่ทีม ‘บอยคอต’ บัลลงดอร์ไปก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของสโมสรยิ่งติดลบจากสายตาชาวโลก
หาข้อดีจากการทำแบบนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ
5. ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เป็นคนเชื่อเรื่อง ‘Conspiracy Theory’
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุความวุ่นวายทั้งหมดนี้มีต้นตอมาจาก ‘เปเรซ’ ซึ่งตอนนี้มีศึกแบบทุกด้าน
เปเรซ ไม่ถูกกับ ฆาเบียร์ เตบาส ประธานลาลีกา
เปเรซ ไม่ถูกกับ เซเฟริน ประธานยูฟ่า
เปเรซ ไม่ถูกกับ เมดิน่า กันตาเลโฆ่ ประธานผู้ตัดสิน
และหลาย ๆ ครั้ง เปเรซไม่เห็นด้วยกับสหพันธ์ฟุตอลสเปน
จะเห็นว่าตอนนี้ประธานสโมสรมาดริดมีแต่ ‘ศัตรู’ เต็มไปหมด และเมื่อมีการตัดสินใจอะไรจากองค์กรเหล่านี้ซึ่งสโมสรไม่เห็นด้วย เปเรซก็จะมองทันทีว่า เรอัล มาดริด โดนกลั่นแกล้ง
เข้าใจว่าสามารถคิดแบบนั้นได้ แต่สามารถมั่นใจ ฟันธง และตีโพยตีพายทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานอะไรได้จนหลุดกรอบขนาดนี้เลยเหรอ ?
สิ่งที่เปเรซมักจะทำในช่วงหลังคือ ‘บอยคอต’ ทุกอย่าง หากมีอะไรที่ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการบอยคอตบัลลงดอร์, บอยคอตการประชุมลาลีกา, และล่าสุดคือจะบอยคอตผู้ตัดสิน
เท่ากับว่า สิ่งที่เปเรซมองคือหลุกจากกรอบของหลักเหตุผลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เป็นการมองว่าที่ทุกอย่างไม่เป็นตามใจตัวเอง คือการถูกกลั่นแกล้งจากคนที่เป็นศัตรู
•วินิซิอุสไม่ได้บัลลงดอร์เพราะ ‘เซเฟริน’ กลั่นแกล้ง และเอาคืนเรื่องซูเปอร์ลีก
•มาดริดไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ กับลาลีกา เพราะ ‘เตบาส’ เป็นพวกต่อต้านซูเปอร์ลีก
และอื่น ๆ อีกมากมาย
ปัญหาของเรื่องนี้คือ ‘เปเรซ’ เล่นและมองทุกอย่างเป็นเกมการเมืองมากจนเกินพอดี…
แก้ไขล่าสุดโดย toOnSir เมื่อ Sat Apr 26, 2025 15:42, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ