ผมอยากแลกลองแลกเปลี่ยน เลยขออนุญาตตั้งมู้ใหม่ขึ้นมาอีกมู้ เพราะมู้เดิมมันตกไปไกล

เอาแบบวางใจเป็นกลาง แบบที่ไม่รู้ว่านิสัยจริงๆของดร.ผู้หญิง เป็นยังไง

ถ้าดร.ผู้หญิง เขาจะ appreciate กับการได้เห็นวิถีชีวิตแบบนั้นจริงๆ แล้วชื่นชมจากใจ
แบบนี้เขาผิดหรือเปล่า? แต่คงไม่ได้แปลว่าเขาจะต้องเข้าไปนั่งขลุกช่วยป้าๆทำใช่มั้ย?
หรือต้องออกไปนั่งกินกาแฟร้อนๆ ด้านนอกร้านเพื่อให้ความรู้สึกผิดในใจมันลดน้อยลง
หลายคนอาจจะมองว่า ก็ไม่ต้องโพสต์รูปดิ แบบนี้มันก้ทำให้คนเข้าใจผิดได้
ซึ่งผมก็เข้าใจได้นะถ้าจะมองแบบนี้ แต่ก็นั่นเเหละก็เขาโพสต์ไปแล้ว

ผมเลยลองมองเปรียบเทียบกับตัวเองที่ชอบไปเที่ยวชนบททั้งในไทยและต่างประเทศ ผมก็รู้สึกว่าความโบราณเหล่านี้มันทัชใจเราเหลือเกิน เรามักจะชอบถ่ายรูปโพสต์ให้เห็นบรรยากาศของความโบราณ ถ่ายรูปกับผู้คนท้องถิ่นในชุดนักท่องเที่ยวสะพายเป้และแบกกล้อง มันมีบางส่วนที่มันอาจจะถูกรื้อแล้วสร้างใหม่ลึกๆ เราก็เสียดาย แต่เราก้เข้าใจว่า ทุกอย่างมีเป็นพลวัฒน์ ไม่มีใครอยากลำบาก หรืออยู่กับความโบราณแบบนี้ไปตลอกหรอก

เช่นเดียวกันกับ ป้าๆ ถ้าเลือกได้ เขาก็ไม่อยากนั่งคัดใบยาสูบอยู่ตรงนี้ แต่ก็นั่นเเหละ มันเลือกไม่ได้
แล้วเราก็ช่วยเขาไม่ได้ เพราะมันก็เรื่องเดิมคือเรื่องโครงสร้างทางสังคม ที่มันมีให้เห็นอยู่ในชีวิตประจำวัน
(ซึ่งผมก็ไม่ได้จะบอกว่าให้มองมันเป็นเรื่องธรรมดานะ แต่เราพูดบนความเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่มันต้องขยับทั้งองคาพยพ เราก็ช่วยได้ในสิ่งที่ช่วยไหว เพราะเราก็โตมากับสังคมรากหญ้า แต่มันก็น้อยนิดจริงๆ)

ถ้าเราไม่โกหกตัวเองเกินไป เราก็ต่างรู้ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นปกติในสังคมบ้านเรา
เพียงแค่ แต่ละชนชั้นก้มีพื้นที่ของตัวเองที่ไม่ได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันตามปัจจัยแวดล้อม

สมมติว่า ถ้าเปลี่ยนกระจกด้านหลังเป็นผนังก่ออิฐ ดราม่าจบเลยนะ
แต่ความเหลื่อมล้ำมันก็อยู่เหมือนเดิมอะแล้วอยู่ในหลังคาเดียวกันด้วย

ประเด็นคือ มันคือภาพที่ถูกเฟรมมิ่งให้เห็น ว่ามันคนมีอันจะกินที่นั่งอยู่ในกระจก
มองเห็นคนรากหญ้านั่งทำงานอยู่ในโกดังร้อนๆ แล้วก็มีเป็นแพลตฟอร์มที่ทุกๆคนก็รุมสำเร็จความใคร่ทาง
ศีลธรรม แล้วมันยังไงต่ออะ

ผมแค่รู้สึกหงุดหงิดว่า movement แบบนี้มันเยอะมาก
แต่สังคมมันไม่ได้อะไร ไปมากกว่าการที่ทุกคนรุมแชร์รุมคอมเม้นต์
พอสามสี่วันผ่านไปเราก็กลับมาอยู่กันแบบ มีกระจกใสกั้นกลางแบบในรูปเลย

เอาเป็นว่าแค่บ่นหรือตัดพ้อกับตัวเองแล้วกันครับ
ถ้าใครเห็นต่างก็แลกเปลี่ยนได้ ไม่มีปัญหา

ผมว่า ดิสนีย์ มาดูงานด้าน woke ที่ไทยครับ บางคนบอกเพราะกระจกกั้นแล้วไงต่อวะแค่กระจกกั้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหรอวะ ก็ไม่นิ human zoo ทั้งที่ไม่รู้ความหมายละมั้ง

ส่วนตัวตกใจเหมือนกันว่าทำไมดราม่าแรงขนาดนี้ คือมันก็มีมุมให้คิดได้ แต่ไม่ใช่แตะไม่ได้ขนาดนี้

ปิดโรงงานทิ้งไปครับ ป้าจะได้ไม่ต้องมาทำงานเหนื่อยร้อนๆ รับเงินเดือนน้อยนิด แถมต้องโชว์ตัวให้คนอื่นดูอีก

Human zoo ก็ human zoo นั่นแหละ แต่ถามว่ามันผิดไหม ถ้าทุกคนเต็มใจ และสิ่งที่ทำไม่ผิดกม.มันก็ไม่ผิดไง แล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก ถ้าไม่ได้มีการบังคับ ต่อให้เลือกทำเพราะทางเลือกไม่เยอะแล้วนี่ก็เถอะ ก็ตามสภาพความเป็นจริงนั่นแหละ
แต่ถ้าคนมาเห็นแล้วจะคอมเม้นท์ ผมว่าก้ไม่ผิดนะ

ใครจะว่าzooไม่zooหรือยังไง ขอไม่ไปเปลี่ยนความคิดหรือว่าอะไรแล้วกัน แต่เวลาเจอคอมเม้นว่าคนมองต่างว่าดูแล้วไม่รู้สึกอะไรเหรอ โตมาแบบไหนเนี่ย รู้สึกแปลกๆทุกทีแหะ มันดูเท่ไปอะดิ

ผมกำลังนึกถึงพวก มวย คาบาเร่ นางโชว์

หรือพวกครัวเปิด หรืออาชีพบาร์เทนเดอร์?

ถึงบอกของแบบนี้ ว่ากันตามกฏหมาย ไม่ต้องมาเถียง แล้วถ้ามันร้ายแรงก็ใส่ลงกฏหมายไป เขียนให้ชัดว่าอะไรได้ไม่ได้ ขอบเขตอยู่ที่ตรงไหน

**Edit เพิ่ม**

จริงๆก็เข้าใจคนที่จะมองเป็นHuman Zoo ที่นี้ต้องถามผู้ออกแบบว่า ตอนสร้างSpace ตั้งใจทำอะไร ซึ่งมันสามารถ สร้างบรรยากาศให้คนรู้สึกได้จริงๆ ประกอบกับความเป็นวิถีชาวบ้าน และรูปที่ออกมา ผมก็ยังไม่เห็นที่ว่า ดร.อะไรนั่น เลยอาจจะทำให้คน(ชาวเน็ท) ตีความว่าเป็นแบบนั้น บางทีถ้าไปยืนในSpace อาจจะหรือไม่อาจจะรู้สึกแบบนั้นก็ได้ และคุณจะไปตีความว่าแรงงานในนั้นรู้สึกต่ำต้อย ก็ไม่ได้อีก เค้าอาจจะภาคภูมิใจกับงานที่เค้าทำก็ได้

เหมือนที่กล่าวไปข้างต้น อย่างนักมวยที่ฐานะยากจนลำบาก ต่อยเงินหลักพันหลักหมื่น อันนี้ไม่หนักกว่าหรอ ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้อยากเจ็บตัวเหมือนกัน จำใจมาต่อยเยอะแยะ

นางโชว์ทั้งหลาย โคโยตี้ หางเครื่อง บางคนอาจจะไม่อยากทำก็ได้ ยังโดนคนมีเงิน ผู้ใหญ่มาลวนลามทั้งสายตาและร่างกายอีก เอาเงินมาโยนๆได้แต๊ะอั๋ง มันก็พูดยาก เพราะงั้นกฏหมายHuman rightต้องชัดเจน ประชาชนต้องพึ่งได้ ถ้าพนักงานโรงงานไม่พอใจ สามารถฟ้องกรมแรงงานให้เอาผิด เจ้านายได้โดยต้องไม่กลัวจะเดือดร้อน กฏหมายต้องคุ้มครองประชาชนอย่างเท่าเทียม แล้วไปว่ากันในชั้นศาล ezpz

ผมสรุปง่ายกว่านั้นได้มั๊ยฮะ..

- คนแดรก(ลูกค้า)ไม่ได้มีปัญหา

- เจ้าของไม่ได้มีปัญหา

- ลูกจ้างก็ไม่ได้มีปัญหา (ดราม่าๆนี่ได้ไปคุยกับเค้าซักคนรึยัง)

แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนเนี่ย?? อ่อ ชาวเน็ต

งี้การที่เราไปทัศนศึกษา โรงงาน ถือว่าHuman zoo ได้ไหม

จะมองHMZ ก็ได้อ่ะ เหมือนอารมณ์นั่งจิบชาสตาบัค แล้วผมกำลังมอง พนักงานกำลังเกบโต๊ะ หรือกำลังกวาดหน้าร้าน งี้HMZ ด้วยไหม

Foucault นิยามว่า Human zoo ยุคนี้
ทำงานออฟฟิส ก็ Modern Human Zoo น้ะจ้ะ โดนกักขังหน่วงเหนี่ยวอะป่าว อาจจะใช่

9am To 5pm แก๊ง Auto mode Salary Club ตื่นเช้า กิน กาแฟ ทำงาน กลับบ้าน ดู Netflix นอน
เหมือนสัตว์ที่ถูกฝึกให้ทำสิ่งเดิมซ้ำๆ เพื่อความบันเทิงหรือวัตถุประสงค์ของผู้เลี้ยง

มีพฤติกรรมซ้ำซากในระบบทุนนิยม (ทำงาน-กิน-นอน-และก็ชอปปิ้ง-รอคนของราคาจากคนเลี้ยง)
ถูกจับตามองหรือควบคุมโดยระบบ (CCTV, AI, Data surveillance,สแกนนิ้ว,KPI)

ผมเม้นขำๆนะ เคสนี้ผมว่าร้านอะซวยละ เจอชาวเนตเข้าให้

การมองคนอื่นด้อยกว่าตัวเอง บางคนก็แสดงออกมาเป็นความสงสาร ความwoke ความromanticize
ภาพมันcontrast อันนี้จริง แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่า เจ้าของกิจการกดขี่แรงงาน
แรงงานตรงนั้นก็ทำอาชีพของเขา ซึ่งก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมามองด้วยความสงสารเช่นกัน

ถ้ามันไม่ได้มีการกดขี่มันจะเข้าข่ายHMZยังไง ถ้าคิดแค่ว่าเราไปดูคนทำงานแลกเงิน=HMZงี้นักกีฬาก็ถือว่าเป็นHMZดิควรเลิกสนับสนุนก่อนเลยไหม

ผมเฉยๆ ไม่ได้มาเรียกร้องหรือต่อว่าแบบคนอื่น แค่มองว่ามันไม่เห็นน่าดูเลย

ภาพของดร.มันดู Contrast มากเกินไปนั่นแหละ คนนึงนั่งเก้าอี้อยู่ในห้องแอร์ จิบกาแฟ โดยที่ background เป็นแรงงานนั่งทำงานกับพื้น

คือในมุมของคนส่วนนึง ก็มองว่าการทำงานกับพื้น แรงงานแบบนี้ แทบจะอยู่ชนชั้นล่างสุด ชนชั้นเดียวกับกรรมกร

หรือบางทีอาจดูแย่ยิ่งกว่าด้วยซ้ำ ในยุคเครื่องจักร แต่คนยังคงนั่งทำงานกับพื้น กับใบไม้

คุณพอจะนึกภาพของความขัดแย้งออกไหม นั่นแหละ

และในระดับการทำงานของเรา ถึงแม้จะพยายามรณรงค์กันว่ามันเท่าเทียม แต่มันก็ไม่เคยเท่าเทียมกันแต่ไหนแต่ไร

ในโลกทุนนิยมแบบนี้ หมอกับแรงงาน ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างแน่นอน

และคุณไม่สามารถเปรียบเทียบระหว่าง ลูกค้า vs เชฟโอมากาเสะ, ผู้ชม vs นักกีฬา, หรือ ลูกค้า vs ร้านทำรถ เพราะมันคนละเรื่องกัน

เพราะนั่นคือบริการที่เสิร์ฟให้ผู้ชมโดยตรง แตกต่างจากลูกค้าร้านกาแฟ กับมนุษย์ที่นั่งหลังขดหลังแข็งกับพื้น ทำงานกับใบยาสูบ

มันดราม่า เพราะการนำเสนอที่ต่างกันคนละขั้วแบบนี้แหละครับ

แต่ถ้าถามตัวผม ผมเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรไหม ขอตอบว่าไม่อย่างแน่นอน

เพียงแต่พอจะเข้าใจในบริบทว่า ทำไมมันถึงดราม่ากันได้

ถ้าถามว่าควรดราม่าขนาดนี้ไหม ผมก็คิดว่าไม่ควรอีกอยู่ดี ภาพจากดร.ก็แค่ภาพ ๆ นึง