70ปีที่รอคอย! สูตรเด็ด ‘นิวคาสเซิล’ ที่ใช้พิชิต ‘ลิเวอร์พูล’
#TacticAnalysis 70 ปีที่รอคอย! สูตรเด็ด ‘นิวคาสเซิล’ ที่ใช้พิชิต ‘ลิเวอร์พูล’ ⚫️⚪️
ภาพที่ ‘แดน เบิร์น’ โขกในเกมนัดชิงเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังตราตรึง ..
70 ปีที่พวกเขารอคอยถ้วยระดับ ‘เมเจอร์’ มานาน ผ่านความขมขื่น, ผ่านการร้องไห้จากวันที่ทีมตกชั้น, ผ่านการหาลิ้งค์ดูบอลผ่านเน็ตในยุคที่ยังยากต่อการค้นหา และ กระตุกเป็นระยะๆ โดนปู้ยี้ปู้ยำมานับไม่ถ้วน…
บัดนี้เนิ่นฟ้าเมือง ‘นิวคาสเซิล’ ได้สดใสกับเขาบ้างแล้ว ✨
ถ้าใครได้ดูเกมเมื่อวานต้องบอกว่า เป็นชัยชนะ ‘หมดจด’ จริงๆของ ‘เดอะ แม็กพายส์’ ทั้งรูปเกม และ บรรยากาศกองเชียร์ที่ถือว่า ‘สมศักดิ์ศรี’ ด้วยประการทั้งปวง
เมื่อวานนี้ผมเพิ่งวิเคราะห์ก่อนเกมถึงโอกาสของ นิวคาสเซิล ที่จะพลิกเอาชนะ ลิเวอร์พูล
และ ในโพสต์นี้ก็จะขอลง ‘สูตรเด็ดของ นิวคาสเซิล’ ที่ใช้ปราบ ’ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก’ ประจำปีนี้ได้สำเร็จครับ
[ เช่นเคยครับ ถ้าชอบบทวิเคราะห์นี้ ติดตามเพจผมได้ใน TacticMan ครับ ]
https://www.facebook.com/profile.php?id=100088646529737 ]
_____________________
#1 ใช้ ‘ฟาเบียน ชาร์’ Break Defensive Line ‘ลิเวอร์พูล’
เกมนี้ ‘เอ็ดดี้ ฮาว’ วางหมากมาได้ดีมาก และ ทำการบ้านเล่นงานกองกลาง ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดี เมื่อวานนี้ผมโพสต์ไปแล้วว่าจุดเด่นของ นิวคาสเซิล ยุค เอ็ดดี้ ฮาว คือ High Press ที่มี ‘Intensity’ สูงมาก ซึ่ง Key สำคัญอยู่ที่ ‘อย่าผ่อน-อย่าพัก’ High Press อย่าให้พื้นที่คู่แข่งเล่น
และ เกมนี้พวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้อง ‘ผิดหวัง’
นัดนี้ผู้เล่น นิวคาสเซิล High Press ใส่สุดยันผู้รักษาประตู ชนิดที่แข้ง ‘หงส์แดง’ ไม่มีเวลาคิดจริงๆ แต่มีอีก 1 จุดที่ ‘เอ็ดดี้ ฮาว’ วางหมากมาเซอร์ไพร์สเรานั่นก็คือการ Break Line เกมรับ ลิเวอร์พูล โดยใช้ ‘ฟาเบียน ชาร์’ ครับ
ไม่ว่าจะเวลา Build up เกม หรือจังหวะ Transition เราจะได้เห็นบอล Long Passes จาก ‘ฟาเบียน ชาร์’ ที่พยายามตัดไลน์เกมรับ ลิเวอร์พูล ไปให้ ‘อเล็กซานเดอร์ อิซัค’ ได้เก็บบอลหลายครั้ง
อาจสำเร็จมั่ง - พลาดเป้ามั่ง แต่นั่นก็เหมือนกับกดให้คู่เซนเตอร์อย่าง ‘โคนาเต้-ฟาน ไดจ์ค’ มีงานที่ต้องพะวงเพิ่ม และ ไม่สามารถดันขึ้นสูงมาช่วยกลาง ลิเวอร์พูล Build up ได้
ในภาพนี้คือ Passes Map ของ ‘ฟาเบียน ชาร์’ ที่พยายามโยนบอลตัดไลน์เกมรับของ ลิเวอร์พูล หลายครั้ง
ซึ่งนี่เป็นไม้ตายที่ ‘เอ็ดดี้ ฮาว’ งัดมาใช้โดยเฉพาะ เพราะปกติไม่ได้โยนบ่อยขนาดนี้
#2 สูตรเตะมุมใหม่ ใช้ความโย่งของ ‘แดน เบิร์น’ ให้เป็นประโยชน์!
นี่คือ ‘สูตรเตะมุม’ ใหม่ที่ เอ็ดดี้ ฮาว ซักซ้อมกันอย่างดี และ มันก็ได้ผล! ในเกมนี้โดยเฉพาะครึ่งเวลาแรก เราจะเห็นได้ว่า นิวคาสเซิล เมื่อได้เตะมุมนั้นจะโยนบอมบ์ไปที่ ‘เสาไกล’ ให้ ‘แดน เบิร์น’ โหม่งตั้งให้เพื่อนหลายครั้ง
ซึ่งจริงๆก่อนจะเสียประตูแรกนั้น นิวคาสเซิล ได้ เล่นในลักษณะนี้เตือนเกมรับ ลิเวอร์พูล มา 1-2 ครั้งแล้ว
แต่ในประตูขึ้นนำ 1-0
อันนี้คือความยอดเยี่ยมของ ‘แดน เบิร์น’ เองที่ต้องบอกว่า ‘เด็ดขาด’ เหลือเกิน !
[ถ้าเราสังเกตจากภาพทั้งบน และ ล่าง ] จะเห็นได้ว่าลักษณะการยืนของผู้เล่นทั้งให้ ‘โตนาลี่’ อยู่บริเวณนอกกรอบเขตโทษ, ให้ ‘บรูโน่ กิมาไรซ์-ฟาเบียน ชาร์’ ไปยืนรอกรอบ 6 หลาคือไม่ต่างกันเลย
แต่ลูก 1-0 นี้คือความยอดเยี่ยมของเซนส์บอล ‘แดน เบิร์น’ เองที่คราวนี้ไม่เลือก โหม่งชงเข้ากล่ง แต่โขกเองเลยได้อย่างเฉียบขาด ชนิดที่ ‘เป๊ะทั้งน้ำหนัก และ ทิศทาง’
เชื่อว่าถ้าให้โหม่งแบบนี้อีกรอบ ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ซึ่งตรงนี้ต้องชม ‘คีแรน ทริปเปียร์’ เช่นกัน ที่ซักซ้อมกันอย่างดี โยนได้แม่นจับวางทุกครั้ง
#3 Man to Man หรือ ‘1 v 1’ Marking !
ผมเพิ่งเขียนไปวันก่อนว่าแท็คติกอย่างหนึ่งที่ นิวคาสเซิล ใช้เล่นงาน อาร์เซน่อล ในรอบรองฯ คือ การประกบแบบ ‘1 v 1’ ซึ่ง เอ็ดดี้ ฮาว ก็งัดไม้เด็ดนี้มาใช้อีกครั้ง
การปิดตายแบบ ‘Man to Man’ พ่วงด้วยการเพรสแบบถึงลูกถึงคน ทำให้ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ไม่ได้ตั้งเกมอย่างถนัดเลย และ แทบไม่มีเวลาคิด หรือ หายใจ
อีกหนึ่งสิ่งที่ นิวคาสเซิล วางหมากมาได้เยี่ยมก็คือการ ‘แพ็คกลางแน่น’ ยามจังหวะ Defensive Phase และ ปิดช่อง connect ระหว่าง ‘ซาบอสไล-กราฟเฟ่นเบิร์ก-แม็ค อลิสเตอร์’ ได้เป็นอย่างดี รวมถึง ‘ลิฟราเมนโต้’ ที่ปกติเล่นแบ็กขวา แต่เกมนี้โดนโยกมาเล่น ‘แบ็กซ้ายจำเป็น’ ทำให้คาดเดาได้ยาก และ ใช้ความเร็วคอยเพรส ‘ซาลาห์’ ให้เล่นได้ยาก
#สรุป
นี่คือเกมที่ออกมาได้แบบ ‘เกินคาด’ นิวคาสเซิล ใส่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และ คู่ควรกับคำว่า ‘แชมป์เปี้ยน’ จริงๆ และ ถ้าดูจาก Shot Map แทบเป็นแต่ นิวคาสเซิล ที่กดเข้าใส่
ขณะที่ ลิเวอร์พูล เหมือนจะเริ่มออกอาการล้าจากการที่ใช้ Line11 ตัวจริงเดิมๆ ทุกนัดมาตลอดทั้งซีซั่น จนเริ่มส่งผลต่อความสดผู้เล่นใน 2 นัดหลังสุดนี้
และส่วนหนึ่งก็ต้องบอกว่า นิวคาสเซิล นั้นโชคดีด้วย กับ การที่ ‘เทรนด์ อาร์โนลด์’ ผู้เปรียบดั่งห้องเครื่อง หรือ Creative ประจำทีม ‘หงส์แดง’ นั้นบาดเจ็บกระทันหัน ทำให้มิติหลักๆของ ลิเวอร์พูล แทบหายไป
#สุดท้ายนี้ ผมชอบอยู่ประโยคหนึ่งที่ไปเจอมาใน X ครับ
มีประโยคหนึ่งที่มีแฟนบอล นิวคาสเซิล คนหนี่งโพสต์ลงก่อนเกมนี้ว่า
‘สำหรับ ลิเวอร์พูล ถ้าคว้าแชมป์ได้มันคือ โบนัส , แต่สำหรับชาวเมือง นิวคาสเซิล แชมป์นี้มันคือประวัติศาสตร์’
หลังเกมนี้ มันคือ ‘ประวัติศาสตร์’ จริงๆ
ที่ผ่านมาพวกเขาเหมือนโดน ‘ต้องสาป’ ทั้งที่แพสชั่นของ ‘แฟนบอลทีมนี้’ ที่ไม่ว่าคุณจะเห็นพวกเขาอยู่เมืองไหน..ประเทศไหน
นี่คือทีมที่คู่ควรกับคำว่า ‘บิ๊กทีม’ อย่างแท้จริง
บัดนี้ ‘คำสาป’ สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับ ‘ยุคใหม่’ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
นิวคาสเซิล ไม่ใช้ทีม ‘ต้องมนต์ดำ’ หรือ ‘loser team’ แบบที่ใครๆล้ออีกต่อไป…
ด้วยเม็ดเงินที่จะถูกสนับสนุนอีกจากนี้ + โครงสร้างที่กำลังวางไว้ พวกเขาพร้อมแล้วกับการสร้าง ‘ประวัติศาสตร์หน้าใหม่’ อีกไม่กี่ปีนับจากนี้ ..
70 ปีที่ผ่านมาช่างยาวนาน
แต่เมื่อมันสิ้นสุด และ มาสิ้นสุดในยุคของเรา
มันก็ช่าง ‘คุ้มค่า-สมมงค์’ กับที่แฟนๆรอคอยครับ ✨
TacticMan