ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: Play Forward

: 0 ใบ

: 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Sep 2009
ตอบ: 11466
ที่อยู่: Fromis_9
โพสเมื่อ: Mon Mar 10, 2025 10:57
เมียเพื่อนก็ไม่สน รักแท้ต้องแย่งชิง (สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก )
เมื่อเจอคนที่ใช่ ในเวลาที่ผิด ฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีสามีอยู่แล้ว คุณจะไปต่อ หรือพอแค่นี้
นี่คือ EP จบ ในเรื่องราวความรักชุลมุน ของสเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเยอรมัน ที่แอบคบลับๆ กับภรรยาของอดีตเพื่อนร่วมทีม โทมัส สตรุ๊นซ์
------------------
ตั้งแต่สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก ย้ายมาบาเยิร์น มิวนิค ในช่วงปี 1998 จนถึงอำลาทีมในปี 2002 ผู้จัดการทีมอ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ แต่งตั้งให้เขาเป็นกัปตันทีม และ เป็นมือสังหารจุดโทษเบอร์หนึ่งของทีม
นั่นเพราะเอฟเฟ่นแบร์ก เป็นคนที่เยือกเย็นมาก รับแรงกดดันได้ดีเสมอ ตัวอย่างเช่น ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2001 ที่บาเยิร์น เจอกับบาเลนเซีย ในขณะที่บาเลนเซียนำอยู่ 1-0 ทีมเสือใต้ได้จุดโทษ คนที่รับหน้าที่สังหารในสถานการณ์ที่เครียดที่สุด ก็คือเอฟเฟ่นแบร์ก
และเขาก็ยิงเข้าไปไม่พลาด จนบาเยิร์นตีเสมอ 1-1 ก่อนเอาชนะในช่วงดวลจุดโทษ (ซึ่งเอฟเฟ่นแบร์กก็ยิงจุดโทษเข้าอีก) คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 4 ไปครอง
ถ้าอยู่ในสนาม เอฟเฟ่นแบร์ก ไม่เคยกลัวที่จะต้องรับมือกับคู่แข่งใครทั้งนั้น แต่มาคราวนี้ เขาเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด เพราะโทมัส สตรุ๊นซ์ รู้แล้วว่าเขาแอบเล่นชู้กับ คลาวเดีย
คลาวเดียพลาดเอง ที่ไม่ยอมลบหลักฐานทางโทรศัพท์ เมื่อสตรุ๊นซ์ไปเช็กมือถือ ไล่อ่านข้อความก็รู้เรื่องทันทีว่า ภรรยาของเขาแอบคุยกับเอฟเฟ่นแบร์กได้ 3 สัปดาห์ แถมยังนัดไปมีอะไรกันหลายครั้งแล้วที่โรงแรมทั้งในมิวนิค และ ในดุสเซลดอร์ฟ
เอฟเฟ่นแบร์ก กับ สตรุ๊นซ์ รู้จักกันดี ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน มีอายุเท่ากัน และเคยลงเล่นที่บาเยิร์น มิวนิคด้วยกันถึง 4 ฤดูกาล เช่นเดียวกับในทีมชาติเยอรมัน ตอนฟุตบอลโลก 1994 พวกเขาก็ยืนตัวจริงคู่กันในแผงมิดฟิลด์มาแล้ว
เอฟเฟ่นแบร์กรู้ดีว่า สตรุ๊นซ์คงแค้นมาก คือลำพังแค่เมียมีชู้ก็หนักแล้ว แต่มาแอบกินกันเองกับคนที่รู้จักกันดี จะให้ใจเย็นคงจะไม่ไหว
7 เมษายน 2002 มือถือของเอฟเฟ่นแบร์กดังขึ้นมา คนที่โทรมาหาเขา คือโทมัส สตรุ๊นซ์
เมื่อรับสายปั๊บ สตรุ๊นซ์ด่าแหลกว่าเอฟเฟ่นแบร์กคือไอ้สารเลว พร้อมกับตะคอกใส่แบบไม่ยั้ง แล้วก็บอกว่า ถ้าติดต่อหาคลาวเดียอีกครั้งแกตายแน่ ไอ้ชาติชั่ว
เอฟเฟ่นแบร์กเล่าว่า "ผมปล่อยให้เขาโมโหไปเลย ไม่แปลกใจหรอก ที่เขาจะรู้สึกแบบนั้น เมื่อมีจังหวะที่เขาหยุดพักหายใจ ผมก็อธิบายสถานการณ์กับเขาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่ฟัง ด่าผมกลับมาอีก แล้วขู่ว่าจะบอกสื่อมวลชนให้หมด ให้อาชีพผมล่มจมไปเลย"
"ผมบอกเขาว่า 'โทมัส เรื่องนี้มีเด็กๆ ถึง 5 คนต้องเกี่ยวข้องด้วยนะ จะทำอะไรก็คิดถึงพวกเขาก่อนนะ' เราคุยกันประมาณ 3-4 นาที ก็วางสาย"
ความยุ่งเหยิงของเรื่องนี้ คือเอฟเฟ่นแบร์ก มีลูก 3 คนกับภรรยา-มาร์ติน่า (ลูกติดภรรยา 1 คน และลูกของพวกเขาอีก 2 คน) ส่วนสตรุ๊นซ์กับคลาวเดียมีลูกด้วยกัน 2 คน ถ้าหากเรื่องนี้จัดการอย่างไม่ระมัดระวัง มีโอกาสที่เด็กๆ ทั้งหมด จะกระทบจิตใจอย่างรุนแรง
หลังจากที่โดนจับได้ เอฟเฟ่นแบร์ก กับ คลาวเดีย ไม่ได้คุยกันหลายวัน ทั้งคู่ใช้เวลานี้ไปค้นใจตัวเอง ว่ามันเป็นแค่ความหวือหวาชั่วคราว หรือ พวกเขาชอบกันจริงๆ ถึงขั้นจะเลิกกับแฟนตัวเอง แล้วมาคบกันได้
10 เมษายน 2002 สามวันหลังจากทะเลาะกับสตรุ๊นซ์ เอฟเฟ่นแบร์กเดินทางไปสเปน เพื่อแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายเลกสอง ด้วยจิตใจที่ไม่มีสมาธิ ทำให้เขาเล่นไม่ออก และบาเยิร์นก็แพ้เรอัล มาดริด ไป 2-0 รวมผลสองนัด แพ้ 3-2 ตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างเจ็บช้ำ
แต่เรื่องฟุตบอลตอนนั้น ไม่ได้สำคัญกับเขาอีกแล้ว เพราะเขาคิดถึงแต่เรื่องคลาวเดีย ในมุมของเอฟเฟ่นแบร์ก มันไม่ควรจะจบกันแบบนี้
ช่วงปลายเดือนเมษายน เอฟเฟ่นแบร์กโทรหาคลาวเดีย บอกว่าเราควรมาเจอหน้ากันอีกสักครั้ง เพื่อความชัดเจนของทุกอย่าง ว่าจะเอายังไงต่อ
ทั้งสองคนนัดกันที่โรงแรมเคมปินสกี้ ที่เมืองมิวนิค นัดคุยกันที่ห้องนอนของคลาวเดีย โดยเอฟเฟ่นแบร์ก นั่งโซฟาที่อยู่ห่างจากคลาวเดีย 3 เมตร เขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอเกินไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็คงจะเผลอไปกับบรรยากาศอีก
เอฟเฟ่นแบร์ก บอกว่า เขาพร้อมยอมแลกทุกอย่าง ยอมหย่ากับภรรยาก็ได้ เพื่อที่จะได้คบกัน จากนั้นถามคลาวเดียว่า แล้วคุณล่ะ จะเลือกแบบไหน
เอฟเฟ่นแบร์ก อธิบายว่าถ้าหากอยากจะไปต่อ ต้องรับมือกับแรงกดดันมากมายแน่นอน และอาจโดนคนทั้งประเทศประณามว่าเป็นคนที่เลือดเย็น หักหลังคนรักอย่างไร้เยื่อใย ดังนั้นคลาวเดียต้องถามใจให้เคลียร์ๆ เลยว่า จะรับได้ไหม ถ้าเจอคนอื่นพูดถึงแบบนั้นหลายๆ ปี คือถ้าคลาวเดียรู้สึกว่า 'ไม่อยากไปต่อ' เขาพร้อมจะจบทุกอย่างทันที และไม่มีการคุยกันอีกต่อไป
คลาวเดียตอบว่า เธออยากมีความตื่นเต้นในชีวิตรักอีกครั้ง เธออยู่กับสตรุ๊นซ์ตอนนี้ก็ไม่ได้มีความสุขอะไร แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ดังนั้นเธอก็พร้อมจะหย่ากับสามีเหมือนกัน และตั้งเป้าหมายว่า จะได้รักกับเอฟเฟ่นแบร์กอย่างถูกต้อง ได้นั่งดื่มกาแฟตอนเช้าด้วยกัน แบบไม่ต้องแอบซ่อนอย่างนี้
11 พฤษภาคม เอฟเฟ่นแบร์ก ไปบอกมาร์ติน่า - ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ว่าเขามีแฟนใหม่แล้วนะ และจะขอแยกกันอยู่ ตอนแรกมาร์ติน่าคิดว่าพูดเล่น แต่เอฟเฟ่นแบร์กยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
มาร์ติน่ารับไม่ได้ ขณะที่ลูกๆ 2 คนโต คือนาสตาเซีย (14 ปี) กับ โนเอล-เอเตียนน์ (12 ปี) ทั้งคู่โตพอแล้ว และรู้สึกโกรธพ่อที่มาทำแม่ได้ลง
มาร์ติน่า พาลูกๆ บินหนีไปอยู่อเมริกาทั้งหมด เธอทำใจไม่ได้ เพราะสามีที่แต่งงานกันมา 13 ปี ผ่านเรื่องราวชีวิตกันมามากมาย จะตัดสินใจเทเธอทิ้งได้อย่างเย็นชาขนาดนี้
ความยุ่งยากของเรื่องนี้ คือ มาร์ติน่า เป็นเอเยนต์ส่วนตัวของเอฟเฟ่นแบร์กด้วย และคอยจัดการเรื่องโฆษณาให้ทุกอย่าง เมื่อไม่มีมาร์ติน่า ชีวิตของเอฟเฟ่นแบร์กจึงยุ่งยากกว่าเดิมมากๆ แต่เขาก็ยอมแลก
เมื่อมาร์ติน่าย้ายออกไปอยู่อเมริกา เอฟเฟ่นแบร์กเหลือตัวคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ที่มิวนิค เขาร้องไห้เสียใจที่เรื่องต้องจบแบบนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกดี ที่เคลียร์เรื่องตัวเองเรียบร้อย จะได้ไปจีบคลาวเดียได้อย่างเปิดเผยเสียที
หลังจบฤดูกาล 2001-02 เอฟเฟ่นแบร์ก มีโปรแกรมต้องเดินทางมาที่ประเทศไทย เพื่อมาทำงานในมูลนิธิการกุศลช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ที่ดอยวาวี จังหวัดเชียงราย
เอฟเฟ่นแบร์กชวนคลาวเดียมาด้วยกัน แต่โทมัส สตรุ๊นซ์ขู่คลาวเดียว่า ถ้าเกิดขึ้นเครื่องมาประเทศไทย ก็หย่ากันไปเลย และสตรุ๊นซ์จะยึดบัตรเครดิต ไม่ส่งเงินให้ใช้อีกต่อไป
แต่คลาวเดียไม่สน เธอบินมาประเทศไทยพร้อมกับเอฟเฟ่นแบร์ก ทั้งคู่นอนที่โรงแรมโอเรียนเต็ลในกรุงเทพ ก่อนจะขึ้นไปดอยวาวี ที่เชียงรายด้วยกัน และจุดนี้เอง ที่ทำให้ผู้คนทั่วไปเริ่มรู้เรื่อง เพราะเอฟเฟ่นแบร์กไปเที่ยวกับเมียสตรุ๊นซ์ เป็นภาพที่แปลกประหลาดมากจริงๆ
เมื่อคลาวเดียกลับมาที่เยอรมัน สตรุ๊นซ์ยึดบัตรเครดิต และไม่ให้เงินไว้ใช้จ่ายอีกต่อไป แต่เอฟเฟ่นแบร์กสัญญาว่าจะซัพพอร์ตเรื่องรายได้ทั้งหมด ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลทั้งนั้น เอาแค่ตัวออกมาก็พอ
สุดท้ายเมื่อไม่มีอะไรต้องห่วง คลาวเดียจึงตัดสินใจขอหย่า เธอเองก็หมดรักสามีแล้ว ใจของเธอมีให้แค่กับผู้ชายคนใหม่เท่านั้น ส่วนเรื่องลูกก็ค่อยมาจัดสรรแบ่งกันว่า ใครจะอยู่กับลูกวันไหนบ้าง
คลาวเดียมองว่า ทำไมเธอต้องฝืนอยู่กับคนที่เธอไม่ได้รัก ทั้งๆ ที่มีคนที่เธอรักมากกว่ารออยู่
ณ เวลานี้ คนซุบซิบเรื่องนี้กันทั้งเมือง ทุกอย่างมันบานปลายสุดๆ แล้ว ทำให้เอฟเฟ่นแบร์ก กับ คลาวเดีย ตัดสินใจไปออกรายการโทรทัศน์ ช่อง RTL เพื่อเล่าให้ฟังจากปากตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น
เอฟเฟ่นแบร์ก ให้สัมภาษณ์ในรายการว่า "ใช่ เราสองคนคบกัน ผมขอยืนยันในเรื่องนั้น เรารู้จักกันมานาน 4 ปี และใช้เวลาร่วมกันอยู่เรื่อยๆ ตอนที่ผมเล่นอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค"
"มันเป็นจังหวะที่ผมห่างเหินกับมาร์ติน่า และ คลาวเดียห่างเหินกับโทมัส นั่นทำให้เราสองคนได้คุยกัน"
"ตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมไม่ได้คุยกับโทมัสเพื่อเคลียร์ใจ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมเสียเพื่อนไป 1 คน แต่ก็ได้ผู้หญิงมาเป็นการแลกเปลี่ยน"
ในขณะที่เอฟเฟ่นแบร์ก กับ คลาวเดีย มีความสุขในรักครั้งใหม่ แต่มาร์ติน่า และ โทมัส สตรุ๊นซ์ พวกเขาเจ็บหนักมากจริงๆ
หนังสือพิมพ์บิลด์ ไปสัมภาษณ์สตรุ๊นซ์ และได้คำตอบว่า "ผมยังรักภรรยาของผมอยู่ และไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ มากกว่านี้ เพราะมันเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัว"
ส่วนมาร์ติน่า ก็ทำใจไม่ได้ ตอนแรกเธอคิดว่าสามีอาจแค่หลงใหลคลาวเดียชั่วคราว แล้วก็จะกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง คือคนเราคบกันมา 13 ปี จะเลิกกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ? แต่วันที่ 24 ธันวาคม 2002 เอฟเฟ่นแบร์กยืนยันว่า เขาอยากหย่าจริงๆ และจะไม่มีการถอยหลังอย่างแน่นอน
บทสรุปของเรื่องนี้ เอฟเฟ่นแบร์ก กับ คลาวเดีย ก็หย่าขาดจากคู่ของตัวเองได้สำเร็จ และมาแต่งงานกันในที่สุด โดยเอฟเฟ่นแบร์กบอกว่า สาเหตุสำคัญที่ต้องแต่ง เพราะไม่อยากให้คลาวเดีย ใช้นามสกุลสตรุ๊นซ์ต่อไป และเธอควรจะเป็นคลาวเดีย เอฟเฟ่นแบร์กต่างหาก
หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง เอฟเฟ่นแบร์ก เล่าว่า "คลาวเดียคือผู้หญิงที่พิเศษมากๆ เธองดงาม และมีเสน่ห์แบบอีโรติกที่ทำให้คุณคลั่งไคล้ นอกจากนั้นเธอยังเป็นแม่ที่ดีมาก ไม่สำคัญว่าหนังสือพิมพ์จะเขียนถึงเธอว่าอย่างไร เธอไม่ใช่คนเลวร้ายแน่นอน"
"คลาวเดียชอบปาร์ตี้ แต่ในทางกลับกันเธอก็ชอบอยู่บ้าน และเรามีโมเมนต์รีแล็กซ์หน้าเตาผิงด้วยกันบ่อยๆ สำหรับผมเธอคือผู้หญิงที่อยู่ในความฝัน"
"มีครั้งหนึ่งผมพูดกับเธอว่า 'น่าเสียดายนะ ที่เราไม่ได้เจอกันเร็วกว่านี้' แต่เธอตอบกลับมาว่า 'สเตฟาน คุณอย่าพูดแบบนั้นสิ การที่เราได้รู้จักกันในช่วงเวลาแบบนี้ อาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เรามีความกล้าแค่ไหน ที่จะรักกัน' ซึ่งผมคิดว่าเธอพูดถูกนะ"
ความหมายของคลาวเดียคือ ถ้าพวกเขารักกันมาก ถึงขนาดยอมหย่ากับคู่ตัวเองมาคบกัน แสดงว่ามันคงคลั่งไคล้กันแบบสุดๆ แล้ว
เหตุการณ์หลังจากนั้น พวกเขาก็คบกันมาเรื่อยๆ ในปี 2004 เอฟเฟ่นแบร์ก เขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเอง และในหนังสือก็ถ่ายรูปหวิวของคลาวเดียลงไปด้วย เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาให้คนเยอรมันมากทีเดียว
สำหรับการแย่งเมียเพื่อนครั้งนี้ ทำให้เอฟเฟ่นแบร์ก โดนสังคมประณามอย่างหนักอยู่ช่วงหนึ่งทีเดียว หลายคนบอกว่า การที่เขาไม่สามารถเป็นที่รักของแฟนบอลเยอรมันได้จริงๆ ทั้งๆ ที่ฝีเท้าเก่งมาก ก็เพราะเรื่องนี้ด้วย
แต่ความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือนับจากเลิกกับคนรักของตัวเอง เพื่อมาคบกัน นับจนถึงวันนี้ 2025 ผ่านมาแล้วเกิน 2 ทศวรรษ พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ในฐานะสามี-ภรรยา
คู่รักเอฟเฟ่นแบร์ก กลายเป็นหนึ่งในสามี-ภรรยา ที่อยู่ยืนยงที่สุด ในวงการฟุตบอลเยอรมัน
เหตุการณ์ความสัมพันธ์ของเอฟเฟ่นแบร์ก กับคลาวเดีย เป็นเหตุการณ์คลาสสิค ที่ทำให้คนตั้งคำถามกันว่า สมมุติเรามาเจอคนที่ใช่ ในเวลาที่ผิด ควรทำอย่างไรกันแน่
ระหว่างยอมรับความจริง ว่าเรามีคนของตัวเองแล้ว ไม่ควรสานต่ออะไรกับใครทั้งนั้น ใช้ชีวิตตามทำนองคลองธรรมที่ดี อยู่กับใครก็ควรรักคนนั้น ไม่ควรนอกใจเขา
กับอีกทางคือ อุตส่าห์เจอคนที่ใช่ที่สุดแล้วนะ จะปล่อยไปหรือ คุณรู้ได้ไง บางทีคนที่มาทีหลัง อาจจะเป็นคนที่ลงตัวกับชีวิตก็ได้ เหมือนเคสของเอฟเฟ่นแบร์กก็ทำให้เห็นว่า เขาอยู่ด้วยกันจนเกษียณเลยด้วย
บางคนบอกว่า "คนที่ใช่ ในวันที่ไม่ใช่ ให้นับว่าเป็นไม่ใช่"
แต่บางคนก็บอกว่า "รักแท้คือการแย่งชิง รักไม่จริงคือการเสียสละ"
ต่างคนก็ต่างมุมมองกันไป แม้แต่ที่เยอรมันเอง ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะด่าเอฟเฟ่นแบร์ก และคลาวเดีย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือความสัมพันธ์ของคู่นี้ คือหนึ่งในเหตุการณ์ความรักที่ฉาวโฉ่ที่สุดในวงการฟุตบอล แทงหลังเพื่อน แล้วคบกับเมียเขา ราวกับเป็น NTR ก็ไม่มีผิด และคงยากมาก ที่จะมีเรื่องราวความรักโหดๆ เลเวลนี้ มาเทียบเคียงได้อีก
[ จบ ซีรีส์ เอฟเฟ่นแบร์ก - สตรุ๊นซ์ ]
เครดิต : https://www.facebook.com/jingjungfootball
แก้ไขล่าสุดโดย EL Tigires เมื่อ Mon Mar 10, 2025 11:33, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
Tottenham Hotspur-Roma-New England Patriots-SC30-J.Lin7-TB12