BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องสมมติ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Jan 2009
ตอบ: 23179
ที่อยู่: รูในแอปเปิ้ล
โพสเมื่อ: Fri Feb 28, 2025 09:35
[RE: หลังจากเห็นทัศนะที่ รอย คีน พูดในรายการ Overlap เรื่องการ pressing ของนักเตะ Manchester United]
เสือร้องไห้ พิมพ์ว่า:
giggscii พิมพ์ว่า:
เสือร้องไห้ พิมพ์ว่า:
giggscii พิมพ์ว่า:
เอาง่ายๆ ต้องมีกุนซือสักคนที่กล้าหาญกว่าที่ผ่านมา คุยกันแล้ว ใครไม่วิ่ง ไม่แย่ง จับนั่ง จนกว่าจะหาคนที่วิ่งที่แย่งทั้งทีม

ถ้าไม่มีตัววิ่ง ก็ดันเด็กมันทั้งทีมไปเลย เด็กมันได้ขึ้นชั้น พร้อมวิ่งแย่งถวายหัวอยู่แล้ว ยิ่งสภาพอันดับตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสีย น่าทำมาก ไม่หักดิบเด็ดขาดก็แก้ไม่หายหรอก  


ผมขออนุญาตสมมติว่า มีโค้ชที่ทำแบบนี้จริง แต่คุณภาพเด็กมันไม่ได้ หรือนึกภาพมีแบบเฟรดทั้งทีม สู้ไม่ได้ ต้องแก้เกม ต้องประคองเกม

ท่านคิดว่าจะไม่ส่งตัวที่ไม่วิ่งลงไปได้รึเปล่า? นั่งกันอยู่เต็มม้านั่งสำรอง

แล้วพวกนั้นก้ต้องคิดว่า “หึ สุดท้ายก้ต้องพึ่งกูอยู่ดี”

กลายเป็นแตกหักทีมซีเนียร์ไม่พอ ดันลดอำนาจตัวเองขึ้นมาเฉยๆ

ผมว่าจุดสมดุลน่าจะเป็นการคุยกับนักเตะดีๆ สัมหล่อๆ นี่แหละ แต่ขอแค่กล้าเปลี่ยนตัวกลางทาง เช่น ถ้าเล่นแย่พักครึ่งแล้วเปลี่ยนเลย ส่วเด็กลงแม่มเลย ตัวหลัก กัปตัน กล้าเปลี่ยนหมด เหตุผลก้มีว่าเปลี่ยนทำไม

ยกตัวอย่างนัดล่าสุด โดนใบแดง ใช่ มันต้องเปลี่ยนตัวรุกตัวนึง คำถามคือทำไมต้องการ์นาโช่ ทั้งๆ ที่ฮอยลุนด์ห่วยกว่าแล้วดันเซิร์กซี่ขึ้นได้ ถ้าคุยเคลียร์กับนักเตะไม่ได้ คุณก้แค่โค้ชกะโหลกกะลาคนนึง  
ทุกวันนี้ มีแต่โค้ชกลัวโดนปลดไง นักเตะมันถึงเป็นแบบนี้ มันต้องเลือกเอานักเตะทัศนคติดีๆ ใครไม่ดีต้องแยกทาง เพราะอันดับผลงานที่ผ่านมา มันก็แสดงแล้วว่า สิ่งที่ทำมาตลอดแบบเดิมมันผิด  

เห็นด้วยกับการล้างครับ แต่มันไม่ควรทำโดยการส่งนักเตะเด็กๆ ลงเพื่อประกาศก้องโลกว่า “พวกที่ไม่ใช่ตัวจริงวันนี้ คือพวกที่ไม่เข้าแทคติกผม!!!” เข้าใจที่ผมจะสื่อใช่มั้ยครับ

การจะเข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายมันต้องคุยกันครับ ไม่ใช่ว่าใครขัดกับตัวเองก้โละให้หมด เหมือนคุณทำงานแล้วขัดกับหัวหน้า หัวหน้าไม่คุย โละคุณทิ้งเลยละกัน เอาเด็กฝึกงานมาทำแทน จบ

ผมเลยบอกว่าการคงอำนาจตัวเอง และให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองไม่ผิด คือเริ่มจากการเปลี่ยนตัวได้ทุกคน ไม่มีข้อแม้ ทุกคนเห็นผลงานในสนามครับไม่ใช่การซ้อม ไม่ใช่การหักดิบทีเดียวจับนั่งหรือตัดชื่อทีเดียวหมด เช่น ไอ้โอนาน่า พลาดปุ๊ป สมาธิหลุดก้เรียกมาด่าหรือเปลี่ยนแม่งเลย แล้วไปคุยหลังบ้านเพิ่มสมาธิ ซ้อมเพิ่มอะไรก้ว่าไป นี่แม่งเดินวนไปวนมา แล้วก้กลับไปนั่ง

บรูโน่เนี่ย จับมันนั่งบ้าง ถ้ามันจะสำคัญมากก้ให้มันดูเพื่อนเล่นก่อนบ้าง คุยกับมันหน่อยว่าทีมขาดอะไร เข้าไปเติมจุดนั้นไหวมั้ย ไหวก้เปลี่ยนตัวมาแก้เกมบ้าง ไม่ใช่ให้มันยืนเต็มทุกเกม สลับตำแหน่งทุกเกม ทำเสียมากกว่าทำดี แต่คุณจะเอานักเตะค่าเหนื่อยรวมๆ กันเป็นล้านปอนด์ต่อวีคไปนั่งกันหมด คุณก้โดนบอร์ดฟันทิ้งอยู่ดี

อันนี้ผมมองในมุมว่า “ถ้าผมเป็นโค้ช” นะครับ แล้วถ้าทำขนาดนี้แล้วยังผลไม่ต่างกัน แปลว่าทีมมันไม่รอดแล้ว ผมก้ไม่หักดิบอยู่ดีนะ ค่อยๆ ใช้เด็กที่ดูมีแววเรื่อยๆ พอโดนปลดก้รับค่าชดเชยไป ส่วนผลงานในสนามทั้งโลกเห็นแล้ว ด่าผมไม่ลงหรอก  
ผมว่าทุกวันนี้เราต้องคุยกันเรื่องต้องทำอย่างไร วิธีจัดการแก้ไข ถ้าเราคุยเรื่องเพราะอะไร เป็นอย่างไร ทำไมเป็นแบบนี้ ผลกระทบจะเกิดอะไรขึ้น ผมว่าทุกคนรู้หมดแหละ ไม่มีใครไม่รู้หรอก แต่ปัจจุบันมันแย่จนต้องหาทางแก้ไขแบบเด็ดขาด ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าผมคิดถูก แต่ใครมีวิธีดีกว่านี้ก็เสนอมา เราไม่ต้องอรัมบท เราต้องการวิธีเนื้อๆเน้นๆ เพื่อแก้ไขเท่านั้นแล้ว ณ ฟอร์มตอนนี้ แล้วผมคิดว่าเราแยกย้ายดีกว่าครับ เราคิดกันคนละทาง คุยต่อก็ไม่บรรจบ ไว้ความเห็นหน้าเราอาจคิดตรงกันครับ
แก้ไขล่าสุดโดย giggscii เมื่อ Fri Feb 28, 2025 09:38, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:
: 1 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Sep 2007
ตอบ: 11768
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Feb 28, 2025 14:15
[RE: หลังจากเห็นทัศนะที่ รอย คีน พูดในรายการ Overlap เรื่องการ pressing ของนักเตะ Manchester United]
กัปตันมาร์เวล พิมพ์ว่า:
ที่ คีน พูดใช่เลย "กดดันแบบขอไปที ทำเหมือนวิ่งเข้าเพลส แล้ววิ่งไม่สุดปล่อยผ่าน แล้วพอเขาผ่านไปได้ก็ทำเหมือนว่า.. ฉันทำหน้าที่ของฉันแล้วนะ"

มีหลายคนเลยเป็นแบบนั้น แล้วมันจะลามไปยังคนอื่น ๆ ด้วย

เช่นเคยวิ่งไล่สุด แต่เพลสคนเดียว ในหัวนักเตะบางคนคงต้องคิดแล้วแหละว่าทำไมชั้นต้องวิ่งคนเดียวด้วย ทำไมเราต้องใส่สุดคนเดียว คนอื่นเดินลอยชายมองเห็นก็รู้ว่าแกล้งเข้าบอลไปงั้น ๆ ยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรยังไม่เห็นมีใครด่าเลย ก็เล่นให้มันจบ ๆ ไป สิ้นสัปดาห์ก็รับเงินค่าเหนื่อย เวลาแพ้ก็รับผิดชอบทั้งทีมอยู่แล้ว หาร ๆ คำด่ากันไป เดี๋ยวก็มีใครซักคนนึงมาโพสต์ว่าเราเล่นกันเป็นทีมแพ้กันเป็นทีม ก็หลบ ๆ เนียน ๆ ในกลุ่มกันไป สุดท้ายเราก็ลอยตัว ผู้จัดการทีมก็รับผิดชอบ หน้าที่ของเขาอยู่แล้วนิ ปกป้องพวกเรา

คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เล่นมันอยู่ใน safe zone มานานแล้ว

เหมือนวัฒนธรรมอยู่ในระเบียบวินัยมานาน พอคนคุมวินัยออก(Sir Alex Ferguson)ก็ออกจากค่ายมาเมามาปลดปล่อยกันเต็มที่ จนทุกวันนี้ลืมไปแล้วว่าวินัยเป็นยังไง

การที่จะกำจัดเรื่องพวกนี้ได้สโมสรต้องช่วยกัน ฝ่ายบริหารต้องหนุนหลังและให้อำนาจผู้จัดการทีมอย่างเต็มที่(เหมือน Sir Alex Ferguson เคยได้รับ อยากขาย Superstar หากโฟกัสไม่อยู่ในฟุตบอลหรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นเนื้อเน่า หรือรบกวนเสถียรภาพในห้องแต่งตัว ดังแค่ไหนก็เอาออกเลย)

ที่สำคัญแฟนบอลต้องให้เวลาไม่ใช่ว่าจะไปใช้อารมณ์ เพราะสุดท้ายมันก็เข้าทางนักเตะอย่างที่เป็น ๆ มา เช่น.. เล่นเลื่อยขาเก้าอี้ผู้จัดการทีม หรือเล่นเหยาะแหยะเพราะไม่ชอบแทคติกคนนี้ว่ะ หรือเล่นไม่เต็มที่หน่อยก็ได้เพราะคนนี้ซ้อมหนักเกินไป.. ยิ่งถ้าอยากให้โลกเชื่อโลกเห็นใจว่าซ้อมหนักจริง ๆ นะก็แกล้งเจ็บแกล้งป๋วยซ้ำเข้าไป ก็เข้าทางนักเตะพวกนี้เลย.. สักพักพอฟอร์มไม่ดีทีมมีปัญหาเยอะ ๆ เดี๋ยวแฟนบอลก็ออกมาเรียกร้องให้ไล่ผู้จัดการทีมไปพ้น ๆ พวกนี้ก็อยู่ใน safe zone แล้วก็ยิ้มต่อไป..

แฟนบอลอาจจะต้องถามตัวเองว่าตนตกหลุมพราง ใช้อารมณ์สาดเสียเทเสียแล้วมันสร้างสิ่งนึงที่มีนัยยะในแง่เชิงกระแสจนไปเข้าทางและเป็นเครื่องมือ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ให้กับนักเตะพวกนี้หรือเปล่า..?!?

ปากเราบอกอยากให้ทีมมีการเปลี่ยนแปลง แต่ขณะที่เขากำลังพยายามสร้างรูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางองค์กร กฎระเบียบ วิธีการ วินัย ขึ้นมา แฟนบอลกลับรับลูกของพวกนักเตะที่ตัวเองเรียกว่า ไวรัส ซะงั้น

นักเตะมันก็ใช้วิธีการเดิม ๆ เลย แบบเดียวกับที่ใช้มากับทุกคน ทุกผู้จัดการทีม แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนบอลบางคนถึงยังไม่เข้าใจและยังยอมเป็นเครื่องมือในแบบที่พวกนักเตะชอบ เวลาแบบอะไรก็จะอ้างแฟนบอลก่อนเป็นอันดับแรก แล้วนักเตะก็เลือกที่จะใช้วิธีนี้แหละ เล่นเช้าชามเย็นชาม แพ้มาเดี๋ยวกระแสไปลงที่โค้ชหรือไม่ก็เกลเซอร์ พวกข้ามีสัญญาก็ลอยตัวไปสัปดาห์ต่อสัปดาห์ แฟนบอลหัวร้อนออกมาไล่โค้ชก็ดีเป็นเครื่องมือให้นักเตะอย่างนี้ต่อไป วนลูป เราเฝ้ามัวแต่โทษฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ในสโมสรโทษคนนั้นคนนี้ แต่เราเคยมองที่ตัวเองหรือเปล่าว่าเราเป็นหนึ่งในวัฏจักรนั้นหรือเปล่า วงจรที่เราเรียกว่า ลูปอุบาทว์ ๆ นี่

วินัยจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิทธิ์ขาดกับเขาอย่างเต็มที่ หรือว่าแสดงแม้แต่น้อยนิดให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณเห็นถึงความอ่อนแอไม่มีเสถียรภาพจากภายในและทั้งภายนอกว่าคุณนั้นไม่ได้รับสิทธิ์หรือไม่ได้มีอำนาจมากพอ หรือตำแหน่งของคุณยังสั่นคลอนอยู่จากปัจจัยภายนอก หรือลูกน้องของคุณคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นสามารถหรือมีวิธีการจัดการที่จะล้มหัวหน้าได้ และจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งแบบนี้คุณคิดว่าองค์กรของคุณจะมีวัฒนธรรมองค์กรหรือสร้างบรรทัดฐานทางระเบียบวินัยที่ปฏิบัติใช้โดยทั่วกันในองค์กรได้จริง ๆ เหรอครับ สำหรับผมในฐานะทำงานสายงานด้านผู้บริหารผมก็บอกว่า "มันทำงานไม่ได้"

สำหรับผมผู้จัดการทีมผลงานจะเป็นยังไงผมไม่สนใจ ไม่ด่วนตัดสิน ถ้าทำได้ตาม KPI ที่ไม่กระทบต่อองค์กรพอ เพราะ first priority ณ ตอนนี้ ผมต้องการคนที่มาวางบรรทัดฐาน วางกฎ วางระเบียบวินัย กฎทองคำความเข้าใจอันเป็นหนึ่งเดียวที่ทุกคนต้องยึดถือจุดร่วมเดียวกันและทุกคนต้องปฏิบัติตามนั้น

แล้วหลังจากนั้นถ้าทีมมีระเบียบวินัยแล้วและยึดสิ่งนี้เป็นวัฒนธรรมองค์กร หลังจากนั้นผู้จัดการทีมคนไหนเข้ามาก็จะทำงานง่ายแล้ว เพราะไอ้พวกที่มันไม่มีวินัย พวกที่มันหย่อนยาน พวกที่มันทำงานเช้าชามเย็นชามก็จะออกไปจากองค์กรสักที แล้วคนที่เข้ามาเมื่อเห็นวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้ แบบที่ทุกคนทำงานอย่างจริงจังใส่สุดไม่มีใครอยากมาเป็นแกะดำทำงานแบบเช้าชามเย็นชามหรือทำงานแบบขี้เกียจหรอกครับเพราะถ้าคุณทำมันในสังคมหรือในวัฒนธรรมองค์กรที่เขามีความเป๊ะเป็นระเบียบคุณเองก็อาจจะกลายเป็นแกะดำและถูกสังเกตได้ง่ายและไม่สามารถหลบซ่อนด้านหลังใครได้อีก(จินตนาการว่าคนอื่น ๆ ในบริษัทเขาทำงานกันอย่างตั้งใจโฟกัสที่งานตลอดแล้วในระหว่างวันคุณใส่ AirPods เดินออกมาสูบบุหรี่วันละ 7-8 ครั้งดูสิครับ) ผมว่าคงมีเสียวหลังโดนไล่ออกแน่เลยถูกต้องมั้ยครับ.. นั่นแหละครับ

ผู้จัดการทีมตอนนี้เรื่องผลงานผมไม่ได้โฟกัสเป็นหลักใหญ่ใจความ แต่โฟกัสว่าคุณสามารถวางระเบียบวินัยรากฐานความเป็นมืออาชีพให้สโมสรได้หรือไม่ เพราะนั่นคือตัวการจริง ๆ ที่สโมสรมันไม่เดินหน้าไปไหนสักทีในทางหน้าบ้าน ในทางผลงานในสนาม

หยุดสนับสนุนและเป็นเครื่องมือให้กับพวกเช้าชามเย็นชามและก็พวกขี้เกียจแล้วดันไปไล่ผู้ที่พยายามสร้างระเบียบวินัยเสียทีเถอะครับ

เข้าใจว่าดูบอล เข้าใจว่าหัวร้อน คุณคิดหรือว่าแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคนในโลกเขาไม่หัวร้อนเขาไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนโดนเข็มปักที่หน้าอกแล้วเอาไม่ออกทุกครั้งที่ดู แต่ให้ผู้จัดการทีมเขาได้ลองทำงานของเขาเถอะ หมดวาระ หมดเวลา ค่อยมาตัดสินกันว่าเขาสร้างสิ่งนั้นได้หรือเปล่า การเปลี่ยนแปลงมันมีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร

เราไม่มีทางกำจัดไวรัสได้หมดอยู่แล้วครับ เพราะตราบใดที่เรายังเป็นโถบ่มเพาะเชื้อไวรัส เพราะกำจัดไปมันก็สร้างตัวใหม่ได้อยู่ดีหากวัฒนธรรมองค์กรมันยังเต็มไปด้วย mindset ทัศนคติ วิธีคิด ของการทำงานที่ย่ำแย่แบบนี้ เพราะคนหนึ่งออกไปสิ่งนึงสิ่งนั้นก็ส่งต่อติดกับคนที่ยังอยู่ในทีมไปแล้วไม่มากก็น้อย แล้วก็จะเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อระยะเวลาผ่านไปถูกทัศนคตินั้นกัดกิน คนใหม่เข้ามาก็จะทำอย่างนี้สืบต่อกันไปเรื่อย ๆ

ผมว่าแฟนบอลอย่างเราอดทนกันไว้ดีกว่าครับ ผมไม่ได้คาดหวังให้ทุกคนอดทน แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่จะทำอย่างนั้น  


วิธีของท่านมันดีมากในยุคป๋า แต่ผมว่ามันพูดยากในยุคนี้ เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยชอบความเผด็จการหรืององค์กรที่วินัยเข้มจ๋า ๆ เท่าไหร่ครับ
เวลาที่เจอกฏระเบียบที่เคร่งครัดน่าอึดอัด หรือหัวหน้าที่ใช้พระเดชปกครอง แบบป๋า แบบรอยคีน เด็กมันจะมีการต่อต้านในใจกันหมด

สิ่งที่จูงใจเด็กรุ่นใหม่ให้ทุ่มเทถวายหัวได้คือรางวัลความสำเร็จที่จะได้รับ
แต่ก็อย่างที่เห็นว่าแมนยูปีนี้มันไม่มีลุ้นอะไรแล้วในลีก มันก็เล่นแบบขอไปทีให้จบ ๆ ไป ว่ากันต่อปีหน้า
แต่ถ้าในบอลถ้วยที่ยังมีลุ้น มันก็วิ่งทุ่มเทกันได้เพราะมันยังมีหวัง แบบใน FA Cup นัดชิงปีก่อน
เพราะแบบนี้แหละครับเทนฮากมันจึงคว้าถ้วยได้ 2ปี เพราะนักเตะมันทุ่มเทเป็นนัด ๆ ไป
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel