ควรแยกลูกย่อยตามอะไรครับ ตอนนี้ของบ้านผมแยกเป็นห้องๆ ห้องไหนคิดว่าไม่ค่อยได้ใช้ไฟะก็ให้แอมป์น้อยหน่อย ห้องครัวก็เยอะหน่อย อะไรแบบนี้เพราะผมเดินไฟกับคนรู้จักกันเอง
แต่ที่ทำงานที่เป็นตึกใหญ่ๆเขาแยกเป็น ไฟส่องสว่าง ปลั๊ก แอร์ เลยไม่แน่ใจว่าที่บ้านควรเปลี่ยนมั้ย

ต้องปรึกษาช่างไฟที่เป็นมืออาชีพแหละ อย่างแอร์เนี่ยไงก็ต้องแยกออกมาเลย เครื่องละอัน

ถ้ามีทุนและพื้นที่ติด ทำได้มันก็ดีแหละครับ

พื้นฐานแยก ชั้น แยกปลั็กกับไฟ แอร์ ตอนมีปัญหาจะได้ไล่ง่าย แก้ง่าย

ผมคุยกับช่างไฟตอนกำลังทำบ้าน น่าจะแยกตาม Load ครับ เพื่อความปลอดภัยพวกใช้ไฟเยอะอย่างแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน พวกนี้แยก ส่วนที่เหลือก็แบ่งเป็นไฟเป็นปลั๊ก อะไรพวกนี้ก็ได้ ถ้าแบ่งละเอียดเวลามันทริปก็จะหาที่มาง่ายกว่า

ที่้บ้านก็เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ ปลั๊ก แสงส่องสว่าง ชั้น คิดว่ามั้งพอครับ

หลอดไฟปลั๊กไฟ แยกเป็นชั้น

ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะ เช่น แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เตาอบ ปั้มน้ำ แยกทุกอันของใครของมันครับ

หลักๆ บ้านทั่วไปจะประมาณนี้

บ้านผมหลักๆ แยกตามนี้

- ไฟส่องสว่าง ประมาณ 3ช่อง
- ปลั๊กเต้ารับ ประมาณ 3ช่อง
- แอร์ 4เครื่อง 4ช่อง
- เครื่องทำน้ำอุ่น 3 เครื่อง 3ช่อง
- ที่ดูดควันทำอาหาร 1ช่อง

ตู้คอนซูมเมอร์ 18ช่อง ช่องที่เหลือเผื่อไว้ครับ


เติ่มเติม เวลาติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ข้อสำคัญคือ ดูขนาดสายไฟที่จะติดตั้งด้วยนะครับ สายไฟเป็นเบอร์อะไร

สายไฟเบอร์ 2.5 อาจจะติดได้แค่ 3500วัตต์
สายไฟเบอร์ 4 4500-6000วัตต์
สายไฟเบอร์ 6 6000 วัตต์

ถ้าเผื่อเหลือเผื่อขาดก็จัดสายไฟเบอร์ 6 เดินสายในจุดที่จะติดได้เลยครับ
เพราะถ้าใช้ไม่ถูก สายไฟรองรับไม่ไหว จะเป็นอันตรายเกิดการช็อต ไฟไหม้ได้ครับ

หน้าหนาวที่ผ่านมา 4500 วัตต์อาจจะเอาไม่อยู่ ต้อง 6000วัตต์
แต่ถ้าคิดว่าหน้าหนาวมาแปปเดียว แค่1-2เดือน ไม่ได้ใช้บ่อย ก็ไม่จำเป็นครับ เอาตัว 4500 ก็เหลือๆ

บ้านผมเเยกเป็น zone
แต่ละ zone ก็แยก 2 ตัว ไฟแสงสว่างกับปลั้กไฟเพราะขนาดสายไม่เท่ากัน 2.5 กับ 4 mm.
ถ้ามีอุปกรณ์พิเศษกินไฟเยอะ zone นั้นก็จะแยกเพิ่ม เช่นเตาไฟฟ้า เครื่องทำน้ำร้อน แอร์ เพราะใช้สายไฟขนาดใหญ่ขึ้น

ชั้น 1 ชั้น 2 ห้องน้ำ ห้องครัว ภายนอกบ้าน

หลักๆคือ Load สูงแยกออกมาก่อน พวก EV แอร์ น้ำอุ่น/น้ำร้อน เครื่องจักรใหญ่

ส่วนที่เหลือแยกได้ 2 แบบคือ
1. ตามโซน เช่นห้องครัวทั้งไฟ+ปลั๊กเอาไปลูกนึง ห้องนั่งเล่นอีกลูกนึง
2. ตามประเภท คือแยกแสงสว่างกับเต้ารับ
ไม่มีตำราตายตัว แล้วแต่ความสะดวกเรา

ส่วนตัวผมแนะนำว่า ถ้างบไม่ใช่ปัญหา ให้แยกตามประเภท แล้วแบ่งโซนคู่กันไปเลย
ตู้จะอลังหน่อย+ลูกย่อยเยอะ แต่สะดวกและปลอดภัยกว่า

แยกตามโซน เดินสายเมนเส้นเดียวคุมทั้งห้องได้ ประหยัดค่าสายไฟกับลูกย่อย
แยกตามประเภท ส่วนใหญ่ก็แบ่งโซนอีกอยู่ดี ทำให้ห้องนึงต้องเดินสายเมน 2 เส้น แยก 2 ลูกย่อย ก็จะเปลืองเงินหน่อย

แต่ข้อดีก็มี คือเวลา service เรายังใช้ไฟจากอีกระบบในห้องนั้นได้อยู่
เช่นซ่อมปลั๊กตอนมืดๆ ยังเปิดไฟให้ทำงานสะดวกได้ ซ่อมระบบแสงสว่าง ยังหาหลอดไฟมาพ่วงจากเต้ารับให้มีไฟส่องสว่างได้โดยไม่ต้องไปลากสายจากที่อื่นมา

จะแยกหลักประมาณนี้ครับ
1. เตาไฟฟ้า แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ชาร์จรถไฟฟ้า อะไรที่กินไฟหนักต้องแยกออกมาเดี๋ยวๆไปเลย ขนาดเบรกเกอร์ก็มากน้อยตามโหลดไป
2.ปลั๊ก กับไฟแสงสว่างจะแยกเป็นโซนๆครับ ให้ง่ายต่อการปิดซ่อมเป็นโซนๆ โดยปลั๊กคิดง่ายๆว่าแบ่งเป็น 10 จุด ต่อหนึ่งเบรกเกอร์ ส่วนไฟฟ้าแสงสว่างไม่ซีเรียสมาก็แบ่งเป็นโซนละ 1-3 ห้องได้
3.พวกปลั๊กที่อยู่ชั้น 1 และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียงดูดเช่นเครื่องทำน้ำอุ่น ต้องใส่เบรกเกอร์แบบกันดูด RCBO แทนแบบธรรมดาด้วย

ถ้าเป็นไฟฟ้าเฟสเดียวก็เรียงตามข้างบนได้เลย แต่ถ้าเป็น 3 เฟสจะต้องบาลานซ์โหลดให้ลงแต่ละเฟสแบบไม่โดดจากกันมากเวลาใช้งานจริงเพื่อจะได้ประหยัดไฟครับ

แอร์ แยกทุกตัว
เครื่องทำน้ำอุ่น แยกทุกตัว
ปั๊มน้ำ แยกไว้ สำหรับปิดมันตัวเดียว และเรื่องไฟกระชากนิดหน่อย
วงจรแสงสว่าง แยกชั้น 1 - ชั้น 2
วงจรเต้ารับแยกเต้ารักทั่วไปชั้น 1 - ชั้น 2 - ห้องครัว - นอกบ้าน