ของผมนี่ตัดออกหมดครับ
ไม่รู้ว่าจะเอาสินสอดมานั่งโชว์กันทำไม ต้องหาคนเก็บระหว่างพิธีอีก
เลยตัดจบมีแค่ฟังพระสวดไม่มีพิธีใดๆทั้งสิ้น

ปล.สำหรับมองว่าการมีสินสอดไม่ได้การันตีใดๆ เพราะหลายคู่ลำบากเพราะสินสอดเยอะมาก กว่าจะเก็บ กว่าจะหา พอเลิกมาทะเลาะกันเรื่องสินสอดอีก ปวดหัวแทน

5พันล้านบาท

ของผมเอาไปตั้งโชว์เฉยๆ เงิน 5 แสน ทอง 10 บาท ทุกอย่างเป็นทรัพย์สินของผมกับแฟนรวมกัน

ตอนนั้นคุยกับแฟน ป๊า/ม๊าแฟน ว่า ไม่มีสินสอด ไม่จัดงานแต่ง แค่ไปจดทะเบียนกันก็พอ

แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น พออากงแฟนรู้ เค้าก็บอกไม่ได้ ต้องจัดงานตามประเพณี ไม่ต้องใหญ่ก็ได้ แต่ต้องจัด (อากงเค้าค่อนข้างกว้างขวางในจังหวัดนั้น) สรุปก็คือจัดงานเล็กๆที่บ้าน ยกน้ำชา กินเลี้ยงเฉพาะคนในตระกูล แล้วก็มีนักการเมืองแวะมานิดหน่อย แต่เราไม่ได้เชิญ

สินสอด ฝั่งนั้นก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย บอกว่าไม่ต้องมีก็ได้ แต่แม่ก็อยากให้เกียรติฝั่งนู้นเหมือนกัน ถ้าเค้าดีมาเราก็ดีกลับ วางไป 3 ล้าน ทอง 50 บาท(ตอนนั้นมันบาทละหมื่นกว่ามั้ง) แล้วก็ที่ดินอีกแปลง จบงาน ฝั่งนั้นคืนมาหมด ให้เอาไปตั้งตัว แถมอากงแฟน โปะมาให้อีกเท่าตัว

ค่าสินสอดจริงๆแล้วแต่ตกลงทั้งสองครอบครัวเลย มันไม่มีตายตัว บางครอบครัวอาจจะขอน้อย ขอเยอะ หรือไม่ขอเลย แล้วแต่เลย

ส่วนผมแต่ง 2 ล้าน ฝ่ายชาย 1 ล้าน ทอง 9 บาท ฝ่าย หญิง 1 ล้าน แต่งเสร็จคืน จริงๆครอบครัวฝ่ายหญิงแค่อยากรู้ว่าเรามีตังพอสามารถเลี้ยงดูลูกเขาได้ไหม เพราะบ้านเขารวย แบบไม่ต้องทำงานไรก็ได้

ส่วนโปรไฟล์ฝ่ายหญิง ป.ตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 ม.เอกชน

ตอนผมแต่ง สินสอด ผมกับแฟนช่วยกันเก็บเงิน ส่วนทองแม่ผมช่วย
แต่งเสร็จเงินผมกับแฟนให้พ่อแม่แฟนหมดเลย ส่วนทองเค้าคืนให้ผมกับแฟนหมดเหมือนกัน

ถ้าผญ ตีตัวเองเป็นสินค้า ก็ ควรจ่ายาสินสอด และ อย่าโวยวายถ้า ผช มีเมียน้อยถ้าเขายังดูแลได้
ถ้ารักกันทั้งสองฝั่ง ไม่ควรจ่าย ช้วยกันทำมาหากิน อย่ามาอ้างว่าค่าเลี้ยงดูผญ เพราะผชก็ไม่ได้โตมาฟรีๆ

ถ้าเป็นธรรมเนียมสมัยเก่าพอเข้าใจ ที่ผชต้องหอบเงินไปจ่ายค่าดูแล ผญ แล้วให้ผญขนข้าวของมาอยู่บ้านฝ่ายชาย ดูแลพ่อแม่ฝ่ายชายแล้ว

ผช ก็อย่าให่ความเงี่ยนครอบงำ ถ้าผชทุกคนพร้อมใจคิดแบบนี้ ธรรมเนียมจ่ายค่าสินสอดจะได้หมดๆไป เพราะมันเอาเปรียบผู้ชายสุดๆ

ปล.ไม่ต้องย้อนถามว่าถ้าผมมีลูกสาวจะพูดแบบนี้ไหม ตอบเลยว่าพูดแบบนี้ละ ลูกผมไม่ใช่สินค้า ไม่มีราคาที่ต้องจ่าย ขอแค่เป็นคนดี ขยัน ไม่นอกใจ ดูแลกันยันแก่เฒ่าก็พอ

ในอนาคตผมคงสำรวจกันหลังบ้านมากกว่า ว่าฝ่ายชายมีคุณสมบัติ หรือมีสมบัติพอที่จะดูแลและใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกสาวเราแล้วรอดไหม

ถ้ามีหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ณ ตอนนั้น (ถ้าเทียบกับปัจจุบันก็สัก 30k+) ไม่มีหนี้สินที่ไม่จำเป็น ก็คงพอแล้ว

+ ส่วนตัวคู่ผม ถ้า พ่อตาแม่ยายเรียกสินสอด ผมก็หมดคำจะพูด คืออาจจะวางแต่ต้องคืนให้หลานอะไรว่าไป ผมกับแฟนคือ คบตอนโควิด ผมแบกแฟนจนปัจจุบัน แฟนเริ่มกลับมาตั้งตัวได้ และทุกวันนี้ผมก็คอยเป็น แนวหลังทำงานให้ตลอด วันนึงถ้าบอกว่าสินสอด คือเครื่องพิสูจน์ว่า จะดูแลลูกเค้าได้ ผมจะบอกพ่อตาแม่ยายสักแมท ว่าที่ผ่านมา ผมไม่ได้ดูแลลูกคุณหรือ ผมมองว่ามันเป็นการตีมูลค่าผู้หญิงเป็นสินค้า มันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการที่ พ่อแม่ฝ่ายหญิงได้หน้า ซึ่งหน้าที่ได้เอา ก็คนรอบข้างเอาไปคุยโวกันต่อ ประโยชน์มีแต่ แคร์เสียงคนรอบข้างมากกว่า ว่าเขยคนนี้มันมีนะ มันวางเยอะ ไม่ได้มีอะไรที่บอกว่า การันตีเลยว่า ผู้ชายจะดีหรือจะ มั่นคงในระยะยาว เวลาต่างหากที่พิสูจน์ทุกอย่าง ถึงเวลาถ้ามันไม่ดีมันทำไม่ได้ไปกันต่อไม่ได้มันก็เลิกลากันอยู่ดี

300k ทองนิดหน่อย
แต่ก็เอาเงินนั้นมาสร้างบ้าน บนที่ดินของพ่อตาแม่ยาย

อยู่ที่สะดวกใจ แต่อย่าหน้าใหญ่เกินไป

สมมุตินะ ฐานะเราเขาก็รู้กันอยู่ แต่มีเงินมาวางสินสอด10ล้าน

โดยการกู้มา หรือยืมญาติมา ผมว่าเขาหมั่นไส้และแอบหัวเราะเอานะ

ผมว่าฐานะเท่าไหร่ ก็จ่ายพอประมาณ ที่สำคัญไม่ต้องเสร่อกู้มาวาง

***ไม่เห็นด้วยกับการมีสินสอดนะ แต่ถ้าให้เอาเงินมาวางแล้วคืนทั้งหมดไปตั้งตัวผมว่าพ่อแม่ฝ่าย ญ โอเคแฟร์ดี

ปล.รวยหมื่นล้าน จะวางโชว์สัก100ล้านก็ไม่มีใครว่า ถึงบอกอยู่ที่ฐานะ

ถ้าคิดแพงก็ไม่ต้องแต่ง
เดี๋ยวนี้หลายคู่ก็ไม่แต่งงาน
อยู่กันจนแก่จนเถ้า

แต่งงานมีแต่สิ้นเปลือง โดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา
ไม่แต่งก็อยู่กันได้
งานแต่งมันก็แค่พิธีการนึง ในวันๆนึงของชีวิตแค่นั้นเอง

ของผม 1 ล้าน แต่แค่วางครับ พ่อแม่ให้คืน เค้าบอกไม่มีอะไรให้ และก้ไม่้เอาอะไร ไม่รักแล้วก็เอามาคืนดีๆ อย่าตบตีกัน

บางครั้งเจ้าสาวอาจจะบอกว่าไม่ต้องมีสินสอด(พูดเป็นพิธีว่าไม่เอาสินสอด) แต่เราก็ควรจ่ายสินสอด เท่าที่ไหว
ควรถามและตอบให้ชัดเจน ไม่ต้องอ้อมค้อม แต่ควรมีมารยาท

***ผมชอบเม้นอยู่อันหนึ่งที่เจ้าสาวพูดว่า "จ่ายไปเถอะเธอได้เราคุ้มแน่นอน" ***

ปล.คุยกันยืดยาว สรุปสั้นๆอีกทีป้องกันการสับสน

ควรคุยกันกับแฟนครับ
แฟนก็ควรไปถามทางบ้านคร่าวๆ