ผมไม่แน่ใจเหมือนกันแต่แม่งผลิตออนพีคตลอดเลย 555

ลองคิดเล่นๆ เมื่อคนพร้อมใจกันไม่ควักเงินจ่าย
ศก. ชะงักทันที คนขายก็ไม่มีกำไรไปทำทุน
ธุรกิจ โรงงาน ห้างร้านต่างๆ ผลิตของมา ก็ขายไม่ได้
รัฐก็เก็บภาษีเข้าคลังน้อยลง แต่รายจ่ายยังคงเดิม
ไม่เกิดการลงทุน การจ้างงาน ลามไปกระทบ ธนาคาร
สินเชื่อต่างๆ เพราะคนไม่มีเงินจ่ายหนี้ ปล่อยเจ้าหนี้ ยึดรถ บ้าน เครื่องมือทำกิน
คนที่ต้องการขยับ ขยายทำสิ่งต่างๆ ก็พับโครงการไปก่อน เพราะกังวลสภาพคล่องตึงตัว
พนักงาน ลูกจ้างในสายงานอุตฯ แต่ละsector ก็กระทบไปด้วย ลดสวัสดิการ ลดot โบนัส ไม่ปรับเงิน
ลดชั่วโมงทำงาน ปลดคนออก ไม่รับเพิ่ม
คนยุคนี้ หันไปเข้าราชการ รัฐวิสาหกิจมากขึ้น
แต่หน่วยงานก็รัดเข็มขัด ปรับโครงสร้าง คุมงบ รายจ่าย โดยการลดอัตราการบรรจุ รับเป็นพนักงานอัตราลูกจ้าง และพวกoutsourcing พอหมดสัญญา ปล่อยลอยแพ
อุตฯ หลักๆในประเทศ เช่น ก่อสร้าง อสังหา,ยานยนต์,ท่องเที่ยว ทั้งsupply chainแต่ละsector มีการจ้างงานที่สูงมาก ถ้าอุตฯ กระทบ ธุรกิจต่างๆในระบบจะกระทบไปด้วย ปลายทางก็มาลงที่คนงานเต็มๆ
เมื่อฐานพีระมิดแย่ มันจะลามไปกระทบรายได้ข้างบนๆ

ยุคที่แล้วเนี่ย จุดเริ่มต้นหายนะ ที่ตลาดหุ้นขึ้นท่านต้องดูไส้ใน ถ้าไปดูจะเห็นว่า ดองทุนต่างชาติเริ่มเทขายตั้งแต่สมัยประยุทธ์ โดยเฉพาะสมัย 2

ไทยเริ่มพึ่งพาจีนหนักๆ ก็เริ่มจากสมัยประยุทธ์ โครงสร้างเศรษฐกิจกระจุกตัว ก็ยิ่งกระจุดตัวในสมัยประยุทธ์