ในทุกๆสัปดาห์ นอกจากดูทีมที่ผมเชียร์แล้ว ยังมานั่งดูทีมแมนยู แทบทุกนัดตลอด

ในใจจากความรู้สึกลึกๆ ว่า อโมริม จะไม่มีทางปลุกปีศาจแดงได้แน่ๆ ต่อให้จะใช้แผนหลัง 3 หรือ ใช้แผนใดก็ตาม

นี่ไม่ใช่การดูถูก หรือ มองโลกในแง่ร้ายเกินไป

แต่มันเป็นสิ่งที่ผมสัมผัสได้จริงๆ จากการที่เราดูเกมของแมนยู

แมนยู ในปัจจุบันนี้ บอลแทบไม่มีทรงอะไรเลย อย่างนัดเจอกับเซ้าท์แทมตัน ที่ชนะมาได้ 3-1 ก็ใช้ความสามารถเฉพาะตัว ของ อาหมัด ดิยาโล่ คนเดียวเท่านั้น นอกนั้น ก็เกือบแพ้ ถ้าในครึ่งแรก เซ้าแทมตั้น มีความคม ก็อาจจะแพ้ไปแล้วก็ได้ในนัดที่แล้ว

แดนกลางของเซ้าแทมตั้น และ จังหวะเกม มีความสูสีกับแมนยูมาก ในบางช่วงบางเวลา เซ้าแทมตั้น ยังสร้างความหวาดเสียวได้ด้วยซ้ำ

ซึ่งนัดเจอเซ้าแทมตั้น ถ้าโค้ชที่ดี ควรจะเห็นแล้วว่า นัดต่อไปจะเป็นอย่างไร ถ้า เจอคู่แข่งที่เก่งกว่านี้

ซึ่งผมนึกในใจอยู่แล้วว่า ถ้าแมนยู เล่นได้แค่นี้กับเซ้าแทมตั้น นัดหน้า รอดยากมากๆ ถ้าจะใช้แผนเดิม วิธีเดิม

แล้วก็เป็นจริงๆ ในเกมเจอกับ ไบรตัน ซึ่งไม่ผมไม่อยากจะลงรายละเอียดมากซึ่ง ทุกคนที่เห็นเกม หรือ ฟังวิเคราะห์หลังเกมของกูรูแฟนผีแดงก็คงมองเหมือนกัน

ทั้งโกล และ กองหลัง ที่มีความผิดพลาดเรื่อย รวมถึงไม่สามารถตั้งเกมได้ดั่งใจ

แดนกลาง ทั้งคู่กลางล่าง และ คู่กลางตัวบน ก็มีปัญหา

แดนหน้า เกมรุกทั้งหมดทั้งมวล แทบทำอะไรเกมรับไม่ได้ รวมถึงการพลาดโอกาสทองฝังเพชร เปลืองมากๆ

ในเกมกับไบรตัน แมนยู ยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียว และ ยิงไม่ตรงกรอบ อีก 3 ครั้ง

ฟอร์มแย่ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ดูแล้ว โค้ช ดูเหมือนจะ ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับมั่นใจในแนวทาง และ ยึดหลักการว่า จะใช้แผนนี้ และ จะต้องทำให้ได้

โค้ช ใช้คำว่า แมนยูชุดนี้อาจเป็นชุดที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่อย่าลืมนะว่า เป็นชุดพึ่งความแชมป์ FA CUP มา เมื่อ 6 เดือน ก่อน

ปัญหาหลักๆ ของแมนยู ตอนนี้ คือ สปิริตของทีม การเป็นหนึ่งเดียวกัน และ ความเชื่อมั่นในกันและกัน มากกว่า แผนการเล่น หรือ ตัวผู้เล่นแล้ว

ผมไม่ได้บอกว่า แผนการเล่นไม่ใช่ปัญหา หรือ ตัวผู้เล่นไม่ได้มีคุณภาพ ซึ่ง ผมยังมั่นใจว่า ตัวผู้เล่นของแมนยู มีคุณภาพมากกว่าหลายๆทีม และ ถ้าสะสางปัญหา เรื่องสปิริตของทีม และ ทำให้ทีม โฟกัส รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เชื่อมั่นในกันและกันได้ ผมว่าน่าจะทำให้ แมนยู บินสูงกว่านี้ได้

แมนยู ตอนนี้ จะไม่ต่างจาก เชลชี เมื่อฤดูกาล 1-2 ฤดูกาลก่อน

แมนยู มีการเปลี่ยนแปลงภายในสโมสรมากเกินไป ทำให้ โฟกัสของสโมสร มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด

แมนยู มีการเปลี่ยนเจ้าของ เปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนนักเตะ และ เปลี่ยนแผนการเล่น

ถ้าทุกคนไม่เชื่อกันและกัน มองไม่เป็นทิศทางเดียวกัน ไม่เข้าใจวิธีที่สโมสรกำลังจะเดินไป และที่สำคัญ นักเตะและทีมงาน ไม่เชื่อว่า สิ่งที่สโมสรกำลังเดินไปนั้น คือ ทางที่ถูก

มันก็จะสะท้อนมาถึงผลงานในสนาม ที่ เล่นแบบ งงๆ เล่นแบบ จบๆไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ซึ่งถ้าเจอคู่แข่งที่ดีกว่า แมนยู จะลำบากไปแทบทุกๆเกม

ปัญหาตอนนี้ มันเกินกว่าปัญหาของฟุตบอล ไปแล้ว และ อโมริม ก้ไมไ่ด้เข้าใจปัญหานั้นจริงๆ ว่า ควรจะจัดการยังไง

สำหรับผมแล้ว ถ้าผมเป็น อโมริม ผมจะเริ่มทำสิ่งที่ง่ายที่สุด คือ

1.สร้างความสามัคคีในทีม ให้ทุกคนเชื่อมั่นได้ว่า เราจะประสบความสำเร็จได้จริงๆ และ เราจะพัฒนาทีมไปได้ไกลกว่านี้ได้จริงๆ มองเห็นการพัฒนาร่วมกัน

2.ใช้แผนดึงศักยภาพนักเตะ มากกว่า แผนการเล่นที่ไม่ยืดหยุ่น ผมยังเชื่อว่า นักเตะ แมนยุ มีคุณภาพ แต่ ณ เวลานี้ ถูกจำกัดด้วยแผนการเล่น ขาดอิสระ ขาดจิตนาการ เมื่อเล่นแผนยังไม่เวิร์ค ก็ ต้องเล่นด้วยความสามารถเฉพาะตัว ให้เข้าใจกับเพื่อนแต่ละคนเล่นยังไง ที่ยืดหยุ่นกับแผนหลังสามได้บ้าง

ถ้ามารอดว่า นักเตะพร้อม แผนหลัง 3 จะเกิด ผมว่า อโมริม ไม่มีทางจะไปถึงวันนั้นได้ มันนานเกินไป และ ระหว่างทาง ทรงบอล ก็แทบไม่เหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ

ผมมองว่า อโมริม เหมือนพอตเตอร์ที่เชลซีครับ

ต้องใช้เวลาสร้างทีม แต่ทีมรอไม่ได้ นักเตะปัจจุบันเละเทะ ผจก.ทีมบารมีไม่พอ เหมือนๆกันเลยครับ

พอตเตอร์ที่วางระบบไบรตัน กับ อโมริมที่สปอตติ้ง ได้เวลาวางระบบและนักเตะทั้งนั้น

จะใครหน้าไหนก็ช่วยยูไนเต็ดตอนนี้ไม่ได้ มันเป็นชะตาที่ไม่อาจเลี่ยง

บอร์ดเลยที่ผิดเต็มๆ ผิดที่ให้เงินฮาก 200 ล้านแล้วก็ปลดฮากหลังจากนั้นไม่กี่เดือน

ทั้งที่ปลดได้ตั้งแต่หมดฤดูกาล แล้วก็หาโค้ชเข้ามา

ส่วนการเลือกอโมริมที่สไตร์และแผนงานชัดเจนอยู่แล้วว่าจะเป็นแนวทางไหนก็เอามา

สวนทางกับสภาพนักเตะในทีมที่มีอยู่และนักเตะที่เสริมเข้ามาไม่ตรงตามสเปคของแนวทางโค้ชใหม่เลย

ที่น่าตบกะโหลกสุดก็บอร์ดนั่นแหละ อโมริมยึดมั่นแนวทางได้ขนาดนี้แสดงว่าตอนรับงานได้คุยแล้วว่าจะทำแนวทาง

นี้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู บอร์ดรับไม่ได้ก็ไม่รับงาน ไม่งั้นอโมริมเปลี่ยนแผน เปลี่ยนแนวทางแล้ว

ที่อโมริมไม่ได้งานกับหงษ์เมื่อต้นฤดูกาลก็น่าจะมาจากเงื่อนไขตรงนี้แหละที่บอร์ดหงษ์เปลี่ยนเป้าหมาย

ซึ่งมันก้าวกระโดดเกินไปสำหรับทีมที่ทุกอย่างไม่สอดคล้องกับแนวทางเลย

แล้วจะให้มันดีได้ในครึ่งฤดูกาลแทบเป็นไปไม่ได้เลย

ก็รอดูอีก 1-2 ตลาดแหละ อย่างที่อโมริมพูดตอนเข้ามาแหละว่า 2 ปีมันก็เกินพอที่จะตัดสินแล้วว่าตัวเขาเองเหมาะสมมั้ย

ถึงเวลาถ้ามันได้ลงตลาดแล้ว เปลี่ยนนักบอล เลือกนักเตะเองแล้ว มันเน่าเดี๋ยวก็ออกเองแหละ

ฉันที่มองว่าสล็อทฝีมือไม่ถึงก่อนเข้ามาจะรู้สึกยังไงว่ะเนี่ย

ผมว่าใจเย็นๆๆก่อนครับ ถ้าไม่ถึงจริงลิ้วพูลก็คงไม่สนใจหรอกมั้ง แต่ติดนิดๆหน่อยๆแค่นั้น

มันต้องใช้เวลา ส่วนสล็อทผมว่าแกโชคดีส่วนนึงด้วยที่รากฐานที่ตาแว่นสร้างไว้มันแข็งแรงดี

ระบบแทคติกนู้นนี่นั้นแทบไม่เปลี่ยนเลย แค่เข้ามาทำให้มันเสถียรขึ้นแค่นั้นเอง

ความต่างของสลอทกับอโมริมคือ แกปรับทีมตามสถานการณ์ อยากได้ประตูคืน เติมกองหน้าถอดcbก็ยอม โชว์การเปลี่ยนตัวปรับแท็คติตคตามสถาการณ์ตอนนั้น ส่วนอโมริมเริ่มเกมแผนไหนจบเกมแผนนั้น

ลองยื่นเรซูเม่สมัครงานดูสิครับ จับมือกับหลายๆยูซในนี้นี้หารเงินค่าตั๋วกันบินไปสัมดู ผมอยากเห็นเหมือนกัน โค้ช SS อาจจะเวิร์ค ถ้ามีปุ่มรีเซ็ตนักเตะ ผมคงอยากจะกดให้มันรู้แล้วรู้รอด อะไรมันจะกาวขนาดนั้น แต่ละลูกที่เสีย error นักเตะไปละ 90% เอาโคตรพ่อโค้ชที่ไหนมาเก้าอี้ก็หักหมดอะ

มือไม่ถึงจริงๆครับ เห็นหลายนัดละ เล่นอยู่แผนเดียว ไม่มีการปรับการเล่นระหว่างเกมไปตามสถานการณ์เลย เล่นเหมือนผมตอนเล่น fm ตั้งไว้แผนเดียว เปลี่ยนตัวอย่างเดียวในการแก้เกม

โทษบอร์ดก่อนเลยครับ ปลดกลางฤดูกาล โค๊ชที่ไหนจะมาสอนเล่น Build up ได้แบบเปลี่ยนหลังเท้าเป็นหน้ามือ
ตามด้วยนักเตะ ถ้าดูแมทช์กับทีมใหญ่ มันก็เล่นให้ชนะได้
ไม่ได้เชียร์แมนยูนะครับ แต่ชอบนั่งดูบอล รู้สึกหลังสามของแมนยูไม่มีคนเล่นกับบอลได้ดีที่จะพาบอลได้ หรือช่วยแกะเพลสได้ดีแบบทีมอื่นที่เล่นแบบนี้ กลายเป็นยืนหน่วงๆ กันสามคน พอเอามาติเนสมาลง รับลูกกลางอากาศก็อ่อนลงตรงแก แบคที่ควรจะเด่นในแผน ก็ทำได้ไม่ดี สรุปยังมองทรงไม่ออกเลย

ทำใจครับโค้ชดาวรุ่ง โอกาสสำเร็จ 50/50 แล้วแมนยูก็ชอบใช้จังตั้งแต่โซลชายาวมาอโมริมเลย โมเดลนี้ยังไม่เห็นมีทำไหนในพรีเมียร์ทำสำเร็จเลย แมนซิ ลิเวอ(ยุคคล็อป) เชลซี(ยุคเสี่ยหมี)ใช้โค้ชระดับท็อปเคยคว้าแชมป์ลีคใหญ่มาทั้งนั้น แฟนบอลก็ทำใจกันต่อไป

ผมว่าแกพยายามสร้างความมั่นใจให้นักเตะเต็มที่นะ แต่นักเตะตอบสนองได้แค่ไหน จากที่มีโอกาสได้ดู แมทซ์เล่นได้ดีเยือนหงส์ ปืน แต่กลับมาเล่นไม่ค่อยดีในบ้านอย่างเซากะไบรตั้น

คหสต.ผมว่านัดไหนนักเตะเล่นไม่กดดันเพราะมีความรู้สึกว่าเป็นรอง จะเล่นได้ดี ดูเล่นได้ไหลลื่น ไม่เครียดเพราะผลเสมอหรือแพ้ก็พอรับได้ แต่นัดไหนที่หวังผลชนะ มีความกดดันจะเล่นดรอปลงไปทันที แบบที่อโมริมพูดว่านักเตะคิดเยอะไป มีความกังวลมากไปในการเล่น การจ่ายบอลแต่ละจังหวะ

ตรงนี้คือทรรศนคติล้วนๆ เพราะที่ผ่านมาแบกความความหวัง แรงกดดัน สื่อต่างๆ เจอเรื่องถาโถมมามากมาย เล่นในบ้านก็อย่างที่เห็นผลงานเลยไม่เป็นอย่างที่ควรเป็น นักเตะที่ย้ายออกไปอย่างเดหรือแมกโทกลับทำผลงานได้ดี เพราะพ้นจากแรงกดดันเหล่านั้นไปแล้ว เรื่องแผนผมว่ายังเป็นเรื่องรองจากความมั่นใจของผู้เล่นนี่ล่ะ

ตอนมาใหม่ๆ เข้ามากลางคุมกลางฤดูกาลไม่ควรมองไปไกลเกิน เน้นผลให้ติดอันดับไปบอลยุโรปก่อนก็พอ ดันคิดเยอะเกิน

คุมไปตั้งเยอะ เก็บแต้มไม่ได้ รูปเกมยังไม่ดีขึ้น จบฤดูกาลไม่ได้ไปบอลยุโรปสักถ้วย จะเซ็นนักเตะดังก็ยาก ปล่อยตัวก็ไม่ได้ราคา จะดึงใครมาเพิ่มยิ่งยากขึ้นไปอีก ทุกทีมรู้ว่าแมนยูต้องการการเปลี่ยนแปลง เรื่องซื้อขายโดนกดยับแน่ อาจต้องให้ค่าเหนื่อยตัวเข้ามาใหม่เพื่อจูงใจซื้ออนาคตด้วย

ต้องมองสภาพวัตถุดิบก่อน
ก่อนจะไปตัดสินความสามารถของเชฟ

ถามกันตรงๆเลย
นักเตะผีตอนนี้ มีใครที่สามารถแย่งตัวจริง
ท็อป6ทีมอื่นได้บ้าง

ฮอยลุนด์,เซิกซี
เป็นกองหน้าทีมใหญ่ทีมไหนได้บ้าง

แรช,การ์นาโช่,อาหมัด,แอนโทนี่
เก่งกว่าปีกทีมไหนบ้าง(ไม่นับร่างprime)

มีแค่บรูโน่คนเดียวในแดนกลาง
ที่แย่งตัวจริงทีมอื่นได้
อิริคเซ่น,คาเซ สภาพร่างกายมันไม่ได้แล้ว
ไมนูเด็ก19 , อูกาเต้ พึ่งย้ายลีค
,เมาท์ จองเตียง รพ.

แบ็คซ้าย เล่น1นัด เจ็บ5นัด
อีกคนเล่น10นัด เจ็บทั้งฤดูกาล

มีแบ็คขวา ที่พอเล่นได้
แต่ก็แย่งตัวจริงทีมอื่นไม่ได้อยู่ดี
เซนเตอร์ คนนึงใหญ่ช้า คนนึงเล็กเร็ว
คนนึงพึ่งย้ายลีค อีกคนเด็ก18

โกล สามวันดี สี่วันรั่ว

จะรีบตัดเกรด ก็ใจร้ายเกินไป
อย่างน้อย ก็กล้าดรอปตัวที่ไม่เล่นเพื่อทีม
ต้องทำให้ทุกคนพายเรือไปในทิศทางเดียวกัน
ถ้าจะตัดเกรดริมจริงๆ
อย่างน้อยต้องมกราคมหน้า
ในวันที่ริมได้ว่งระบบเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้แค่ดัดทีมให้เข้าระบบ ก็เต็มกลืน
อย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้ อาหมัด เจอตำแหน่ง
บรูโน่กลับมาอยู่ในฟอร์ม

ริมอยู่ไม่ได้นานหรอกแกฝืนมากไป ทีมไม่มีวิงแบ็คแต่แกก็ยังใช้แทคติควิงแบ็ค คุณภาพนักเตะกองกลางกับกองหน้าก็เข้าขั้นหายนะสุดท้ายก็จะพากันลงเหวหมด

ไม่ได้ไม่ถึงหรอก แต่ไม่ใช่คนที่สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในเวลาอันสั้น แล้วยิ่งเป็นการเปลี่ยนกลางฤดูกาลแบบนี้ ยิ่งยากที่จะปรับอะไรต่อมิอะไรให้มันออกผลแบบที่เจ้าตัวคิดได้ 100%