ถ้าเขาต้องการเป็นคู่ชีวิตเราจริง เขาจะออกตัวแทนเราครับ นอกจากว่าบ้านเขาจะรวยมากๆ อันนี้พอเข้าใจ

1 เรื่องหนี้ ทำให้เลิกกันมาหลายคู่แล้ว
2 แฟนคุณเชื่อพ่อแม่เชื่อญาติมากกว่าคุณ ไม่ผิด แต่อีกหน่อยคนพวกนี้ก็เข้ามาล้วงลูก สุดท้ายก็ได้เลิกกันอีก
3 ถ้ายังไม่ทันแต่งยังปวดหัวขนาดนี้ ตอนจัดงานแต่ง โดยเฉพาะวันงาน จะปวดหัวกว่านี้ แล้วจะได้เห็นธาตุแท้กว่านี้ หลังแต่งมีลูกนี้ปวดหัวระดับหนังชีวิตแน่ แล้วจะรอดไหม
4 ถ้าความคิดความอ่านของแฟนคุณไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ก็คือศีลไม่เสมอกัน ผู้หญิงอายุจะเลข 4 แล้วถ้าเรื่องมากก็ปล่อยไว้ตรงนั้นแหละ ขายใครได้ก็ขายไปอย่ามาขายเราแบบฟันหัวแบะ ไม่เนียน เล่นเกมส์ให้เหนือกว่า อย่าไปเล่นเกมส์ตาม โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ทางโน้น คุณมีแต่ราคาขึ้น ผู้หญิงมีแต่ลง


-ถ้ากลัวเรื่องหน้าตา เช่าสินสอดเอาก็ได้
-ค่างานเลี้ยงจัดแต่พอดีตัว อย่าบ้าบอแบบเรียกมากินฟรีทั้งหมู่บ้าน คนพวกนี้มันม่ได้มาเป็นหนี้กับเรา

ไม่นึกเลยว่ามู้นี้จะยาวขนาดนี้ได้ เข้ามาร่วมลงชื่อเท่านั้นละกันครับ

ผมเคยเจอแบบคุณเจ้าของกระทู้เลยครับ ผมใช้วิธีบอกฝั่งเจ้าสาวว่าขอเวลา 1 ปี เก็บเงินเพิ่ม หลังจากนั้นกลับมาคุยกับแฟนว่าทำยังไง ต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ ถ้าครบปีเงินยังไม่พอต้องทำยังไง กู้มั้ย หรือต้องหางานอะไรทำเพิ่มมั้ย คือแฟนผมตอนนั้นก็รับฟังนะเรื่องขอเวลาอีก 1 ปี และวิธีเก็บเงินเพิ่ม แต่เค้าออกตัวว่าไม่ช่วยเก็บ ให้ฝั่งผมเป็นคนหาเอง ซึ่งปกติแฟนผมไม่ใช่คนแบบนั้น น่าจะโดนทางผู้ใหญ่บีฟมา หลังตากนั้นเริ่มทะเลาะกัน พฤตกรรมต่างๆไม่เหมือนเดิม สรุปผ่านไปประมาณ 3 เดือน เลิกกันครับ จบ.

ถึงแต่งไปก็มีปัญหาเรื่องเงิน การันตี

สถานะการณ์เหมือนผมเป้ะเลยครับ

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ครับ เคสแบบนี้เจ้าสาวต้องช่วยครับไม่ช่วยพูดจบยากเลย เคสผมตอนแรกแม่ยายจะเรียกมากกว่านี้ แต่เมียผมเค้ายื่นการกับพ่อแม่ผมว่าจะเอาแค่นี้ และไปช่วยพูดกลับพ่อแม่เค้า เรื่องเลยผ่านไปได้ด้วยดี เคสนี้ถ้าเจ้าสาวไม่ช่วย และยังยันกลับมาที่ท่าน ผมว่าต้องลองแข็งใจดูครับ ไม่มี ไม่ทัน ไม่กู้ ส่วนเรื่องจองสถานที่ และของชำร่วยไปแล้ว เสียหายแหละแต่คงจะน้อยกว่าไปกู้แน่ๆ คู่ชีวืตมันต้องพึ่งพากันในยามที่เราลำบาก เอาใจช่วยครับ

กู้ได้ครับ
แต่ขอเป็นกู้ร่วม และให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงเป็นผู้ค้ำ

อ่านจบแล้ว โครตโชคดีของตัวผมเลย ที่พ่อแม่ ภรรยา ไม่เรียกอะไรเลย

ผมน่าจะเห็นกระทู้นี้เร็วกว่านี้ครับ จากประสบการณ์ที่เคยเจอแบบนี้มาก่อน แต่บทสรุปของผม คือไม่ได้แต่ง ไม่ใช่ปัญาเรื่องแต่งงาน แต่คือเรื่องมือที่สามที่ผมจับได้ ก่อนจะแต่งงานกัน
ตอนนั้นผมรู้สึกตัวเล็กในบ้านเขามาก เหมือนดูถูกตัวเองตลอดเวลา จนทำให้การตัดสินใจอะไรของผม ไม่แน่วแน่ โลเลทุกอย่าง มันก็เหมือนเป็นบทเรียนของผมตอนนั้นไปแล้ว ตั้งแต่ได้รับบทเรียนจากรักครั้งก่อนมา ผมเลยตั้งเป้ากับแฟน(ใหม่) คนปัจจุบันเลยว่า จะไม่มีการกู้เงินเพื่อแต่งงานโดยเด็ดขาด ถ้าทางฝ่ายพ่อแม่หญิง เรียกมาเกินกำลังเรา หัวเด็ดตีนขาดจะไม่ยอมยืมใคร และกู้กับใครทั้งสิ้น และยิ่งหากแฟนผม ยืนกราน ตามเสียงผู้ใหญ่ ผมก็จะแยกทาง โดยไม่คิดอะไรมากมากอีกเลย มันเป็นอะไรที่ที่ผมมองว่า สร้างภาระให้กับอนาคตมากๆ เพื่อแลกกับหน้าตาทางสังคม หรือขี้ปากคนที่จับต้องอะไรไม่ได้ เป็นการเสียเงินทิ้งไปเปล่าๆ สุดท้ายคนที่มารับภาระหนี้สินคือเรากับแฟนเรา หรือถ้าแยกหนักกว่า คือเราแบกคนเดียว ผมก็เลยตัดสินใจง่ายๆเลย แต่อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ในส่วนของเจ้าของกระทู้ผมอาจจะเดาว่า แฟนของเจ้าของกระทู้ น่าจะรักท่านมากเลย ถึงขั้นยอมช่วยกันแบกหนี้ ถ้าในสถานการณ์เจ้าของมู้ ก็คงตัดสินใจยากอยู่ล่ะครับ ซึ่งตอนนี้เจ้าของมู้ได้ตัดสินใจแล้ว ก็เคารพในการตัดสินใจเจ้าของมู้ครับ จริงๆผมว่าการแต่งงานเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่แบบจริงๆจังๆนะครับ ไม่ว่าจะเริ่มกันด้วยแบบตะขิดตะขัด หรือราบรื่นก็ตาม แต่สำหรับผมถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งนึงเลยจริงๆ สุดท้ายนี้ขอให้เจ้าของมู้มีความสุขกับชีวิตคู่ ประคับประคอง ร่วมทุกข์ร่วมสุข ใช้ชีวิตโดยความไม่ประมาท ถือครองชีวิตคู่ด้วยกันไปตลอดครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ นี่แหละคนสมัยนี้ถึงไม่อยากแต่งงาน

เดี๋ยวนี้เค้ามีเช่าสินสอดแล้วนะครับ แต่ผมว่าถ้าเรียกค่าสินสอดขนาดนั้น ลองคุยกับแฟนดูว่าจดทะเบียนเฉย ๆ ได้ไหม สู้ ๆครับ ค่อย ๆ หาทางเอาครับ

ไม่ไหวก็ไม่ต้องแต่งครับ กู้เงินระดับ 5 แสนขึ้นนี่เรื่องใหญ่เลย
บ้านที่สร้างต้องผ่อนอีก

กู้มาแต่ง คิดได้ไงครับ ชีวิตคู่เริ่มจากการเป็นหนี้เกือบๆล้าน ไม่อยากจะคิด แฟนท่านไม่คิดจะช่วยกันเก็บอะไรเลยหรอครับ อย่าอ้างว่าลองใจ พิสูจน์ว่าแค่นี้หามาได้มั้ย ตายๆ ผมนี่โชคดีที่ทางบ้านแฟนผมไม่เรียกอะไรเลย งานยังไม่อยากให้จัดบอกเก็บตังไว้ใช้ ไว้กินดีกว่า

ถ้าให้คำแนะนำ "เช่าสินสอด" คือทางออกที่ดีที่สุดครับ

การไปกู้ มันกู้ในชื่อคุณ แต่เวลาแบ่งสินสอดกรณีที่ไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ มันคือ สินสมรสนะครับ
ซึ่งในมุมนี้ เช่า จะไม่่กระทบอะไรเลย เป็นหน้าเป็นตาแล้ว, แถมเสียค่าเช่าครั้งเดียวจบ จากนั้น สร้างอนาคตเก็บเงินด้วยกันใหม่

ซึ่งถ้าฝั่งเจ้าสาวไม่โอเค, แสดงว่าเขาต้องการเงินก้อนไปเก็บเป็นหลักประกัน แนะนำให้ชวนไปกู้ร่วมเลยครับ
ไม่รู้นะ ถ้ามองว่าครอบครัว มันต้องพร้อมลุยทั้งคู่อ่ะ

ผมพูดทำนองนี้เพื่อจะเตือนว่า, ถ้าตกลงจุดนี้ไม่ได้ ... หลังจากใช้ชีวิตร่วมกัน มันจะหนังชีวิตกว่านี้อีกครับ