นั่งดูคลิปน้านิธิ เขาบอกไม่มี e-paddle คือมอเตอร์มันไม่ปั่นไฟกลับให้หรอครับ งงในงง

e-paddle น่าจะเหมือนกับ one-paddle ของ Tesla คือใช้คันเร่งอย่างเดียวขับรถได้ไม่ต้องพึ่งการแตะเบรคเพราะมี regenerative braking ที่ฉลาดพอ

ไม่ใช่แค่มอเตอร์หน่วงแรงเท่านั้น software ต้องฉลาดพอจะทำให้การลดความเร็วลื่นไหลด้วย ต้องดูสภาวะแวดล้อมและคำนวณแบบ real time ว่าจะ regen กลับแรงแค่ไหนถึงจะเหมาะสม ไม่ใช่หน้าทิ่มบ้าง เบรคไม่อยู่บ้าง

ไม่มี e-paddle ก็คือไม่สามารถขับด้วยคันเร่งอย่างเดียวได้ยังต้องพึ่งการเบรคเพื่อหยุดรถ แต่ไม่ใช่ไม่มี regenerative braking คือมีการ regen กลับอยู่แต่ไม่มีความสามารถในการคำนวณแรง regen ที่ advance พอจะใช้ one paddle

ผมเข้าใจงี้นะ

คือมี regen แบบไม่ล้ำมาก งี้ปะครับ

น่าจะหมายถึง One Paddle ครับ คือใช้คันเร่งทั้งเร่งทั้งเบรก

BYD ไม่มีแนวทางการทำ One Paddle อยู่แล้วครับ คิดว่าไม่มีรุ่นไหนของ BYD ทำด้วยครับ ไม่ได้เกี่ยวกับรถมันฉลาดหรือระบบหน่วงล้ำอะไรเลยครับ เพราะขนาด Good Cat ที่ Software แย่ๆยังทำได้เลยครับ ทั้งนี้ถ้าชอบใช้ One Paddle จริงๆ BYD ไม่ตอบโจทย์ครับ

เกี่ยวโคตรๆ ลองไปขับ tesla กับ ora แล้วจะรู้ว่าคนละชั้น แมวน้อยนี่เรียกว่า one paddle ยังกระดากปาก

ัแต่เอาจริงๆมันอยู่ที่คุณคิดว่าต้อง smooth แค่ไหนถึงเรียก one paddle? regen แรงจัดๆหยุดแน่นอนแค่นี้ถือว่า 1 paddle หรือเปล่า?

เพราะฉะนั้น software เนี่ยและคือ 50% ของ 1 paddle เลย อีก 50% คือมอเตอร์ต้อง design มาให้รองรับการ regen แบบ advance

ไม่ต้องลองผมก็ใช้อยู่ ที่ผมหมายถึง BYD เค้าไม่มีแนวทางทำมาตั้งแต่แรกแล้ว แล้วการจะมีหรือไม่มีส่วนตัวผมไม่ได้มองว่ารถที่มีคือรถมันล้ำอะไรขนาดนั้น ส่วนเนียนไม่เนียน ผมว่า 50% อยู่ที่คนขับ ผมพยายามแล้วของเทสล่าที่บ้าน สุดท้ายกลับไปใช้แบบแป้นเบรก คนที่บ้านผมลองกันหลายคนก็ไม่ไหว

ฉะนั้นผมเลยต้องถาม จขกท ก่อนว่าชอบจริงๆหรือเปล่า

แปะให้ จขกท ยี่ห้อไหนคันไหนมี One Paddle บ้าง

ผมไม่ติดเรื่องแนวทาง BYD เลย เค้าเอาเงินไปทุ่มอย่างอื่นแทนที่จะ r&d การ regen ก็เป็นกลยุธท์แต่ละค่ายในการทำ product

แต่ผมอยากชี้แจงเรื่องที่คุณบอกว่า one paddle ไม่เกี่ยวอะไรกับรถฉลาดความล้ำของระบบหน่วงและ software เพราะสมาชิกจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าไม่มี one paddle คือ regen ไม่ได้

ไม่ใช่รถทุกคันที่ regen ได้จะ one paddle ได้เพราะมันไม่ได้ทำง่ายๆครับไอ่ feature นี้อย่างที่ผมชี้แจงไปมันใช้ software และ hardware ที่ล้ำกว่ารถ EV ปรกติทั่วๆไปที่ไม่มี one paddle

ส่วน ora พยายามทำแต่ความ smooth ยังเทียบ tesla ไม่ได้เลยนี่แหละตัวบ่งชี้ครับว่าระบบนี้มีแล้ว ล้ำ เพราะมันทำยาก

ส่วนความชอบ one paddle นั้นแล้วแต่คนเลยครับ แต่ละค่าย one paddle ก็ฉลาดไม่เท่ากัน ผมคงตอบแทน จขกท ไม่ได้

เอาให้มันหน่วงๆ regen ไฟกลับได้ ประหยัดเบรค ก้พอครับ 555

นิ่มไม่นิ่ม เด่วปรับที่ทรีนเอา55

ถ้าประหยัด brake byd ไม่ตอบโจทย์ ไม่ได้เห็นผลขนาดนั้น และส่วนตัวผมแนะนำ AION

แต่เอ้ะ ถ้าregen ไฟกลับได้ ก้เท่ากับ batt มันโดนชาร์จบ่อยขึ้นรึป่าว แทนที่จะชาร์จทีเดียวเยอะๆ โดนการต่อปลั้ก

BYD ก็ใช้ได้ครับ ผมจะเทียบแบบนี้

One Paddle ยกคันเร่ง = รีเจน ไม่ต้องแตะเบรก

แต่ถ้าแบบของ BYD ปรับรีเจน High หรือ Larger ใน Sealion7 ยกคันเร่ง จะหน่วงแค่ 10-15% ไม่หน่วงมากให้มึน

แต่แป้นเบรกของ BYD กดลงไป 0-40% เป็นรีเจน ไม่ใช่เบรกครับ ลองไปดูคลิปขับ Atto ลงเขาช่วง 2 ปีก่อน เลียเลรกตลอดทาง เบรกไม่มีร้อนเลยครับ

ทีนี้มันมีอีกถ้ามาไว แล้วกระทืบเบรกกระทัน มันจะใช้รีเจน (รีเจนทะลุหลอด + เบรกจริงช่วย) ฉะนั้นถ้าเบรกธรรมดาปกติทั่วไปแทบจะเป็นรีเจนทั้งหมด ยกเว้นใกล้ๆหยุดถึง 0 จะเป็นจานจับครับให้หยุดนิ่งครับ

และเช่นกัน One Paddle ถ้ามาไว ยกคันเร่งสุดก็ไม่พอ ต้องกดเบรกช่วยอยู่ดี

ฉะนั้นท่านต้องลองครับ ว่าจะเลี้ยงคันเร่ง หรือเลี้ยงเบรก ทั้งหมดนี้อยู่ที่ผู้ผลิตเค้าออกแบบมาล่ะครับ

มันเป็นงี้นีเอง เหมือนregen ไปอยู่กับแป้นแบคแทน เลยไม่ one

ใช่ครับ รีเจนคือการชาร์ทไฟกลับเข้าไปนี่แหละ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องชาร์ทไฟบ่อย อย่าไปฟังเวลาคนบอกชาร์ทไฟบ่อยๆไม่ดี ไร้สาระครับ

แล้วก็ถ้าไม่ได้แบบเด็กแว้นขับมุดแบบเป็นภาระสังคม ไม่ต้องใช้เบรค 99% ครับผมบอกเลย ใครที่บอก one paddle ต้องใช้เบรคอยู่ดีคือภาระสังคมละครับขับรถอันตราย
ผมขับมาบอกเลยมัน regen แรงมากเลยนะ (Tesla) คนที่ขับแบบต้องใช้เบรคอยู่นี่ต้องส่องกระจกดูตัวเองละ

เพิ่มเติม Neta V,X ก็มี one pedal นะครับ