BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออนไลน์
แขวนสตั๊ด
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 02 Dec 2009
ตอบ: 8336
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 13:55
วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก


โพสนี้ผมว่าสรุปหลายๆ อย่างที่สงสัยกันเยอะครับ

- วิธีการชิงประมูล
- JAS เอาเงินมากจากไหน
- ถ่ายทอดทางไหน
- เป้าหมาย กลยุทธ์ คร่าวๆ

ยาวตามสไตส์เพจ แต่ละเอียด ดูในสปอยเลยครับ

Spoil
กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก มาจากอ้อมอก ของทรูวิชั่นส์ เกิดขึ้นจากหมัดน็อกของ JAS ที่อัดทรูวิชั่นส์โป้งเดียวร่วง

เรื่องราวเป็นอย่างไร และ คนไทยจะได้ประโยชน์อะไร จากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เราจะไปลำดับเรื่องกันตั้งแต่แรกนะครับ

ก่อนอื่นเลย ต้องขอบคุณ พี่จอม-บอ.บู๋ มากๆ เลยครับ ที่ชวนผมไปคุยกับ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ชั่วคราว) ของ JAS บริษัท ผู้ชนะประมูล ทำให้ผมเข้าใจที่มาของดีลนี้

ดร.โสรัชย์ กับ บอ.บู๋ เป็นรุ่นพี่-รุ่นน้อง ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โดยดร.โสรัชย์ มีอายุมากกว่า 4 ปี

พี่จอมเล่าว่า ได้ ดร.โสรัชย์คนนี้แหละ ที่ชวนให้ดูบอล ให้รู้จักนักเตะคนนี้ คนนั้น และจนถึงปัจจุบัน ทั้งคู่ก็ยังคงสนิทสนมกัน ดูบอลด้วยกัน แม้จะรู้จักกันมานานมากกว่า 40 ปีแล้วก็ตาม

เมื่อวันอังคาร ตอนผมเห็นข่าวครั้งแรก ว่า JAS เอาชนะการประมูลพรีเมียร์ลีก พูดตรงๆ ว่าผมแปลกใจ เพราะไม่คิดว่า JAS จะอยู่ในเกมการแย่งชิงครั้งนี้ด้วย

JAS คือใคร?

ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ JAS (จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล) มีชื่อว่า พิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้น 52.07%

นอกจากถือหุ้นใหญ่ของ JAS แล้ว พิชญ์ ยังเป็นเจ้าของ Mono Max แพลตฟอร์มที่มีซีรีส์จีนพากย์ไทย เยอะที่สุดในประเทศ, ทีวีช่อง Mono 29 และ 3BBTV

ดังนั้น JAS คืออาณาจักรสื่อ ที่มีแพลตฟอร์มอยู่ในมือครบเซ็ต ทั้งออนไลน์ และ ดิจิทัลทีวี

ตอนแรก ผมไม่คิดว่า เขาจะอยากลุยในวงการฟุตบอล เพราะที่ผ่านมา ดูทาง JAS จะสนใจกีฬาประเภทอื่นมาตลอด เช่น บาสเกตบอล และ อีสปอร์ต

พิชญ์ เคยเป็นสปอนเซอร์หลักในการแข่งขัน ไทยแลนด์ บาสเกตบอล ลีก และเคยเป็นเจ้าของทีมบาสเกตบอลโมโน แวมไพร์

รวมถึงให้ความสำคัญกับอีสปอร์ต มีการก่อตั้งทีม แวมไพร์ อีสปอร์ต คว้าแชมป์โลกเกม PUBG Mobile

ส่วนในเรื่องฟุตบอล ดูเหมือนไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่นัก ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของทีม บีบีซียู แต่ก็เลิกทำไปแล้ว ตั้งแต่ 7 ปีก่อน

แต่ในข้อเท็จจริงคือ พวกเขาสนใจฟุตบอลอยู่เสมอ และรอคอยจังหวะมาตลอด

พิชญ์ เจ้าของอาณาจักร JAS กับ ดร.โสรัชย์ ที่เป็นซีอีโอ ถือเป็นคนที่เครซี่ฟุตบอลในระดับร้ายกาจ โดยเฉพาะบอลต่างประเทศ และลิเวอร์พูล

พวกเขาเป็นคนไทย หนึ่งใน 3 กลุ่มเท่านั้น ที่มี "บ็อกซ์วีไอพี" อยู่ที่สนามแอนฟิลด์ในฤดูกาลนี้

ส่วนในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ที่อิสตันบูล ปี 2005 ทั้งสองคนอยู่ในสนามอตาเติร์กด้วย ได้เห็นบรรยากาศ ราฟา เบนิเตซ พาทีมคัมแบ็กด้วยตาตัวเอง คือจะมีคนไทยสักกี่คนเชียว ที่ได้สัมผัสโมเมนต์สุดยอดขนาดนั้น

ดร.โสรัชย์ เล่าว่า "เราไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับฟุตบอลก็จริง แต่เราไม่เคยเลิกรักฟุตบอล การซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก มันคือความฝันของเรามาตลอด เป็นสิ่งที่เราเฝ้ามอง และอยากเข้าร่วมประมูลมาหลายทีแล้ว แต่ในอดีต เรายังไม่พร้อม ทั้งเรื่องเงิน และ เรื่องเทคโนโลยี ก็เลยได้แต่มองห่างๆ ยังไม่เข้าร่วมประมูลด้วย"

สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เป็นลิขสิทธิ์ของทรูวิชั่นส์ มา 2 รอบ คือ 2019-2022 และ 2022-2025

เมื่อใกล้หมดสัญญารอบล่าสุด พรีเมียร์ลีกประกาศว่าจะประมูลลิขสิทธิ์รอบใหม่ของประเทศไทย ในวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2024 โดยครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในไทย ที่มีอ็อปชั่นพิเศษ คือประมูลได้ "6 ปี"

คุณจะประมูล 3 ปีเหมือนเดิมก็ได้ แต่ฝั่งพรีเมียร์ลีกอยากให้เซ็น 6 ปีมากกว่า ดีลกันทีเดียวให้จบไปเลย ยาวๆ ไม่ต้องมาประมูลกันบ่อยๆ

หลายๆ ประเทศ ก็ใช้โมเดลแบบนี้ เช่น Optus Sports ที่ออสเตรเลีย หรือ NBC ที่สหรัฐฯ ก็เซ็นยาว 6 ปี กับพรีเมียร์ลีกทั้งสิ้น

ในการประมูลครั้งนี้ พิชญ์ และ ดร.โสรัชย์ตัดสินใจ กระโดดเข้ามาอยู่ในเกมด้วย สาเหตุเพราะพวกเขามีพร้อมแล้ว ทั้งเงิน และ เทคโนโลยี

เงินเอามาจากไหน? ในปี 2022 กลุ่ม JAS ขายธุรกิจ 3BB Broadband ให้กับ AIS เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 32,420 ล้านบาท

เงินหลักหมื่นล้าน ที่เมื่อก่อน JAS ยังไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้ว สามารถต่อยอดเอาไปทำธุรกิจอื่นได้เลย

แล้วเทคโนโลยีล่ะ? ถ้าหากได้ลิขสิทธิ์มา แต่ไม่รู้จะถ่ายช่องทางไหน ก็มีแต่จะละลายเงินทิ้งไปฟรีๆ เหมือนกรณีของ CTH ที่ได้ลิขสิทธิ์ในปี 2013-16 ในสภาพที่ไม่พร้อมอะไรเลย สุดท้ายก็ขาดทุนยับ นำมาสู่การปิดกิจการในเวลาต่อมา

แต่ JAS ไม่มีปัญหา เพราะพวกเขามีแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Mono Max ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้

สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ Mono Max อธิบายง่ายๆ มันคือ Netflix เวอร์ชั่นประเทศไทยนั่นเอง

ใน Mono Max เมื่อล็อกอินเข้าไป จะเจอซีรีส์มากมาย (โดยเฉพาะซีรีส์จีน มีเยอะสุด) นอกจากนั้นก็มีภาพยนตร์ ทั้งไทยและเทศ รวมถึงมีไฮไลท์การแข่งกีฬาด้วย พวกศึกเทคบอลชิงแชมป์โลก

และที่สำคัญคือ Mono Max สามารถรองรับการถ่ายทอดสดแบบ "ไลฟ์" ได้

ดังนั้นวิธีการของเขา ลองนึกภาพตามนะครับ สมมุติเราล็อกอิน Netflix เข้าไป คอนเทนต์ต่างๆ มันแบ่งเป็นช่องๆ สี่เหลี่ยมใช่ไหมครับ

ไอเดียของ JAS คือ ในวันที่พรีเมียร์ลีกเตะ ถ้าคุณล็อกอิน Mono Max เข้าไป ก็จะเห็นบอลพรีเมียร์ลีก (Live) ขึ้นตามช่องสี่เหลี่ยมเหล่านั้นล่ะครับ คุณอยากดูคู่ไหน ก็คลิกเข้าไปดูได้ตามใจชอบเลย

ดังนั้นต่อให้ถ่ายทอดสดพร้อมกัน 10 คู่ ก็ไม่ใช่ปัญหา ก็เอาลง Mono Max ได้หมด

คุณไม่จำเป็นต้องหาทีวี 10 ช่องด้วยซ้ำ เพราะเมื่อคุณมีแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่ในมือ ก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์

เท่ากับว่า ตอนนี้ JAS มีเงินสด และ เทคโนโลยีพร้อม พวกเขาจึงเริ่มวางแผนที่จะเข้าร่วมการประมูลด้วย โดยหาข้อมูลอยู่นานถึง 6 เดือน ก่อนถึงวันประมูลจริง

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2024 การประมูลออนไลน์เริ่มต้นขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 4 เจ้าในประเทศไทย ที่เปิดเผยชื่อคือ JAS และ ทรูวิชั่นส์ ส่วนอีก 2 เจ้าไม่เปิดเผยชื่อ (แต่คาดว่า จะเป็น BG Sports และ AIS Play)

สำหรับมูลค่าเดิมที่ทรูวิชั่นส์ ชนะประมูลครั้งที่แล้ว ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่ คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาท ต่อสัญญา 3 ปี (เฉลี่ยปีละ 2 พันล้าน)

ในการประมูลของพรีเมียร์ลีก มีเงื่อนไข 1 ข้อว่า ถ้าผู้ประมูลเจ้าใหม่ชนะ พรีเมียร์ลีกจะอนุญาตให้เจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ทำการ "แมตช์" หรือ ยื่นราคาที่เทียบเท่ากันได้

และถ้าการแมตช์เกิดขึ้น เจ้าใหม่ก็ต้องยื่นราคาให้สูงขึ้นอีก จนกว่าเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมจะไม่สู้ ถึงจะเป็นผู้ชนะได้

ดร.โสรัชย์เล่าว่า "กลยุทธ์ในการซื้อลิขสิทธิ์ของเรา คือใช้หมัดน็อก โป้งเดียวจบเลย ไม่ต้องให้อีกฝ่ายลุกขึ้นสู้ เพราะถ้าประมูลยืดเยื้อ เงินมันจะบานปลาย"

JAS ตัดสินใจยื่นข้อเสนอไปที่ตัวเลข 19,167 ล้านบาท ในสัญญา 6 ปี หรือ เฉลี่ยปีละ 3,194 ล้านบาทไทย

นี่เป็นตัวเลขที่แพงมาก อย่าง CTH เมื่อปี 2013 ให้เฉลี่ยปีละ 3 พันล้านก็ว่าสูงแล้ว แต่อันนี้แพงยิ่งกว่านั้นอีก

ในรอบนี้ ไม่มีใครรู้ว่า ทรูวิชั่นส์ ยื่นไปเท่าไหร่ ที่สิ่งที่ชัดเจนคือ พวกเขาไม่ต้องการ "แมตช์" ข้อเสนอของ JAS เพราะตัวเลขแรกนั้นห่างกันเกินไป ดังนั้น เกมจึงจบตรงนี้ JAS คว้าลิขสิทธิ์สัญญา 6 ปีมาครอง

สำหรับขั้นตอนแบบเป๊ะๆ เลย คือ พรีเมียร์ลีกอนุมัติเบื้องต้นก่อนที่ 3 ซีซั่น จากนั้นวันที่ 22 พฤศจิกายน จะทำการอนุมัติว่าให้ลิขสิทธิ์ 6 ซีซั่นได้หรือไม่ แต่ ดร.โสรัชย์ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา ยังไง JAS ก็ได้ 6 ปีแน่นอน

ดร.โสรัชย์ อธิบายต่อว่า "เราเห็นบทเรียนของปี 2013 ตอน CTH ประมูลสู้กับทรูวิชั่นส์ แล้ว แมตช์กันไป แมตช์กันมา จนตัวเลขมันบานปลายไปหมด เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เลยยื่นข้อเสนอไปในตัวเลขที่มากพอ เพื่อให้แบบซัดหมัดเดียวจบ แล้วเป็นผู้ชนะไปเลย"

ลองคิดตามเล่นๆ ว่า ถ้า JAS ยื่นไปปีละ 2,500 ล้าน ทรูวิชั่นส์ ก็อาจจะทำการแมตช์ แล้ว JAS ก็ต้องยื่นเพิ่มอีก แล้วถ้ามันบี้กันไป บี้กันมา ด้วยศักดิ์ศรี ก็อาจจะไม่ยอมกัน สุดท้าย ตัวเลขลิขสิทธิ์อาจจะโดดไปไกลถึงไหน ก็ไม่มีใครรู้

แต่ถ้ายื่นปีละ 3,194 ล้าน ตั้งแต่แรก เป็นราคาที่สูงมาก เกินกว่าจะมาแมตช์กันต่อ ก็น่าจะทำให้เกมประมูลจบเลย โดยไม่ต้องเล่นเกมยาว

นี่คือกลยุทธ์ของฝั่ง JAS และพวกเขาก็ดูจะคิดถูก เพราะทรูวิชั่นส์ ยอมหมอบ ไม่สู้ต่อตั้งแต่แรก

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ อยู่ที่ JAS กล้าลงทุนมหาศาล ทั้งๆ ที่ในยุคหลังโควิด บริษัทต่างๆ จะไม่อยากควักเงินขนาดนี้

หลายคนจึงย้อนกลับไปคิดถึงกรณีของ CTH ว่า จะเดินตามรอยกันไหม ผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด จะสามารถเอาตัวรอดได้จริงๆ หรือ ในสงครามนี้

ดร.โสรัชย์ อธิบายว่า "ปัญหาของ CTH ในตอนนั้น คือไม่มีช่องทางชัดเจน เขาซื้อลิขสิทธิ์ไปเพราะอยากทำกล่อง เพื่อเอาไปขายเน็ตบ้าน สมัยก่อนยังไม่ได้เป็นไฟเบอร์เต็มด้วยซ้ำ สุดท้ายประมูลไปได้ 3 พันล้านต่อปี ซึ่งถือว่าโหดมาก สำหรับ 12 ปีที่แล้ว"

"ในปัจจุบัน ที่ JAS ประมูลได้ ในตัวเลขมากกว่า CTH ตอนนั้นเล็กน้อย แต่อย่าลืมว่าเราผ่านค่าเงินเฟ้อมา 12 ปี ถ้าถามผม ในราคานี้ผมว่าไม่แพง ขณะที่เรื่องเทคโนโลยี ในยุคนี้ก็พัฒนากว่ายุค CTH เยอะมาก คือเรามีความพร้อม ที่จะถ่ายทอดสดจริงๆ"

คือ CTH ตอนนั้น มันป่วนไปหมด ขายกล่อง ซื้อกล่องก็ยาก สำนักงานใหญ่ ให้คนติดต่อก็ไม่มี ชุลมุนมาก แต่ JAS มีประสบการณ์ในการทำ Mono Max มาพักใหญ่แล้ว ดังนั้นจึงมีความพร้อมที่มากกว่า

ในฤดูกาล 2024-25 พรีเมียร์ลีกจะยังถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์ เป็นซีซั่นสุดท้าย จากนั้นก็จะเข้าสู่ยุคใหม่ ของ JAS

ฝั่งทรูวิชั่นส์เอง โดนหมัดนี้ไป เอาจริงๆ ก็มึนหัวเหมือนกัน เพราะพวกเขาเคลมว่าตัวเองคือ King of Sports แต่คุณยังเป็นราชาได้จริงๆ หรือ ในเมื่อคุณไม่มีลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ที่ถือเป็นคอนเทนต์ขวัญใจอันดับหนึ่งของคนไทย

อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า ทรูวิชั่นส์ ยังไงก็อยู่ได้ครับ พวกเขาแข็งแกร่งเกินกว่าจะล้มแค่เรื่องนี้ แต่แน่นอนล่ะ คุณก็ต้องมีคอนเทนต์บางอย่าง เอามาเป็นฮีโร่โปรดักต์เหมือนกัน ไม่อย่างนั้น คนดูกีฬาเขาจะเป็นสมาชิกของคุณต่อเพื่ออะไรล่ะครับ จริงไหม

จากวันนี้เหลืออีกประมาณ 9 เดือน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ (2025-26) จะเริ่มต้นขึ้น

ช่วง 9 เดือนต่อจากนี้ เป็นเวลาที่ JAS จะต้องเตรียมระบบหลังบ้านให้พร้อม เพื่อให้การสมัครสมาชิก และการถ่ายทอดสดราบรื่น

รวมถึงผังรายการต่างๆ นอกจากถ่ายฟุตบอลแล้ว จะมีรายการวิเคราะห์วิจารณ์ด้วยไหม เช่นเดียวกับ ทีมพากย์ ก็ต้องหาใหม่ยกเซ็ต เพราะตอนนี้ JAS ไม่มีบุคลากรเรื่องกีฬาเลย

ถ้าเซ็นสัญญา 6 ปีแบบนี้ คงต้องเปิดรับสมัครพนักงานใหม่กันแน่ๆ ครับ บางทีเราอาจจะได้เห็น Front Man คนใหม่ๆ ที่เป็นเด็กปั้นของ JAS ขึ้นมาเลยก็ได้

นี่คือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นนะครับ สำหรับวงการกีฬา เพราะมันทำให้ตลาดคึกคักมากๆ เช่นเดียวกับกลุ่มคนดู ก็คาดหวังว่าจะได้เจออะไรใหม่ๆ ในยุคของ JAS เช่นกัน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในซีซั่นหน้า ดร.โสรัชย์ กล่าวไว้อีกหลายประเด็น ผมขอสรุปสาระสำคัญให้ตรงนี้เลยนะครับ

- ค่าสมัครสมาชิกรายเดือน และรายปี ยืนยันว่า จะถูกกว่าของทรูวิชั่นส์ในวันนี้แน่นอน

- ค่าสมัครสมาชิกรายเดือน จะตั้งราคาไม่เกิน 400 บาทต่อเดือน นอกจากดูพรีเมียร์ลีกได้ ก็สามารถดูคอนเทนต์บางอย่างใน Mono Max ได้ด้วย อันนี้ส่วนตัวผมว่า ก็เหมาะสมแล้วนะครับ เป็นราคาที่ดี ถ้าตัวเลขขนาดนี้ วีกละ 100 บาท ยังจะดูเถื่อนกันอีก ก็คงเกินไปแล้ว

- กำลังเจรจากับพรีเมียร์ลีก เปิดอิสระให้ครีเอเตอร์ ทั้งคนทำเพจ, ยูทูบเบอร์, ติกตอกเกอร์ สามารถใช้ "ฟุตเทจ" ของพรีเมียร์ลีก ได้อย่างถูกต้อง คือทุกวันนี้ พวกครีเอเตอร์หลายที่ ใช้ฟุตเทจพรีเมียร์ลีกไม่ได้ แต่ในยุคใหม่ การทำงานก็จะง่ายขึ้น และน่าจะมีคอนเทนต์ที่สนุกขึ้นกว่าเดิม

- กำลังเจรจากับพรีเมียร์ลีก ให้มี แฟนตาซีฟุตบอล (FPL) เวอร์ชั่นภาษาไทย ใช้กฎเหมือนแฟนตาซีเมืองนอกทุกอย่าง แถมจะมีรางวัลพิเศษให้เฉพาะคนไทย ที่ชนะในแต่ละปีด้วย อาจจะเป็นรถยนต์หนึ่งคัน หรือ ทริปไปยุโรป ตอนนี้รอพรีเมียร์ลีกอนุมัติอยู่

- จะมีการใช้อุปกรณ์ Dongle สำหรับสมาชิกที่ซื้อโปรโมชั่นไว้แล้ว เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด สามารถเอาตัว Dongle ไปเสียบกับช่อง HDMI รับสัญญาณไวไฟ แล้วสามารถดูบอลได้เลย ทุกที่ ทุกเวลา

- จะจับมือเป็นพันธมิตรกับทุกคน แม้แต่ ฝั่งทรูก็สามารถร่วมมือกันได้ ถ้าเจรจาลงตัว

- สัญญาว่าจะมีพรีเมียร์ลีกขึ้นบนฟรีทีวี เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ผ่านทางช่อง Mono 29 หรือ ดิจิทัลทีวีช่องไหนที่สนใจก็สามารถมาคุยกันได้

- การเซ็นสัญญารอบนี้ ไม่ใช่แค่ไทย แต่ได้ลิขสิทธิ์รวม ทั้งลาว และ กัมพูชาด้วย แต่ก็จะไม่เน้นทำตลาดที่เพื่อนบ้านมาก จะโฟกัสที่ไทยเป็นอันดับแรก

- ได้ลิขสิทธิ์ในเอฟเอคัพด้วยไปพร้อมกัน แต่คาราบาวคัพมีคนซื้อลิขสิทธิ์ในไทยไปแล้ว ขณะที่คอมมิวนิตีชิลด์ กำลังพิจารณาอยู่ ว่าจะซื้อไหม

- ในอนาคตอาจซื้อลิขสิทธิ์กีฬาอื่นมากขึ้น เอามาอยู่ในแพลทฟอร์มด้วย ไม่ใช่แค่พรีเมียร์ลีกอย่างเดียว

- ด้วยความที่เซ็นสัญญา 6 ปี ก็จะค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งร้อนหาลูกค้ามากนัก

- เป้าหมายเบื้องต้น ถ้าตั้งราคาสมาชิกเดือนละไม่เกิน 400 บาท หากมีลูกค้าเฉลี่ยเดือนละ 1.2 ล้านคน บริษัทก็สามารถอยู่ได้แล้ว (400 x 1.2 = 480 ล้านบาท บอลพรีเมียร์ลีกเตะ 9 เดือน เอา 480x9 = 4,320 ล้านบาท ก็จะได้กำไร จากที่ซื้อลิขสิทธิ์มาปีละ 3,194 ล้านบาท)

ดร.โสรัชย์ ยืนยันอย่างสุดท้ายกับผมว่า ดีลนี้ ไม่มีล่มแน่นอน ตอนนี้จ่ายเงินประกันไปให้พรีเมียร์ลีกแล้ว 1,400 ล้านบาท ยังไงโปรเจ็กต์นี้ต้องเดินต่อ

9 เดือน นับจากวันนี้ ทาง JAS จะไปตกผลึกทุกอย่าง ทั้งเรื่องโปรโมชั่น เรื่องคนพากย์ เรื่องความคมชัด คือเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้น

เป็นกำลังใจให้ JAS ในสเต็ปต่อไปขององค์กรครับ นี่เป็นเส้นทางที่ไม่ง่ายแน่ๆ และจะมีคนจับจ้องคุณตลอดเวลา เพราะพรีเมียร์ลีก มันคือกีฬาขวัญใจอันดับหนึ่งของคนไทย

และอีกมุมหนึ่ง ก็อยากให้กำลังใจทรูวิชั่นส์ด้วย กับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

บทสรุปของเรื่องนี้ ผมคิดว่า JAS ต้องเจอความคาดหวังเยอะเหมือนกัน เพราะคุณจะมีมาตรฐานต่ำกว่าของเดิมไม่ได้ คือถ้าคุณเป็นเพลเยอร์หน้าใหม่ที่เข้ามาอยู่ในเกม ยังไงก็ต้องยกบาร์ให้สูงขึ้น ยิ่งกว่าที่เจ้าเดิมเคยทำไว้

ยอมได้หรือ ถ้าจะให้ชาวบ้านพูดว่า "พรีเมียร์ลีก อยู่กับทรูวิชั่นส์ก็ดีอยู่แล้ว"

และถ้าไม่อยากให้คำพูดแบบนั้นเกิดขึ้น JAS ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นครับ

ท้ายที่สุดแล้ว ผมว่าการต่อสู้ทางธุรกิจครั้งนี้เป็นเรื่องดีครับ เมื่อไม่มีการผูกขาดโดยเจ้าเดียว ทุกๆ คนที่อยากอยู่ในเกม ก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด เก่งที่สุด และ มีโปรโมชั่นที่คุ้มค่าที่สุดกับประชาชน

และยิ่งนักธุรกิจเขาแข่งขันกันทำดีมากเท่าไหร่ คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด ก็คือผู้บริโภคอย่างเรานั่นเองครับ  
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ก.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Aug 2008
ตอบ: 4759
ที่อยู่: ใกล้ๆเทพลูคัส ไรว๊าา
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 14:32
วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก
ช่วงนี้เราก็คงจะได้เห็นคอนเท้นท์บทความจากเหล่าอินฟลูที่ไปร่วมโต๊ะแนวๆนี้เยอะหน่อย
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
"Love me, don't hurt me, Just kiss me, don't burn me, And I'll be yours"
ออนไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status: Don't kick the chair
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 11975
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 14:34
[RE: วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก]
- เป้าหมายเบื้องต้น ถ้าตั้งราคาสมาชิกเดือนละไม่เกิน 400 บาท หากมีลูกค้าเฉลี่ยเดือนละ 1.2 ล้านคน บริษัทก็สามารถอยู่ได้แล้ว (400 x 1.2 = 480 ล้านบาท บอลพรีเมียร์ลีกเตะ 9 เดือน เอา 480x9 = 4,320 ล้านบาท ก็จะได้กำไร จากที่ซื้อลิขสิทธิ์มาปีละ 3,194 ล้านบาท)

พูดเหมือนง่าย แต่ปัญหาคือจะหาคน 1.2 ล้านคนมาจากไหน?
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน........


ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: ครับ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Mar 2007
ตอบ: 4310
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 14:52
[RE: วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก]
รอติดตาม





ส่วนตัวยังคิดว่า ais play น่าจะเป็น 1 ในที่ออกกากาศ ซึ่งผมก็พร้อมใช้บริการ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Hello World!!!
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 17 Mar 2020
ตอบ: 414
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 15:23
[RE: วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก]
ของใหม่อะไรก็ว่าหอม
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Oct 2013
ตอบ: 2840
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 15:33
[RE: วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก]
ผมว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่มี ดีมานด์สูง แต่ ซัพพลายน้อย ทำให้ราคาค่อนข้างแรง

ถ้าลดราคามาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยยังไงก็มีคนสมัคร แต่จะมาคิดเอาราคา คูณ คนสมัครแล้วกำไรเท่านั้นเท่านี้ไม่ได้

เพราะจุดตัดของเรื่องนี้คือเทคโนโลยีมากกว่า

ระบบที่สามารถรองรับคนหลักล้านคนที่ดูผ่านช่องทาง ออนไลน์พร้อมๆกัน นี่ราคาเอาเรื่องเหมือนกันนะ

ถ้า 1.2 ล้านคน คูณราคาสมาชิก แล้วเท่ากัน 4 พันล้านบาท

ต้นุทน 3 พันล้านต้นๆ นี่ไม่ใช่ต้นทุนทั้งหมด รวมไปรวมมาผมว่าต้นทุนบานปลายแน่นอน โสหุ้ยการผลิต ค่าไฟ, ค่าเทคโนโลยี ค่าคนพากษ์ ฯลฯ

ถ้าหาสมาชิกได้ 1.2 ล้านคน ราคาต้องเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดทุกปี (ปีแรก 400 ปีสอง 500 ปีสาม 600) ถึงรอด

ปล.คหสต อย่าดราม่าเด้อ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
Onion Member
Status: Ola..
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 15879
ที่อยู่: Ola~
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 15:59
[RE: วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก]
ลุ้น 6 ปีหลัง ใครจะกล้า สู้ราคาต่อ ยืนพื้น สูงแน่ รอบหน้า
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
แผล่บๆ เรื้อนๆ ปั้มเรป วู้ววว !!!
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Nov 2013
ตอบ: 152
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 21:00
[RE: วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก]
มึงเอาราคาทรูปีนี้มาเทียบไม่ได้ มันบ้าเพิ่มจากปีก่อนเท่าตัว
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: (^_^)b
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2007
ตอบ: 7498
ที่อยู่: โลก
โพสเมื่อ: Wed Nov 13, 2024 23:43
[RE]วิเคราะห์บอลจริงจัง : กลยุทธ์การแย่งชิงพรีเมียร์ลีก
รอชมเลย เชื่อว่าทำได้ดีกว่าเดิมแน่
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
^_____^ ให้สิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้น

ก่อนที่จะลงมือทำอะไร-เราควรรู้ว่าจะจบมันอย่างไร

“แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า มิอาจบังคับ” ขงเบ้ง

เ อ า ที่ ส บ า ย ใ จ เ ล ย (แต่อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน)

ถ้า "ได้ยิน" จะ "ลืม"
ถ้า "เห็น" จะ "จำ"
ถ้า "ทำ" จะ "เข้าใจ"
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel