อยากแชร์เรื่องนี้เจอปัญหาคล้ายๆกันกับเคสภก.
คือ Culture การทำงานในโรงพยาบาลนี่มันมักจะมีอย่างนึงที่หลายๆคนไม่เข้าใจ คือเรื่องการอยู่เวร ปกติการจัดตารางทำงาน a.k.a ตารางเวรเนี่ย ปกติจะถูกจัดไว้ก่อนล่วงหน้าจะเริ่มงานในเดือนนั้นๆ
ตัวอย่างของที่ผมเป็นหัวหน้า จะเป็นแบบนี้
จะเห็นว่า Balance ทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ จำนวนชม.ทำงาน, OT, ตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละวัน ทุกอย่างจะเท่าๆกันหมด ทั้งงานและรายได้
เพราะตัดปัญหาดราม่าที่จะเกิดขึ้นว่าใครเลือกเอาแต่งานสบาย ใครจะเอาแต่ OT เยอะ ซึ่งแน่นอนว่าผ่านการพูดคุยกันในทีม รับทราบและตกลงร่วมกัน
(คนล่างสุดที่เยอะประหลาดกว่าชาวบ้านคือผมนี่แหละ เพราะคนขาดไป 1 ตำแหน่ง ผมเลยต้องไปอยู่เวรด้วย ซึ่งก็อยู่ทุกเดือนนั่นแหละ ส่วนมาก็แทนคนหยุดชนกัน)
ทีนี้การอยู่เวรจริง แน่นอนว่ามันมีแลกเปลี่ยน-ซื้อขายเวรเกิดขึ้นได้บ้างแต่จะไม่บ่อย เพราะ Policy ของโรงพยาบาลผมจะไม่ให้พนักงานทำงานติดกันเกิน 16 ชม. เช่น เริ่มงาน 8.00 น. จะทำงานได้ไม่เกิน 24.00 ของวันนั้น
ตรงนี้จะถูกล็อคด้วยระบบการเบิกจ่ายเงิน OT ดังนั้นคนที่จะขายเวรต้องหาคนที่อยู่ในเงื่อนไขนี้ได้ด้วย ไม่งั้นคนมาอยู่แทนจะทำงานฟรี ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องของกฏหมายแรงงานและผมเห็นด้วยว่าพนักงานต้องได้พักอย่างเหมาะสม ไม่ใช่รับภาระงานหนักเกินไป
อันนี้เป็นกรณีที่ผมเคยทำงาน แต่ก็รู้ว่ามีอีกหลายที่ๆไม่ได้บังคับใช้เรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐบาล เพราะแฟนผมก็แลกเวรกันฉ่ำ วันต่อวัน บางครั้งทำงานติดกัน 48-72 ชม.จนเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
ในบริบทพวกนี้มันทำให้ ทุกคนต้องทำงานทดแทนกันได้หมด ทุกคนต้องสามารถอยู่เวรกันได้หมด ไม่เช่นนั้นจะต้องมีคนแบกภาระเยอะมากกว่าปกติ มันจึงสำคัญว่าทำไมการมีคนที่ไม่อยู่เวรเนี่ยเป็นปัญหาพอสมควรต่อการทำงานทั้งทีม
ทีนี้เคสที่ผมเจอคล้ายกันกับกรณี คือ
ในทีม 10 คน นอกจากผมเองจะมี Senior 1 คนที่เข้ามาทำงานพร้อมๆกับผม นอกนั้นแทบทุกคนเป็นเด็กจบใหม่ ประสบการณ์ 0-1 ปีทั้งนั้น
ปัญหาคือ Senior คนที่รับมานี้ อายุ 45+ ปีแล้วผมเป็นหัวหน้า แต่ผมตอนนั้นอายุยังแค่ 28-29 ปีเอง ซึ่งผมก็หวังว่าพี่เค้าจะช่วยในการเป็นพี่เลี้ยงแบ่งเบาภาระให้กับน้องๆในทีมได้ด้วย
แต่ปรากฏว่า ทักษะต่างๆในการทำงาน เหมือนเด็กเพิ่งเริ่มทำงานเลย ไม่สามารถทำงานที่คนอายุงานระดับ 10 ปีขึ้นไปได้เลย งานพื้นฐานทั่วไปเหมือนไม่เคยทำงาน กลายเป็นผมต้องสอนแบบนับ 1 ให้คนที่เป็น Senior เพิ่มด้วย
ไม่ต้องพูดถึงหน้าที่รับผิดชอบอื่นๆแบบ stock inventory, quality management, safety procedure ความรู้พวกนี้ไม่มีเลย
พอไปคุยกับ HR ย้อนหลังปรากฏว่าเหมือนเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ บางที่มีใบรับรองการทำงาน บางที่ที่ระบุในประวัติก็ไม่มี ซึ่งผมก็งงว่า HR รับมาได้ไงก่อน
เหมือนทักษะอย่างเดียวที่มีเลยคือพอจะเจาะเลือดได้โอเคกว่าน้องคนอื่น ดังนั้นผมเลยให้ช่วยเทรนน้องในทีม และดูแลบริการเจาะเลือดเป็นหลัก แต่พอเอาเข้าใจก็สร้างความชิบหายไม่ต่างกันกับการจับไปอยู่ตรงที่อื่น เพราะมีปัญหาตลอด เจาะเลือดไม่พอ/ไม่ครบ/ไม่ได้คุณภาพ ไปจนถึงโดน Complain เรื่องบริการจากญาติคนไข้
ซึ่งผมเข้าใจได้ การโดน Complain เป็นเรื่องปกติในงานบริการ แต่เคสนี้ที่โดนคือคนที่เขียนใช้กระดาษเขียน 2 ใบ เขียนแบบเต็มหน้าทั้ง 2 ใบ A4 บางคำในนั้นผมอ่านแล้วถึงขั้นตกใจเพราะ เค้าด่าว่ากริยามารยาทต่ำทราม ซึ่งมันไม่ปกติสำหรับโรงพยาบาลที่ผมทำเป็นเอกชนค่อนข้างเน้นคนไข้หรูระดับ Top 10-20 ประเทศ พอไปถามเจ้าตัวบอกว่าไม่มีอะไร ไม่เห็นคนไข้พูดอะไร แต่พอโทรไปถามคนไข้ระบุตัว เล่าเหตุการณ์ให้ฟังดูโกรธจนคิดว่าไม่น่าโกหกแน่ๆ
โอเค พอเกิดเหตุการณ์นี้ ผมดึงพี่ Senior คนนี้กลับมาอยู่ในงานหลังบ้านของแผนกที่ไม่ต้องเจอคนไข้เยอะ จะได้ไม่เกิดปัญหาบริการอีก
แต่พอกลับมาได้ประมาณซักพัก มีน้องๆในทีมจะบ่นกับผมตลอดว่าทำงานกับคนนี้แล้วโดนเอาเปรียบตลอด อันไหนยาก/เยอะให้คนอื่นทำตลอด เหมือนไม่มี willing จะช่วยคนอื่นเลย
ซึ่งผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเรียกไปพูดคุย แน่นอนว่าโคตร soft ทุกครั้ง และไม่ได้เชื่อจากมุมมองคนอื่น 100%
แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาต่อเนื่องจนถึงที่จุดนึง ผมสังเกตเห็นเลขแปลกๆในตารางเวร ก็เลยถามน้องว่าเลขอะไร ก็มีคนบอกว่า เป็นเลขที่ต้องอยู่เวรคู่กับพี่ Senior คนนี้ พอมีเดือนนึงผมจัดเวรแล้วดันไปโดนน้องคนนึงต้องอยู่กลางคืนกับเค้า 4 เวรในเดือนนั้น น้องถึงขั้นร้องไห้จนผมต้องเอาตารางเวรกลับไปแก้หาคนอยู่แทน (ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ผมนี่แหละที่รับจบ ถถถถถ)
มาถึงอีกจุดนึงที่ผมรับไม่ได้เลยคือ ผม Setup ระบบให้พึ่งพาคนน้อยที่สุด ผิดพลาดน้อยที่สุด เพราะรู้อยู่แล้วว่าในทีมมีแต่ Novice จาก training ground
ปรากฏว่าพี่ Senior คนนี้ทำงานพลาดร้ายแรงแบบที่มีผลกระทบต่อคนไข้ ซึ่งตอนแรกผมไม่สามารถเข้าใจได้เพราะระบบมันล็อคให้เหตุการณ์ที่ว่าไม่เกิดขึ้นแน่ พอไปตรวจสอบดูก็เจอว่า พี่ Senoir นี่แก Override ระบบทิ้งหมดเลย
ทั้งๆที่มีระบบป้องกันไว้ 2 สเต็ปคือในแผนกและใน HIS โรงพยาบาล แล้วที่สำคัญมีน้องที่ทำงานเตือนแล้วด้วยว่าไม่ได้ อย่าทำ แต่ก็แอบทำ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร?
แน่นอนพอความผิดพลาดมันถึงคนไข้ มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว โชคดีว่าเคสนี้คนไข้ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ไม่งั้นโดนฟ้องชิบหายทั้งโรงพยาบาลแน่ๆ
ถึงจุดนี้ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากไม่ให้แกอยู่เวรนอกเวลา พักสิทธิ์ในการสั่งงาน ไปเริ่มเหมือนเป็นเด็กเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ และมีใบเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทราบว่าปัญหานี้ไม่ปกติ
พอแกโดนแบบนี้ไม่ถึงเดือน แกขอเข้ามาคุยกับผมว่า แกอยู่แบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เงิน OT แกก็ไม่มีเงินใช้ ทำให้แกเครียดมาก ผมก็เลยให้อยู่แบบได้ OT ตอนเย็นรวมๆทั้งเดือนได้ 2000-3000 ประมาณนี้เท่าที่ทำได้
แต่สักพักก็มาใหม่อีก คราวนี้บอกว่าอยู่ไม่ไหวจะขอลาออกเลย ซึ่งผมก็คุย แต่แกยืนยันว่าจะลาออก ผมก็โอเคงั้นแจ้ง HR ว่าจะลาออกให้ไปคุย พอกลับมาบอกว่าไม่ลาออกแล้ว
ผมก็อ่าววววว สรุปยังไง บอกว่าเครียดเฉยๆ จะขอไปหาจิตแพทย์ ผมก็อนุญาต แล้วแนะนำไปด้วยเพราะรู้จักที่ๆโอเค
พอกลับมาพี่แกถือใบรับรองแพทย์กลับมาว่า เครียดมาจากการทำงาน ขอลาหยุดพัก 14 วัน แน่นอนว่ามีใบรับรองแพทย์ ผมก็โอเคได้ตามนั้น
แต่ตรงนี้ผมอยากให้คุณเข้าใจว่า การหาคนมาแทนทั้ง 14 วันนี่ โคตรรรรรจะเป็นปัญหาเลย ซึ่งหวยก็ลงที่ผมอยู่แทนไปครึ่งนึง และก็ไปหา part time เพื่อนๆกันมาช่วยอยู่เวรให้ ขอโรงพยาบาลให้จ่ายเงินตรงนี้ให้ได้ ไม่เป็นไรแก้ปัญหาได้ลงตัว
ผ่านไป 4-5 วัน โทรหาผมบอกว่าจะขอกลับมาทำงานแล้ว สบายใจแล้ว ผมก็อ้าว กูขยับเวรอยู่แทน, ขอเงินรพ., ดีล part time ไว้ แบบนี้ไม่ได้สิ
พี่แกทำไงรู้มั้ยครับ? ไปขอเข้าพบผู้บริหารให้ยกเลิก สุดยอดเลย กลายเป็นผมเสียหมาสุดๆ โดนด่าเสียเพื่อน น้องๆในทีมก็ไม่พอใจละ ที่เวรขยับไปขยับมา ทำให้คนสิบกว่าคนวุ่นวาย
แล้วพอกลับมาทำงานได้อีก 2-3 วัน เหมือนหนังฉายซ้ำ ขอลาอีกแล้วววว คราวนี้ผมหาคนแทนไม่ได้ละ เลยบอกว่าขอลาออกเลย เพราะทำงานร่วมกับผมไม่ได้ รอบนี้ผมรำคาญเลยบอกให้โอเค ไปเขียนมาเลย ผมเซ็นให้ไปส่ง HR
วันต่อมา HR โทรหาผมบอกว่าเค้าไม่ลาออกแล้วนะ แต่จะขอย้ายแผนกแทน แล้วก็อยู่ต่อวนไปวนมาแบบนี้ 3-4 รอบ เสนอให้ย้ายแผนกจริง ไปถึงก็บอกไม่ย้ายละแบบนี้ !@#$%^&*()
จนไปถึงจุดนึง พ่อของพี่ Senior คนนี้เสียชีวิตกระทันหัน ผมก็ให้หยุดไปจัดการ อีก 7 วัน แล้วก็แจ้งผู้บริหารส่งดอกไม้ เงินช่วยเหลือไปให้ด้วย
พอกลับมา ผมได้ยินจากน้องคนนึงบอกว่าผมไม่มีน้ำใจ เป็นหัวหน้าแต่ไม่ไปร่วมงานไว้อาลัย ผมก็เซ็งๆเพราะคนอยู่เวรแทนคือผมนี่แหละ แต่พูดอะไรไม่ได้เพราะแกเพิ่งเสียคนในครอบครัว แล้วยังป่วยอีก
คือนึกออกมั้ยว่าถ้าผมไปว่าอะไรนั่นเท่ากับผมแม่งคือคนที่โคตรไร้มนุษยธรรมชิบหาย เกิดฆ่าตัวตายเพราะผมอีก ชิบหายกันพอดี ผมไม่อยากรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต แต่ก็ต้องแบกความไม่พอใจของเพื่อนร่วมงานต่อคนๆนี้ แบกปัญหาที่เค้าสร้างไว้
อันนี้คือปัญหาที่พยายาม Scope ให้สั้นๆ จริงมีอีกโคตรเยอะสำหรับคนนี้ ทั้งมาต่อเวรสาย ปีนึงปกติ check-in สายได้ไม่เกิน 20 ครั้ง พี่แกหวดไปทั้ง 120 กว่าครั้งในรอบ 1 ปี, มีเรื่องทะเลาะกับคนในแผนกถึงขั้นกระชากเสื้อกัน etc.
เทียบกับเคสที่เป็นข่าว ผมไม่แน่ใจว่าหัวหน้าภก.ได้จัดการอะไรไปบ้างแล้ว แต่การที่ทำงานโรงพยาบาลแล้วมีคนนึง competency ไม่ได้ มันเป็นภาระเพื่อนร่วมมากกว่าที่หลายคนเข้าใจ
สรุปสุดท้ายเป็นผมที่ลาออกมาก่อน ถึงแกจะไม่ใช่เป็นปํญหาหลักที่ผมเบื่องานรพ.จนเปลี่ยนสายอาชีพ แต่ผมก็รู้สึกดีชิบหายที่ทุกวันนี้งานงานแค่ 8-16 ไม่ต้องอดหลับอดนอน ไม่ต้องเครียดจนต้องกินยาคลายกังวลให้นอนหลับได้