เท่าเทียมในด้านไหนต้องเข้าใจก่อน

ร่างกาย ไม่เท่าแน่นอน ผู้ชายไม่มีข้อด้อยอะไรเลย ใช้ชีวิตปกติ

ส่วนผู้หญิง มีประจำเดือน ร่างกายอ่อนแอกว่า มันไม่เท่ากันอยู่แล้ว

แต่ที่พูดถึงคือความเท่าเทียมด้านสิทธิ เอางี้ คุณเคยเห็นสิทธิบุรุษบ้างรึเปล่า เวลาผู้ชายโดนผู้หญิงทำร้ายน่ะ การปกป้องผู้ชายกับผู้หญิงคนละแบบเลยนะ

ด้านการงาน บางสาขาวิชาชีพก็เลือกเพศสภาพเปผ้นส่วนหนึ่งของข้อพิจารณา อันนี้ผมว่ามันก้ำกึ่ง แต่โดยส่วนตัวแล้วมันก็ควรยกเว้นนั่นล่ะ

ด้านสังคม อันนี้ควรมองอย่างเท่าเทียมจริงๆ ผู้หญิงจะช่วยผู้ชายบ้างก็ไม่ได้ผิดจารีตอะไร อย่างการแชร์ค่านั่นนี่

ว่าก็ว่าเถอะ คนเรามักเข้าข้างตัวเองก่อนอยู่แล้ว ไม่มีความเท่าเทียมที่แท้จริงหรอก  

แล้วทำไม ผญ เข้าห้องน้ำชายได้ครับ แข้ามากลางดง ผช ไม่กลัวความปลอดภัยเหรอครับ ถ้าจะให้เท่ากันผมว่า ช ญ ห้าม เข้าห้องน้ำเพศตรงกันข้ามทุกกรณีหากฝ่าฝืนก็ต้องได้รับบทลงโทษที่เท่ากัน

และไอ้คำว่าต้องสอนว่าอะไรเท่าเทียมได้ อะไรเท่าเทียมไม่ได้ อันนี้จะเป็นเครื่องมือให้ ผญ เอาเปรียบ ผช ไหมครับ เช่นอันนี้ ชายได้เปรียบ ญ ก็บอกว่าเท่าเทียมได้แล้วก็ทำให้เท่าเทียมกัน
ส่วนอันไหน ญ ได้เปรียบ ช ก็อ้างว่ามันทำให้เท่าเทียมไม่ได้ แล้วก็ ญ ได้เปรียบ ช ต่อไปแบบนี้เหรอครับ

เอ้อและนี่เป็นเรื่องความไม่เท่าเทียมที่ผมเห็นว่าหญิงได้เปรียบชาย โดยผมนึกและพิมพ์สดๆเลย

1.ชายต้องจ่ายสินสอด
2.ชายต้องเกณทหาร
3.ในมหาลัยแห่งหนึ่ง หอพักในมหาลัยชายมีหอสภาพกลางๆกับเก่าๆ ส่วนหอหญิงมีกลางๆกับใหม่ๆ
4.หอพักข้างนอก ญ อยู่พักชาย ได้แต่ชายไปอยู่หอพัก ญ ไม่ได้ ทำให้เวลาหาหอพัก ญ หาง่ายกว่าและมีตัวเลือกมากกว่า เพื่อนผมได้ไปอยู่หอที่ไกลออกไปเพราะหอใกล้ๆไม่ว่าง
5.ชายต้องซัพพอร์ตเรื่องเงิน หาเลี้ยง ให้เงิน หญิง
6.เวลาไปโรงพยาบาล ญ รีเควส หมอหรือพยาบาลหญิงได้ แต่ชายรีเควสหมอหรือพยาบาล ชายไม่ได้
7.เวลาไปเข้าค่าย ห้องอาบน้ำชาย เป็นอาบกลางแจ้ง ไม่ก็สังกะสีมากั้น ส่วนหญิง มีห้องน้ำดีๆให้อาบ
8.ชายมีคำว่าลูกผู้ชายมากดไว้ ซึ่งไอ้คำว่าลูกผู้ชายนี้มีแต่จะทำให้ ผช เสียเปรียบ ผญ ทั้งนั้น(ผมเลยไม่คิดจะมีความเป็นลูก ผช ) เช่น ผญ แฉ ผช ว่าชั่วคนก็มองว่า ผช ชั่วจริงผญ ถึงแฉ แต่ ชายแฉหญิงว่าชั่วบ้าง ดันหาว่าไม่แมนซะงั้น ชายเจอคนดีกว่าทิ้งหญิงก็หาว่าไม่แมน และอื่นๆอีกมากมาย

จากทุกข้อผมพิมพ์ไปคุณชี้แจงได้ไหมว่ามันเท่าเทียมยังไง



เข้าไม่ได้ครับ  

เรื่อง ห้องน้ำผมบอกแค่ตัวอย่าง ย้ำแค่ตัวอย่าง ผู้หญิงที่เข้ามาห้องน้ำชาย คือ แม่บ้าน เคยเห็นไหม ?
เพราะ ผู้ชายทำความสะอาดห้องน้ำหญิง ไม่เคยมีปรากฎในระหว่างที่ใช้งาน ถ้ามี คือ ต้องปิดสถานที่ก่อน
แค่ตัวอย่าง มันก็ไม่ได้เท่าเทียมกันแล้ว

เอางี้เรื่องที่ถาม เช่น การใช้งานสิ่งต่างๆ ร่วมกัน อันนี้ก็ควรเท่าเทียมกันในบางเรื่อง ส่วนเรื่องอื่นๆ มันอยู่ที่ความสมัครใจมากกว่า

ผมก็บอกอยู่ว่า อะไรที่เท่าเทียมได้ก็ทำให้มันเท่าซะ หรือ ถ้าเรื่องไหนไม่ได้มันก็ต้องไม่ได้ และ ต้นกำเนิดความเท่าเทียมมัน คือ กฎหมายต่างๆ บางเรื่องมันไม่เท่าเทียมกัน สิทธิ์อันพึ่งได้ทางกฎหมายในบางเรื่องให้ความสำคัญกับ ผู้ชาย หรือ ผู้หญิงไม่เท่ากัน แค่นั้น ผมพูดถึงข้อกฎหมาย

แล้วไม่ได้บอกด้วยว่าต้องให้ ผู้หญิง ได้มากกว่า ผู้ชาย มีแต่บอกว่าเรื่องที่มันสามารถทำให้เท่ากันได้ก็ควรที่จะทำทั้ง ผู้ชาย และ ผู้หญิง

คุณอ่านที่ผมโพสไปตีความว่าอะไร ?

ยิ่งพูดต่างคนก็ต่างมีจุดเสียเปรียบกันทั้งนั้นแหละครับ สรุป คือเรื่องไหนที่สามารถทำให้เท่ากันได้ก็ควรทำทั้ง ชาย หญิง ไม่ใช่ ผู้หญิงจะได้อย่างเดียว ไม่ได้มีส่วนไหนบอกเลย  

สำหรับผมคำว่า เสียสละ คือคำพูดสวยหรูที่ใช้ในการเอาเปรียบคนอื่น

ถ้างั้นคุณบอกว่าผู้ชายต้องเสียสละให้ ผญ โดยไปเกณทหาร ลุกให้ ผญ นั่ง งั้นผมก็บอกว่า ผญ ต้องเสียสละให้ ผช มีตำแหน่งดีๆ ตำแหน่งใหญ่ รวมถึงต้องเสียสละความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานให้ ผช ด้วยแบบนี้โอเคไหมครับ  

และถ้าอันที่มันทำให้เท่าเทียมไม่ได้ ก็ปล่อยไปให้ ผญ ได้เปรียบ ผช ต่อไปงี้เหรอครับ  

แปลว่าอ่านของผมไม่ get เลยแม้แต่นิดเดียว

สิ่งที่ผู้ชายใช้คำว่าเสียสละ ก็ตามที่ผมพิมพ์ไป คือในเรื่องของกายภาพ,สรีระ ที่ผู้ชายได้เปรียบมากกว่าผู้หญิง

ดังนั้นก็เลยจำเป็นต้องต่อ handicap บางอย่างในเรื่องกายภาพให้กับคนที่เสียเปรียบกว่า เช่นในเรื่องของการใช้กำลัง

หรือแม้แต่ในเวลาประสบภัยก็ให้คนที่แข็งแรงน้อยกว่า(เด็ก,สตรี,คนชรา,ผู้พิการ) ได้ priority ไปก่อน..

เกี่ยวอะไรกับตำแหน่ง,ความเจริญก้าวหน้า?? แค่ต้องไปเกณฑ์ทหาร, ยืนให้คนนั่ง แล้วจะขอเอาสิทธิ์อย่างอื่นเหนือกว่าเนี่ยนะ??


 

ทำไมผมต้องยอมเสียผลประโยชน์ของตัวเองให้คนอื่นด้วยครับผมเสียประโยชน์ส่วนนี้ไปแล้วได้อะไรตอบแทนและของตอบแทนคุ้มกับที่เสียไปไหม การที่คุณพิมมาเหมือนให้ ผญ ได้สิทธิเพิ่มคือก้าวหน้าเท่า ผช แต่ไม่ยอมรับภาระหน้าที่เพิ่มอย่างเกณทหาร ลุกให้นั่ง จริงๆสิทธิอย่างอื่นไม่ได้อยากได้เหนือกว่าครับ ความก้าวหน้าชายหญิงวัดกันที่ความสามารถ เลยครับแฟร์ๆ แต่ ผช ก็ไม่ต้องลุกให้ญ นั่ง ไม่ต้องจ่ายสินสอด ไม่ต้องเกณทหาร รี่แหละเท่าเทียมกัน

ส่วนเรื่องประสบภัยต้องดูว่าภัยอะไรครับเพราะการไปช้าอาจตายได้ สมมติไฟไหม้โรงแรมทำไมต้องให้ญ ก่อน ในเมื่อโดนไฟคลอกหรือสำลักควันมันก็ตายไม่ต่างกัน  

สมมติไฟไหม้ดรงแรม มีท่านกับเด็ก 5 ขวบเหลืออยู 2 คน บนตึกชั้น 20

กระเช้ามารับได้ทีละคน จะให้ใครไปก่อนครับ??

 

สำหรับผมถ้าไฟมันยังอยู่ไกลจุดที่เราอยู่อาจให้เด็กไปก่อนได้ แต่ถ้าไฟมาใกล้แล้วผมต้องทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ไปก่อนครับ เพราะโดนไฟคลอกมันก็ตายไม่ว่า ชาย หญิง เด็ก ผมคงไม่โง่ยอมตายแทนเด็กอยู่แล้ว

แล้วคุณล่ะจะโง่ยอมตายแทนคนไม่รู้จักเหรอครับ  

อันนี้ debatable นะครับ เพราะว่าส่วนนึงสมัยก่อน ผญไม่ได้เข้าถึงการศึกษาได้แบบผชเหมือนในสมัยนี้ (ผญเพิ่งได้เรียนหนังสือจริงๆจังๆยังไม่ถึงร้อยปีเลย นั่นแปลว่าหลายๆบริษัทใหญ่ที่อยู่มาเป็นร้อยปี มันเลยเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถก่อตั้งได้ด้วยผญด้วยครับ) รวมถึง"หน้าที่"ของผญในสังคมสมัยก่อนก็ไม่เหมือนสมัยนี้เช่นกันครับ หรือกระทั่งสมัยนี้ บางสังคมยังไม่เปิดกว้างให้ผญทำงานหลังแต่งงานอยู่เลย

ฉะนั้น "โอกาส"ในการเติบโตหรือแสดงความสามารถของผู้หญิงมันก็น้อยลงไปด้วยนั่นแหล่ะครับ และ prejudice กับ gender bias ในองค์กรมันก็ยังมีอยู่ครับ ซึ่งอันนี้ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน เพราะองค์กรแบบ BCG, แบบ Mercer ก็ทำสำรวจตรงนี้มาได้ comprehensive พอสมควรแล้วเหมือนกันนะครับ

อันนี้ผมว่ามันมองได้ทั้งมุมที่คุณมองและที่ผมมองนะครับ