ประสบการณ์หางานตอนอายุ 35+ ที่ไทย
จากกระทู้นี้
https://www.soccersuck.com/boards/topic/2494321/
ที่ผมพิมพ์ไป ไม่ใช่โมเมพูดเอาเองนะ 555 เลยจะมาเล่าให้ฟังประสบการณ์ตรงของผมเอง
พื้นฐานเรียนจบปริญญาตรีสายสุขภาพ แต่งานแรกคือธุรกิจส่วนตัว เริ่มทำตั้งแต่ฝีกงานปีสุดท้าย แล้วดันทำได้ดีมาก ไม่สมัครงานเลย จบปุ๊ปเปิดบริษัททันที ประสบความสำเร็จจนร่ำรวย ออกสปอร์ตเปิดประทุนปีแรกหลังทำธุรกิจ และคอนโด 10 ล้านปีที่สอง แต่ชีวิตมีขึ้นก็ต้องมีลง 555 ล้างผลาญมากใช้เงินเก็บไปจนหมด 8 หลัก เหลือก้อนสุดท้ายก็เทรดจนหมดตัว จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ก็ไม่มีทุน เลยมาสมัครงานตอนอายุ 35
คุณสมบัติตัวเองดังนี้
- Toeic 950 พูดฟังระดับ fluent เคยอยู่เมืองนอก
- เคยปั้นบริษัทของตัวเองจากงบ 1 ล้านสู่ ยอดขาย 50 ล้านต่อปี ภายใน 3 ปี เป็นตัวแทนแบรนด์ระดับโลก(คนเดียวของไทย)ดีลงานกับ VIP มากมาย พวกเจ้าใหญ่ๆตอนนั้นไม่ว่าจะเป็น Lazada ที่เพิ่งเปิดในไทยใหม่ๆ/ Central Online / 7-11 Catalog ต้องติดต่อมาเพื่อให้เราไปลง แล้วบริษัทชื่อดังในไทยคือลูกค้าหมดเลย ตั้งแต่ CEO นกแอร์ โตโยต้า ดาราคนดังมากมาย แม้แต่คนในวังก็เคยมาที่บริษัทใจกลางกทม.
- คิดว่าเก่งรอบด้าน เพราะทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ import/export/sales/management โปรแกรมพื้นฐานใช้เป็นระดับคล่องปานกลางถึงคล่องมาก word/excel/adobe/ps เขียนเว็บไซต์สินค้ากว่าพัน SKU เอง 100% แล้วที่สำคัญ SEO ติดหน้าแรกเกินครึ่งของสินค้า ขายออนไลน์ได้เยอะมากตั้งแต่ยังไม่มี Lazada/Shopee
- เป็นคนที่คิดละเอียดมากในการทำงาน มี insight และ vision ระดับดีเยี่ยม ชอบเป็นผู้นำเทรน คิดนำหน้าชาวบ้าน
- ออกแนว perfectionist ในเรื่องงาน ต้องให้ดีที่สุดเสมอ แก้แล้วแก้อีก เป็น 10 รอบก็ต้องแก้
- คร่าวๆแค่นี้เดี๋ยวหาว่าโม้เกินไป 5555
เริ่มสมัครงาน เขียน resume แบบแก้หลายสิบรอบ เอาที่คิดว่าได้ใจความ เข้าเนื้อ ไม่เยอะ ไม่น้อย ดูวิเคราะห์แนวทางทั้งไทยและตปท. ว่าแบบไหนมีผลได้งานและน่าสนใจมากที่สุด ให้เพื่อนหลายคนช่วยดูก็โอเคมาก
- จากนั้นจึงกว้านส่งหมดเลย เล็งงานระดับ manager ทั้งหมด ตั้งแต่ business development manager / retail manager/ (luxury) product manager / e-commerce / sales manager ในทุกๆ field ที่คิดว่าทำได้ดี ทั้งผู้แทนยา เครื่องมือแพทย์ รถยนต์ สินค้า electronic และมีสินค้าที่เราเชี่ยวชาญระดับท็อป 3 ของประเทศด้วย
- สมัครงานผ่าน Jobsdb / Linkedin
- Filter แรกขอเงินเดือนที่ 100K ขึ้นไป เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะสมกับความสามารถได้
- ผ่านไป 30-40 บริษัท ไม่มีเรียกเลย ระหว่างนี้ก็พยายามแก้ resume หรือทำอย่างไรก็ได้ให้เค้าได้เรียก
- ไม่ไหวแล้วไม่มีเงิน เลยเริ่มลดตำแหน่งงานเหลือแค่ sales representative / assistant รวมถึงเงินเดือนที่ตั้งไว้ลง เหลือแค่ 50-80k
- รวมๆแล้วสมัครไป 50-70 บริษัท มีโทรมาคุยประมาณไม่เกิน 7-8 บริษัท และเรียกสัมภาษณ์แค่ 2 บริษัท 555 โคตรบัดซบ
- บริษัทแรกที่ได้สัมภาษณ์ ตำแหน่งผู้แทนยา แต่เค้าเห็นเราทำได้ทุกอย่าง เลยให้ไปอยู่หลังบ้านตำแหน่ง creative marketing ที่ได้เงินแค่ 45k เลยปฏิเสธไปเพราะเราแนววางแผนกลยุทธิ์การตลาดเก่ง แต่นี่จะให้ทำ graphic / video ด้วย ไม่น่าจะรอด แถมเงินน้อยอีก ส่วนอีกบริษัทที่เรียกเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้เปิดมา 5 ปี ได้ 100k ขึ้นต่อเดือน มีสมัครไป 30 กว่าคน เข้ารอบสัมภาษณ์สุดท้ายเหลือ 3-4 คน แต่อด
- สุดท้ายได้งานบริษัทนึงจากอดีตคู่ค้าและคุ่แข่งเก่า ตำแหน่ง business development manager เงินเดือน 90k ทำได้ 4 เดือนออกเพราะไม่ผ่านโปร สาเหตุทำงานไม่เข้ากับทีม marketing ทั้งทีม ซึ่งมีแต่เด็กน้อยประสบการณ์ไม่นานและทำงานไม่เป็น ไม่เข้าใจธุรกิจที่ทำอยู่ แต่หัวหน้าทีม CMO เป็นเพื่อนสนิท CEO ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะแต่ผมออกได้ไม่เกินปี ทีมนั้น 6-7 คนออกหมดแม้แต่ CMO ด้วย ซึ่งไอ้ CMO เนี่ย เป็นแนว license coach ผู้อื่นใน social และ app ดัง แต่เคยทำธุรกิจมา2 อย่างเจ๊งหมด มาเขียนแผนการตลาดสวยหรู แต่ทำไม่เป็นก็เท่านั้น (มันเป็นสินค้าเฉพาะทางที่ผมมีความเชี่ยวชาญกว่า 20ปีที่คล้ายกับบริษัทที่ผมเคยสร้าง แต่หนึ่งในทีมลูกรักที่มาเถียงกับผม จบการท่องเที่ยวมาได้ 2 ปี อิควายเอ้ยยย) ผลประกอบการบริษัทยอดตกฮวบฮาบ เป้าที่ตั้งไว้จะพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ยังห่างไกลมาก
ปล. แอบสะใจที่โปรเจคที่ดีลกับไว้กับพารากอนก็ล้มไปด้วย เพราะหัวหน้าระดับ head ทางนั้นคุยกับผมโอเคสุด ไม่อยากคุยกับคนอื่นในบริษัท 555
สรุปที่เจอมาเลย
- อายุ 35 เป็นอุปสรรคมาก แทบทุกที่เขียนไว้หมดว่าไม่เกินนี้ โดยเฉพาะ sales reprensentative และหลายๆที่รับตำแหน่งระดับ manager แต่เขียนไว้อายุไม่เกิน 35 ฟายยยยยยย หางานจนท้ออ่ะ
- ถ้าว่างงานนานๆ แล้วตกงานตอนแก่มาสมัครงานบริษัทนี่คือบัดซบที่สุดในสังคมไทย ถ้าจะหางานใหม่ตอนอายุเยอะ พยายามอย่าตกงานหรือว่างนาน เป็นแนวอัพตำแหน่งขึ้นไปเรื่อยๆหรือย้ายบริษัทในสายงานจะง่ายกว่ามาก
- ถ้าสายวิชาชีพจะได้เปรียบกว่า โดยเฉพาะอาชีพที่ขาดแคลนคนในกรณีนี้
- ถ้าจะเอางานตำแหน่งดี เงินดี ฝากโปรไฟล์ไว้กับ headhunter ดีที่สุด จริงๆช่วงหลังๆตอนเริ่มมาทำธุรกิจใหม่แล้ว มี headhunter โทรมาอยากจะให้ไปทำงานกับเค้าแบบตื้อเลย 2 เจ้าได้ เงินหลักแสนอัพ แต่ช้าไปแล้วอ่ะ
- ได้เข้าสู่สังคมออฟฟิสที่ตัวเองเป็นลูกน้องจริงๆหนึ่งครั้ง เหี้ยกว่าที่คิดไว้เยอะ 555 หน้าอย่างหลังอย่าง หักหลังได้ก็ทำ ขี้นินทา แบ่งพักพรรค ใครได้ดิบได้ดีกว่าตัวเองไม่ได้ ฯลฯ ที่ไม่ได้เจอเลยแต่ลุ้นอยากจะให้เจอเลยคือเรื่อง xxx กับเพื่อนร่วมงาน เสียใจมาก
ปัจจุบัน
- ให้กลับไปทำงานบริษัทก็ไม่ทำอีกแล้ว เพราะตอนนี้กำลังปั้นธุรกิจของตัวเองและแฟนอยู่ ยกเว้นว่ามีตำแหน่งระดับสูงมากและมีหน้าที่บริหารเต็มที่ พร้อมกับเงินเดือนที่มากจริงๆ 5555
- ตอนนี้ช่วยบริหารและวางแนวทางของธุรกิจแฟน (ในตำแหน่ง COO) ใช้เวลา 3 ปี ยอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่า ยกระดับของธุรกิจขึ้นไปเยอะมากๆในเวลาอันสั้น จากธรรมดาบ้านๆกลายเริ่มรู้จักระดับภูมิภาคและประเทศ(ในวงการนี้) ฐานะแฟนก็ดีขึ้นมากตามไปด้วย
- ตั้งเป้าให้ธุรกิจตัวเองของตัวเองให้ประสบความสำเร็จระดับประเทศและมูลค่าแซงหน้าบริษัทที่ให้เราไม่ผ่านโปรให้ได้ ถึงตอนนั้นอยากจะออกรายการสักรายการนึงหรือสัมภาษณ์บทความนึงว่า ผมเคยโดนไล่ออกจากบริษัทที่ผมแซงหน้าไปไกลแล้ว แล้วฝากบอกอีทีมการตลาดโง่ๆนั้นด้วยนะ แม่งเจ็บใจจริงๆ 555
ข้อสังเกตในการทำงานประเทศอื่นๆ
- ผมเคยอยู่อเมริกามา เคยไปอยู่อังกฤษหลายเดือน ไปญี่ปุ่นสิบกว่าครั้ง (สมัยก่อนไปดูงาน ไปประชุมทุกปี) งานที่ในไทยจำกัดอายุ เช่น ผู้แทนหรือเซลล์ทุกอย่าง สจร๊วตและแอร์โฮสเตส หรืออาชีพให้บริการ ประเทศเหล่านี้ไม่มีจำกัดอายุเลย เวลาบินสายการบินฝรั่งนี่แอร์กับสจร๊ตโคตรรรรจะแก่ ไม่มีวัยรุ่นเลย 5555
- ประเทศเหล่านี้ใน resume ห้ามใส่รูปลงไป เพราะไม่ให้ตัดสินจากหน้าตา กัน bias ประเทศไทยดูจากรูปถ่ายก่อนเลย 5555 แล้วหน้าตากุคือขึ้นกล้องมากกกกกกก (ประชด)
- ถ้าได้มีโอกาสไปเมืองนอก ก็สามารถทำงานที่มีรายได้สูงแต่ไม่ต้องจบเฉพาะทาง อย่างงานร้านอาหารได้ แม้แต่ตอนแก่ก็ตาม ญาติผมไปสมัครงานผัดกับข้าวตอนอายุ 65 เค้าก็รับปกติ ได้เงินเดือนๆแสนกว่าบาท ถามแค่ 2-3 ประโยคแค่ว่าทำเป็นไหม เคยทำมาใช่ไหม
บทความยาวอีกแล้ววันนี้ พอแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้วันหลังมาเล่าเรื่องอื่นใหม่ 55555