#ARTICLE : คอลัมน์ล่าสุดของ Andy Mitten (Tier 1 , The Athletic) ที่เขียนระบายความในใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ดในเวลานี้ และก่อนหน้านี้
Mitten คือผู้สื่อข่าวอาวุโส เป็นสื่อ 'สายสโมสร' มาตั้งแต่ยุคเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เห็นความเป็นไปของทีมมามากมาย แฟนเพจอาจเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย กับบางส่วนในงานเขียนของเขา
อย่างไรก็ตาม มีส่วนที่ผมทำ ● **** ไว้ นั่นหมายถึงส่วนสำคัญที่ผมอยากให้ทุกท่านได้อ่าน เป็นเรื่อง Exclusive ที่ Mitten ก็ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน
ปกติแล้วกับบทความยาวของ The Athletic ผมจะเขียนเน้นเฉพาะประเด็นที่สำคัญ แต่ผมรู้สึกว่าบทความนี้ Mitten เขียนได้ดีจริงๆ เลยเอามาแปลทั้งหมดให้อ่านกันครับ
️ "หลุยส์ ฟาน กัล อยู่กับทีมมา 2 ปี , โจเซ่ มูรินโญ่ อยู่ได้ 2 ปีกับ 5 เดือน ก่อนที่จะเขาจะออกจากทีมไปตอนสิ้นปี 2018 เขาเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในช่วงต้นปีนั้นด้วยนะ"
"โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี กับอีก 10 เดือน และเขาก็เซ็นสัญญาฉบับใหม่ ไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะตกงานเหมือนกัน ... สำหรับอีริค เทน ฮาก มันจะเกิดอะไรขึ้นกัน 2 ปีกับช่วงเวลาอีกไม่กี่เดือนในฐานะผู้จัดการทีมแมนฯ ยูไนเต็ด"
"เกมวันอาทิตย์คือจุดที่ต่ำที่สุดของกุนซือชาวดัตช์ ยิ่งกว่าเกมแพ้คริสตัล พาเลซ 0-4 ช่วงท้ายฤดูกาลก่อน ที่ทีมของเขาเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บมากมาย แต่ไม่ใช่เกมล่าสุดกับสเปอร์ส"
"การพ่ายแพ้ 0-3 ในเกมล่าสุด หมายความว่ายูไนเต็ดแพ้เกมพรีเมียร์ลีกในบ้าน 2 นัดติดโดยที่ยิงประตูไม่ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 (ลิเวอร์พูล 0-3 , สเปอร์ส 0-3) โซลชา เคยเจอกับสถานการณ์แบบนั้น และนั่นเป็น 2 เกมสุดท้ายที่เขาได้คุมแมนฯ ยูไนเต็ดเช่นกัน"
"กับการประเมินของ INEOS ในช่วงซัมเมอร์ เขาได้รับการใช้ออปชั่นขยายสัญญาระยะสั้นไปจนถึงปี 2026 (เงื่อนไขสัญญาเดิมที่เซ็นไว้เมื่อปี 2022 กับริชาร์ด อาร์โนลด์ ไม่ใช่กับ INEOS) แต่เขาเริ่มต้นซีซั่นนี้ได้ย่ำแย่อย่างน่าตกใจ"
"เหตุผลเรื่องอาการบาดเจ็บ เข้าใจได้กับฤดูกาลที่แล้ว เพราะแผงแบ็กโฟร์ของเขาไม่ได้ลงเล่นต่อเนื่องเลย แต่เกมล่าสุด เขาใช้ผู้เล่นที่เขาต้องการแทบครบทุกตำแหน่งแล้ว และก็เหมือนกับผู้จัดการทีมก่อนหน้า ทีมต้องใช้เงินหลายร้อยล้านปอนด์เพื่อเสกทีมชีทนี้ขึ้นมา"
"และเหมือนกับผู้จัดการทีมก่อนหน้าเขา หลังจากอีริคเข้ามาที่นี่ 2 ปี เวลานี้ ยูไนเต็ด ห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ กับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่อย่าเพิ่งพูดถึงแชมปืพรีเมียร์ลีกเลย เวลานี้จะ 'คุมเกมอย่างเด็ดขาด' เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้สักนัดยังยาก และเมื่อ ยูไนเต็ด ลงสนามพบกับทีมคุณภาพอย่างลิเวอร์พูล และสเปอร์ส พวกเขาก็แตกกระจาย"
"คู่ต่อสู้รู้ดีว่าสามารถเจาะแมนฯ ยูไนเต็ดได้ ตั้งแต่วินาทีแรกๆ ของเกมเลยด้วยซ้ำ"
"ผู้จัดการทีมย่อมต้องรับเสียงชื่นชมและเสียงวิจารณ์ แต่นักเตะก็ควรโดน 'ทัวร์ลง' บ้างเหมือนกัน กับการใช้โอกาสเปลือง นั่นไม่ใช่ความผิดของผู้จัดการทีม เพราะพวกเขาพลาดโอกาสทองจากการสร้างสรรค์ประตูหลายต่อหลายครั้ง และบางที ผู้เล่นก็มีอำนาจมากเกินไป มันก็เหมือนกับผู้จัดการทีมคนก่อนๆ ที่ไม่ได้ 'เสียงสนับสนุน' ในห้องแต่งตัวมากพอที่จะไปต่อ"
● **** "มีการพูดคุยกันส่วนตัวระหว่างนักเตะ ห้องคุยลับๆ ใน WhatsApp แสดงความกังขาต่อผู้จัดการทีม หรือแย่กว่านั้น และแน่นอน มันง่ายกว่ากับการปลดคนๆ เดียว หรือสองคน ถ้าเทียบกับการต้องโละทั้งทีมทิ้ง แม้ว่าตอนกำลังจะจากไป ผู้จัดการทีมแต่ละคนเชื่อว่า เขาทำให้ทีม 'ดีขึ้น' กว่าตอนที่เขาเริ่มเข้ามาก็ตาม"
"ในพาร์ตของนักเตะ พวกเขามีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นของตัวเอง พวกเขาไม่ได้วางแผนร้ายที่จะหั่นขาเก้าอี้โค้ชทุกคนหรอก"
● **** "หลังจบเกม เอฟเอ คัพ ผมได้พูดคุยกับนักเตะหลายคนนอกห้องแต่งตัว แน่นอน ผมไม่ได้อัดเสียงของพวกเขา (และไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร) แต่ไม่มีใครบอกนะ ว่าผู้จัดการทีมควรต้องโดนปลดแน่ๆ และ เช่นกัน ไม่มีใครพูดว่า สนับสนุนให้โค้ชคนนี้อยู่ต่อแบบสุดตัว แต่แน่นอนว่า มันมีการถกเถียงระหว่างผู้เล่นและผู้จัดการทีม เกี่ยวกับเรื่องสไตล์การเล่น"
● **** "ไม่ควรอย่างยิ่ง ที่จะให้ทีมหนีตกชั้นอย่างเชฟฯ ยูไนเต็ดและเบิร์นลี่ย์ มาที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเปิดเกมรุก ส่องประตูจากเราได้ไม่รู้กี่ครั้ง" นักเตะคนหนึ่งเปิดใจกับ Mitten"
"ซึ่งนั่นก็ทำให้ในนัดชิงเอฟเอ คัพ ยูไนเต็ดเปลี่ยนสไตล์การเล่น หลังจากพ่ายแพ้ 0-4 กับพาเลซ เทน ฮากลองเชื่อโค้ชรอบๆ ตัวเขา ลองยืดหยุ่น กลับไปเน้นเหนียวแน่น (ใช้ False-9 ในช่วงนั้น) และเริ่มมีชัยชนะตามมา"
"แต่ตอนนี้ปัญหาใหม่เกิดขึ้น นักเตะคนนึงสามารถเลี้ยงบอลโซโล่จากแดนตัวเองไปถึงพื้นที่อันตรายของยูไนเต็ดได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นบาร์ท ฟาน รูจ ของทเวนเต้ หรือ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน ของสเปอร์ส และนั่นก็ทำให้เกมรับยูไนเต็ดฉีกขาดออกไปเป็นชิ้นๆ"
● **** "ที่เวมบลีย์ ผมรู้สึกว่านักเตะทุกคนเคารพเทน ฮาก ในฐานะคนๆ หนึ่ง และในฐานะโค้ช แต่บรรยากาศภายในทีมนั้น 'ห่างไกล' กับคำว่าเป็นหนึ่งเดียว แม้แต่ช่วงเวลาแห่งการฉลองแชมป์ นักเตะยูไนเต็ด แม้แต่ในระดับแถวหน้า แสดงความเคารพรักต่อเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันหลังเกมนัดชิงวันนั้น แน่ล่ะ นั่นก็เพราะป๋าสร้างเครดิตและคว้าแชมป์มามากมาย และถ้าจะมีกุนซือคนไหนมาท้าชิงป๋ากับความรักความเคารพตรงนี้ ป๋าก็คงเป็นผู้ชนะอยู่ดี"
"ผมทำโพลล์หลังนัดชิงเอฟเอคัพ จากผู้โหวต 60,000 คน ปรากฎว่า 85% ต้องการให้เทน ฮากอยู่ต่อ และผมก็ทำโพลล์ใหม่ใน United We Stand เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปรากฎว่า 73% โหวตว่า เทนฮากต้องไป มันหมดเวลาของเขาแล้ว"
"กระแสของแฟนบอล แปรผันได้เร็วมากด้วยผลการแข่งขัน มันผ่านไปแค่เดือนเดียว หลังจากที่แฟนๆ ชื่นชมการซื้อขายในช่วงซัมเมอร์ และคาดหวังว่านักเตะเหล่านั้นจะยกระดับทีมได้ - ถ้ามันง่ายขนาดนั้น หรือทุกดีลมันเวิร์ค และยกระดับทีมได้ มันก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่เราก็รู้ว่า การซื้อขายของยูไนเต็ดกับการใช้งานจริง ผลที่ออกมามันย่ำแย่"
"เกมเสมอพาเลซ 0-0 เพิ่งผ่านไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแฟนบอลคนหนึ่งบอกผมนอกสนามเซลเฮิร์สท์ พาร์คว่า 'นี่คือฟอร์มที่ดีที่สุดของเราในฤดูกาลนี้' แต่สุดท้าย เราได้แค่ผลเสมอ ยูไนเต็ดควรยิงประตูใส่ทเวนเต้มากมาย ผลเสมออีกแล้ว ก็เหมือนกับความพ่ายแพ้ และวันอาทิตย์ ก็คือความพ่ายแพ้อีกเช่นกัน และเป็นนัดที่ 3 จาก 6 เกมในลีก"
"เคยมีการพูดถึงการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ที่สุดหลังยุคเซอร์ อเล็กซ์ และสถิตินั้นก็ย่ำแย่ลงไปอย่างไม่มีจุดจบ"
"และ 'ลูป' นั้น ก็ยังคงเหมือนเดิม ... คุณได้ผู้จัดการทีมใหม่ ... ผู้จัดการทีมใหม่คนนั้นตั้งเป้าจะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของสโมสร ซื้อผู้เล่นใหม่หลายร้อยล้านปอนด์ แฟนๆ เชียร์ให้ขาย 'Deadwoods' (นักเตะที่ใช้งานไม่ได้) ทิ้งไป แถมยังมีนักเตะที่ไม่มีความสุขกับทีมและต้องการย้ายออก บางทีก็มาจากเอเยนต์หรือที่ปรึกษาของนักเตะเหล่านั้นด้วย ไม่ได้มาจากสโมสร"
"แต่เอาจริงๆ ปัญหาของยูไนเต็ดจะอยู่ที่แค่นักเตะคนเดียว , 2 หรือ 3 หรือ 4 คน จริงๆ หรือ?"
"มันก็เหมือนกับภาพยนตร์ที่เราเคยดู ... Groundhog Day (ผู้ชายที่ตื่นเช้ามาใช้ชีวิตในวันที่เดิม เดือนเดิม ปีเดิมทุกวัน เจอกับเหตุการณ์เดิมๆ ทุกวัน วนลูปไปเรื่อยๆ) และท้ายที่สุด หลังจากผ่านไป 2 ปี ผู้จัดการทีมและทีมโค้ชของเขาก็ได้รับเงินชดเชย และส่งผลต่อการซื้อขายของสโมสรในตลาดต่อไป"
"และหลังจากนั้นผู้จัดการทีมคนใหม่ก็เข้ามาพร้อมกับความหวัง และความคาดหวัง แต่ผู้จัดการทีมเหล่านั้นก็จะบอกว่า 'ถ้าจะเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนทั้งราก และกิ่ง ก้าน ทุกส่วนนะ' และพวกเขาก็มาพร้อมกับช่วงเวลาดีๆ เกมรุกที่น่าตื่นเต้น ชัยชนะติดต่อกัน หลังจากนั้นก็เละเทะ และพวกเขาก็ถูกปลดออกไป"
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีความเป็น 'ยูไนเต็ด' (หนึ่งเดียว) ทั้งนักเตะ และแฟนบอล และภูมิทัศน์ของสื่อ ก็โจมตีพวกเขาอย่างหนักหน่วง ทุกข่าววุ่นวายของสโมสร กลายเป็นผลกำไรของสื่อ โทรศัพท์ของผมดังบ่อยครั้งตอนยูไนเต็ดแพ้ มากกว่าชนะ สื่อบางสื่อขอโทษ พวกเขารู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น แต่พวกเขาก็กลับไปวนลูปข่าวเดิมๆ ในวันต่อๆ ไป"
"คุณได้เห็นนักเตะเก่าของทีม ที่ให้คำแนะนำต่อผู้จัดการทีมปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ผลงานการคุมทีมของเขาก็ไม่ได้ดีเด่ และถ้าพวกเขามาคุมยูไนเต็ด ก็คงย่ำแย่ไม่ต่างกัน หรืออาจหนักกว่าด้วยซ้ำ"
"นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า มันไม่ดีพอ แล้วอะไรคือบทสรุปล่ะ?"
"เราไม่รู้ว่าเทน ฮาก จะรักษาเก้าอี้ของเขาไปได้อีกนานเท่าไหร่ ... เจสัน วิลค็อกซ์ ผอ.เทคนิค และแดน แอชเวิร์ธ ผอ.กีฬา เฝ้าดูการทำงานของเขาทุกๆ วัน เขาทั้งคู่คือ 'Best in Class' หรือคนที่เก่งที่สุดในตำแหน่งงานนั้นๆ และพวกเขาใกล้ชิดกับผู้จัดการทีมที่สุด มากกว่าแฟนบอลทุกๆ คน บางทีเขาอาจจะเห็นบางอย่างที่แฟนไม่ได้เห็น และยืนเคียงข้างผู้จัดการทีม"
"พวกเขาจะรายงานสิ่งเหล่านั้นไปยังโอมาร์ เบอร์ราด้า และ 2 เซอร์ ทั้งเดฟ เบรลส์ฟอร์ด และ จิม แรทคลิฟฟ์ บางทีพวกเขาอาจจะลงท้ายด้วยการสนับสนุนเทน ฮากเป็นสองเท่า ผนึกลึกลงไปจากการตัดสินใจจากช่วงซัมเมอร์ เพราะยังไงก็ตาม ซีซั่นเพิ่งเริ่มต้น"
"หรือ... พวกเขาอาจจะประชุมกันและตัดสินว่า มันพอแล้ว ควรต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องมาพูดคุย หาข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียด"
"แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เสียงสนับสนุนของแฟนๆ ต่อเทน ฮาก ได้หายไปหมดแล้ว เสียงสนับสนุนหลังจากคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในนัดที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ตามมาด้วยเจ้าของใหม่ และการเดินตลาดซื้อขายซึ่งได้รับฟีดแบคที่ดี ทั้งขาเข้าและขาออก"
"ในเวลานี้คอมเมนท์จากโลกออนไลน์ ทุกอย่างเป็นเชิงลบ แต่ในสนาม แฟนๆ ยังคงสนับสนุนผู้จัดการทีม เหมือนกับที่พวกเขาทำกับโค้ชทุคน แม้ว่าพวกเขาจะเหลืออดกับฟอร์มการเล่นของทีมก็ตาม"
"ถ้าคาเซมิโร่เป็นแพะรับบาปในเกมกับลิเวอร์พูล และในเกมกับสเปอร์ส จะโทษใครดี เมื่อคาเซมิโร่ไม่ได้ลงเล่น"
"ยูไนเต็ดเป็นทีมใหญ่ นักเตะต้องแบกรับความกดดัน แต่พวกเขาไม่ใช่ทีมใหญ่ทีมเดียวที่ถูกคาดหวังให้ 'ต้องชนะทุกเกม' ... ฮันซี่ ฟลิก เข้าไปที่บาร์เซโลน่าและพาทีมชนะได้ต่อเนื่อง แม้ว่านั่นคือ ลา ลีกา ... หรือผู้จัดการทีมหลายคนในพรีเมียร์ลีกที่เข้ามาและสร้างความแตกต่างได้เลย เหมือนกับที่เทน ฮากเคยเกือบจะทำได้ตอน 7 เดือนแรกที่เขาเข้ามา และ 'เหมือนกับว่า' เขาจะพายูไนเต็ดกลับมาเป็นทีมระดับท็อปได้ในตอนนั้น"
"แต่สองเกมที่ยูไนเต็ดทำได้ดีกับบาร์เซโลน่า ในเกมยูโรป้า ลีก เดือนกุมภาพันธ์ 2023 มันห่างไกลจากเวลานี้ไปมากแล้ว"
"เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ขอให้แฟนๆ อดทน นั่นก็เป็นคำพูดที่ดูจะแฟร์ แต่เหมือนเขาเข้ามาอยู่ในห้อง 'วนลูป' นี้แค่ 5 นาที แต่ยังมีคนอีกหลายคนที่อยู่ในลูปนี้มานานเกินพอ และพวกเขารู้สึกถึงความ 'สิ้นหวัง' มากกว่าความรู้สึกที่ 'อดทนรอ'"
"คำถามคือจะแก้ยังไง? ทางออกเป็นอย่างไร?"
"แน่นอน ไม่มีใครหาคำตอบนั้นได้ง่ายๆ หรอก"
Andy Mitten , The Athletic ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ดที่ตามข่าวของทีมมามากกว่า 20 ปี และบรรณาธิการแห่ง United We Stand
----------------------
เครดิต : ดูบอลกับแนท
https://www.facebook.com/share/p/d9ESdJFJcqEjcndS/?mibextid=qi2Omg