กราฟแมนยูกับลิเวอร์พูลมันสวนทางกัน

ความรู้สึกของแฟนลิเวอร์พูลเมื่อก่อนยุคป๋าเฟอกี้ อาจจะคล้ายๆแฟนแมนยูตอนนี้ก็ได้


แต่ช่วงหลังๆแดงเดือดก็ขาดเกิน เหมือนลิเวอร์พูลเจอนอริชประมาณนั้นเลย

ผมเข้าใจที่รุดสื่อนะ แต่คนอื่นก็ตามนั้น555

ไม่มีทางครับ ผมแฟนลิเวอร์ กล้าพูดเต็มปากว่า แพ้ใครก็ได้ห้ามแพ้แมนยูก็พอ มีมีทางและไม่เคยมี 7-0 แน่นอน ไม่เคยดูแดงเดือดในยุคเฟอร์กี้นัดไหน ที่ดูแล้วอยากให้บอลมันจบ ๆ เป่าหมดเวลาทีเถอะ ไม่เคยมีขอเถอะอย่าถล่มลิเวอร์พูลเลย

ดูจากผลงานละกัน ดูจากประตูได้เสียก็จะรู้ว่าห่างกันแค่ 8 ลูก แปลว่าบอลค่อนข้างสูสี ถึงแม้ลิเวอร์จะแพ้มากกว่าก็ตาม

ตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่งเก้าอี้กุนซือปีศาจแดง “ป๋าเฟอร์กี้” พาลูกทีมลงปะทะกับลิเวอร์พูลไปทั้งสิ้น 62 นัด ทำผลงานชนะ 29 เสมอ 14 และแพ้ 17 ยิงได้ 81 ประตู เสีย 73 ประตู จากการรวบรวมสถิติของเว็บไซต์ลูกหนังชื่อดัง Planetfootball.com

ถ้าพี่ฮาคิมยังอยู่นะเมิงเอ้ยยย

ผมโคตรมันเลยวันนี้ อ่านเพลินมาก

อันนี้คนอื่นผมไม่รู้ ประเทศอื่นผมไม่รู้ แต่ผมคนไทย คนรอบข้างผม มีแต่แฟนแมนยู ยุครุ่งเรือง แดงเดือดคือที่สุดของฟุตบอลจริง ๆ มีงานอีเว้นต์ต่างๆ ทั้วประเทศ คนใส่เสื้อสีแดงของใครของมัน เต็มไปหมด ตอนบอลแข่งทุกอย่างคือมันสุด ๆ แต่ผมไม่เคยเห็นว่าแมนยู แข่งกับ อาเซน่อล คนดูยังแทบไม่มีเลยในร้านเหล้าสมัยก่อน ไม่เหมือนแดงเดือดนะ ผมเลยคิดว่าแดงเดือด คือเดือดสุดเท่าที่เห็นมาครับ

หมายถึงแฟนเชลซี?

เอาไรมาเดือด ถล่มยับหมาตลอด มีไอ้กองหลังเบอร์ 6 ตัวเดียวที่เดือด

นักเตะกับโค้ชแมนยูมันติ๋มเกิ๊น เล่นอย่างกับบอลอนุบาล
อย่าว่าแดงเดือดเลย ตอนเจอทีมเล็กก็ติ๋ม
จะเอาไรมาก
ผมยังไม่ดูแมนยูเลยชวงนี้ แต่แมตเมื่อคืนดูเต็มเกม

สีคล้ายกันคงนึกว่าเนียนมากมั้ง

ถ้าจะย้อนยุคเฟอร์กี้ เล่นยังไงก็ไม่ยับเยินขนาดยุคนี้นะ

ก็น่าจะจิง หลัง ๆ บอลไม่ค่อยเดือดเท่าไร อาจจะไม่ใช่หัวตารางแย่งแชมป์กันแล้วด้วย

ต้องยอมรับจิง ๆ หลายปีหลังก็ต้องแมนซิกับน่อล แต่คนไทยก็คงยังแดงเดือดกันเหมือนเดิมเพราะแฟนบอล 2 ทีมน่าจะเยอะสุด

มันไม่ท็อปฟอร์มพร้อมๆกันนานมากแล้ว ขนาดเมื่อก่อนปืนกับผียังเดือดกว่าอีก

แดงเดือดเมื่อก่อนต่อให้ทีมฟอร์มต่างกันแค่ไหน(ทั้งปีที่แมนยูลุ้นแชมป์ หรือ ปีที่ลิเวอร์พูลลุ้นแชมป์) ทั้ง 2 ทีมใส่สุดตลอดครับ ใบเหลือง ใบแดง เสียบกันกระจายบางทีถึงเลือด เดือดไม่ต่างกับแมนยูกับปืนยุคแย่งแชมป์เลยครับ เป็นเรื่องของศักดื์ศรี การ่แย่งกันเป็นทีมอันดับหนึ่งของเกาะ และไม่ว่าฟอร์มจะเป็นยังผลการแข่งขันออกได้ทุกหน้า

ตอนนี้ที่มันไม่เดือดนอกจากเรื่องฟอร์มห่างกันก็ส่วนนึง แต่ที่สำคัญคือการทำตัวของนักเตะในสนาม ขนาดในสนามนักเตะพอโดนยิงนำซัก 2 ลูกนี่ถอดใจ เดินเล่นในสนาม แล้วจะให้แฟนบอลไปเดือดอะไร เดือดด่านักเตะตัวเองก็เหนื่อยพอแล้วครับ เมื่อก่อนทั้งสองทีมจะมีนักเตะที่เป็นลูกหม้อหรือแกนนำของทีมที่พร้อมบวกเสมอ อย่าง ยุคแก๊งสไปค์บอย, Class of 92, รอย คีน, ชไมเคอร์, พอล อิน, มาร์ค ฮิว, รัดด๊อก, วิดิซ, ริโอ, เจอร์ราด, ฮองโช, แอกเกอร์, กาลาเกอร์, ตอเรส, ซัวเรส, รูนนี่, โด้, เอฟร่า รุ่นสู่รุ่น พวกนี้เลือดข้นฟอร์มหรือคะแนนในตารางจะต่างกันแค่ไหน ตอนแข่งสกอร์จะโดนยังไงแต่เรื่องให้ยอมไม่มีทาง ไม่มีหรอกครับมาถอดใจจนมัน out class แบบไม่คิดจะสู้

อีกส่วนนึงคือกติกาที่เปลี่ยนไปด้วยครับ ถ้าเดือดกันแบบสมัยก่อนคงอยู่กันไม่ครบ 11 คนแน่ๆ สมัยก่อนฟอร์มต่างยังใช้ลูกหนักเข้าว่ามันก็เป็นส่วนประกอบนึงที่ทำให้เกมส์เดือด เสียบหนัก ตัดฟาล์ว เข้าขาคู่ ต่างกับสมัยนี้ซึ่งกฏกติกาก็พัฒนาขึ้นเพื่อความปลอดภัยของตัวนักกีฬา อย่างปินกับผีที่มีเรื่องตั้งแต่เดินเข้าสนามถ้ามาสมัยนี้ตัวผู้เล่นอาจจะไม่ครบตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมส์ 555 การเข้ามาของ VAR, Goal-line และเทคโนโลยีที่ช่วยให้การตัดสินมีความถูกต้องมากขึ้น(มั้ง) ช่วยลดข้อกังขาให้ลดลงจาการตัดสินด้วยตาและดุลพินิจของกรรมการ(รึเปล่า 555) ก็ชวยให้ประเด็นหลังเกมส์ลดลง(ไหม)

ปล.สมัยก่อนไม่ใช่แค่แดงเดือด แต่เมอร์ซีไซค์ดาร์บี้แมตย์ก็เดือดพอๆกัน ทีมที่พบกันแล้วมีใบแดงมากสุดในประวัติศาสตร์บอลอังกฤษ