[ARS] สาเหตุที่อาร์เซนอล เสริมทัพไม่ว้าวในปีนี้ !!!
ที่มา : เพจ Arsenal U-21
1. เหตุผลเรื่องการเงิน (สำคัญที่สุด)
ผมเคยอธิบายเรื่องกฏการเงินไว้แล้ว ว่าในฤดูกาลนี้มันมีกฏใหม่เพิ่มอีก 2 ตัว อ่านได้ตามนี้เลยไม่อธิบายซ้ำ เดี๋ยวจะยาวครับ (แนะนำให้อ่าน)
สรุปสั้นๆคือตามกฏ PSR ที่ทำให้เอฟเวอร์ตันโดนตัดแต้มปีก่อน เขากำหนดไว้ว่า นับบัญชีย้อนหลัง 3 ปี ห้ามขาดทุนเกิน 105 ล้าน
แต่เราขาดทุนอยู่ประมาณ 125 ล้านปอนด์ แปลว่าเราอยู่ในเกณฑ์สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฏ ขาดทุนเกินที่กำหนด 20 ล้านปอนด์
ในโพสต์ที่ผมแปะ ผมอธิบายไว้แล้วว่าทำไมเรายังไม่โดนลงโทษ แต่การที่ไม่โดนลงโทษ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำอะไรก็ได้
เราเองก็ต้องมีการปรับปรุงบัญชี ซึ่งเราพยายามทำมาตลอด โดยการหาสปอนเซอร์ต่างๆมาลงทุน ซึ่งก็มีมาเยอะครับ
แต่ก็ยังไม่เยอะมาก และการหาเงินที่ดีและไวที่สุดก็คือ “การขายนักเตะ” และนั้นเป็นที่มาของภาพที่เราเห็นกันในซัมเมอร์นี้
2. ภาพรวมตลาดซัมเมอร์นี้
⏩️
ตลาดนี้ขาเข้า รอบนี้
คาราฟิโอลี่ ค่าตัว 45 ล้านยูโร เซ็นสัญญา 5 ปี นำมาลงบัญชีปีละ 9 ล้านยูโร (5ปีตามสัญญา)
เมริโน่ ค่าตัว 33.5 ล้านยูโร เซ็นสัญญา 4 ปี นำมาลงบัญชีปีละ 8.3 ล้านยูโร
ราย่า 31.9 ล้านยูโร เซ็นสัญญา 4 ปี นำมาลงบัญชีปีละ 7.9 ล้านยูโร
รวมขาเข้า 3 คนเอามาลงบัญชีปีนี้รวม 9+8.3+7.9 = 25.2 ล้านยูโร
(*ค่าตัวยังไม่รวมออปชั่น)
⏪️
ตลาดขาออก รอบนี้
สมิธ-โรว์ 31.8 ล้านยูโร
เอ็ดดี้ 29.7 ล้านยูโร
แรมส์เดล 21.4 ล้านยูโร
บีเร็ท 4 ล้านยูโร
ปาติโน่ 1 ล้านยูโร
บรู๊ค นอร์ตัน-คัฟฟี่ 2 ล้านยูโร
รวมขาออก 31.8+29.7+21.4+4+1+2 = 89.9 ล้านยูโร
(*ค่าตัวยังไม่รวมออปชั่น)
สรุป ขาเข้ากับขาออก ลบกัน
89.9 ล้านยูโร - 25.2 ล้านยูโร = 64.7 ล้านยูโร (คือรายได้หลังหักลบกันแล้ว)
นำ 64.7 ล้านยูโรแปลเป็นปอนด์เท่ากับ 54.4 ล้านปอนด์
3. กลับมาที่ภาพรวมบัญชีของอาร์เซนอล
อย่างที่บอกในภาพที่ 1 ว่าบัญชีเราขาดทุนเกินที่กฏ PSR กำหนดอยู่ 20 ล้านปอนด์
และเมื่อเราเอารายได้ในตลาดรอบนี้มาหักลบกับที่ขาดทุนอยู่จะเท่ากับ 54.4 - 20 = 34.4 ล้านปอนด์
34.4 ล้านปอนด์คืองบในบัญชีที่เราบวกขึ้นและไม่ผิดกฎ PSR แล้ว นั้นแปลว่าในแง่ของการปรับปรุงบัญชี “เราทำสำเร็จในขั้นแรก”
แต่ๆ ที่บอกว่าขั้นแรกเพราะว่า มันยังมีรายจ่ายอื่นๆอีกที่เราต้องจ่ายเช่น ค่าเหนื่อย นักเตะใหม่หลักแสนขึ้นทุกคนยกเว้นคาราฟิโอลี่ โดยเฉพาะสเตอร์ริ่งที่แสนปลายๆ
และที่สำคัญที่สุด มันมีรายได้ที่ไม่แน่นอนอีกคือ “เงินรางวัลจากการแข่งขัน”
ที่ไม่แน่นอนเพราะยังแข่งไม่จบ เราไม่รู้ว่าจะจบยังไง ถ้าอย่างแย่เลย ตกรอบ UCL เร็ว บอลลีกหลุด TOP4 ยังไงเงินที่บวกอยู่ 34.4 ล้านปอนด์ก็ไม่พอ
ผมไม่ได้บอกว่าเราจะเป็นแบบนั้น ผมเชื่อว่าเราไม่น่าแย่ขนาดนั้นหรอก แต่ในแง่ของบัญชีใช้ความเชื่อไม่ได้ เขาต้องวางแผนไว้เผื่อทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เมื่อเราเข้าใจแบบนี้
ไอ้เรื่องที่ถามๆว่าทำไมไม่เซ็นคนนั้นคนนี้เพิ่ม ต้องบอกว่ามันคือการจำกัดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด
เราก็ซื้อมาเยอะ ไม่ใช่ไม่ซื้อ แต่เราแค่ไม่สามารถซื้อได้แบบไม่คิด เราจะต้องเลือกซื้อเฉพาะคนที่ทีมประเมินแล้วว่าคุ้มและจำเป็นจริงๆ และนี่คือเหตุผลเรื่องการเงินครับ
แต่ๆ มันก็ยังมีเหตุผลอื่นๆอีก ไปดูกันภาพต่อไป
4. ตลาดซื้อขายที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและปัจจัยที่คุมไม่ได้
ถ้าเรื่องการเงินเข้าใจยากไป มาดูข้อนี้ก็ได้ครับ
ในตลาดรอบนี้พูดกันตรงๆ นักเตะที่พร้อมย้ายแล้วเป็นไปได้กับเราจริงๆมีกี่คน คนที่เก่งๆเราก็ไม่มีตังค์มากพอที่จะซื้อได้ด้วยข้อจำกัดการเงิน (เช่น โอซิมเฮน เกียวเคเรส)
คนที่ตังค์พอซื้อได้ก็คุยกันไม่ลงตัว เช่น โทนีย์เรื่องทัศนคติ หรือ เซสโก้เรื่องสัญญา หรือ ซูบินเมนดี้ กับ นิโก้ ที่ไม่พร้อมย้าย
คนที่ซื้อได้ คุยได้และพร้อมย้าย ก็อาจจะไม่ดีพอ ซึ่งทีมก็ไม่เอามาอยู่แล้ว เพราะถ้าเอามามันคือการลงทุนระยะยาว และถ้าไม่คุ้ม มันเสียหายเยอะ ไม่ใช่เหมือนในเกมที่ซื้อๆมาก่อน ถ้าไม่ดีก็ดอง รอปล่อย
และยังมีปัจจัยเรื่องผลงานในยูโรอีกที่ทำให้นักเตะมีมูลค่าขึ้นแบบ To The Moon เช่น คาราฟิโอลี่ นี่ก็สำคัญและเกิดขึ้นในตลาดรอบนี้
ปัจจัยจากยูโรยังมีเรื่องเวลาอีก ที่ปกติควรจะมีเวลาเจรจากันมากกว่านี้ อันนี้ก็ต้องน้อยลง เพราะนักเตะอยากโฟกัสเรื่องยูโร เช่น เมริโน่ นิโก้
และยังมีปัจจัยที่คุมไม่ได้เช่น เคสเทียร์นีย์ ที่ควรจะย้ายไปแล้ว ก็ไม่ได้ย้ายเพราะเจ็บ นั้นก็ทำให้เราขยับตัวยากขึ้นไปอีก (สำคัญนะ ค่าเหนื่อยระดับ 100k อยู่ในบัญชี)
5. สรุป
เมื่อเราเอาทุกอย่างมารวมกัน นั้นคือความยากของตลาดนี้ครับ
และนี่เป็นแค่การวิเคราะห์จากผม ผมเชื่อว่าของจริงมันยากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่านั้น ที่เขาต้องทำงานกัน
และเมื่อเราเข้าใจแบบนั้น เราลองกลับมามองตลาดของเราใหม่สิ ผมว่ามันก็โอเคเลยนะครับ มันอาจจะไม่ำด่น่าพอใจที่สุดหรอก แต่มันไม่ได้แย่ถึงขั้นต้องตั้งมานั่งคำถามกัน
ผมอยากให้ทุกคนลดความเป็นแฟนบอลลง แล้วมองความเป็นจริงมากขึ้น ความเป็นจริงทีมฟุตบอลก็คือองค์กร องค์กรหนึ่งที่ต้องมีการบริหารและวางแผนระยะยาว
นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่เกม ถ้าวางแผนผิดมันอาจจะส่งผลแย่ในระยะยาวก็ได้ และผมว่าคงไม่มีใครอยากให้เราเป็นงั้นนะ
6. สุดท้ายครับทุกคน
ผมขออนุญาตแชร์มุมมองหน่อยนะครับ ผมว่าเราต้องปรับมายเซ็ทกันใหม่กับการดูอาร์เซนอลนะ
หลายท่านส่วนใหญ่ชอบคิดว่าทำไมทีมไม่ทำแบบนั้น แบบนี้ ตามที่ตัวเองคิด
แต่ผมว่าเราต้องคิดใหม่จาก “ทำไมทีมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้” เปลี่ยนเป็น “ทำไมถึงทำแบบนั้นแบบนี้”
เพราะถ้าเราเอาความคิดตัวเองไปถามทีม “ยังไงคุณก็ไม่มีทางได้คำตอบหรอกครับ” เพราะเขาไม่ทำไง ถ้าจะบอกว่าไม่ฟังแฟนบอล ก็หนักเลยครับ แฟนบอล 10 คนก็ 10 ความคิด ฟังทุกคนก็มั่วพอดี
เว้นแต่ว่าคุณไม่อยากได้คำตอบ แค่อยากบ่นเฉยๆ ก็ตามนั้นครับ
สลับกัน เราเปลี่ยนมาเป็นทำความเข้าใจทีมก่อนว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นแบบนี้ ดีกว่า แล้วจะเห็นด้วยหรือไม่ มันจะเกิดเป็นการคุยกันภายใต้พื้นฐานสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และสมเหตุสมผลกว่า
ความคิดนี้ใช้ได้กับทุกอย่างเลยครับทั้ง เรื่องของการซื้อขาย แทคติก และการตัดสินใจต่างๆ ของทีม
ก็ประมาณนี้ครับที่อยากแชร์ อยากให้ทุกคนลองคิดตามดูนะครับ ผมว่าจะทำให้สังคมการดูบอลเราดีขึ้นเยอะเลย ช่วยกันครับ
และสำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมขอขอบคุณทุกคนมากๆนะครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยอะไรได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ
https://www.facebook.com/share/p/2Df9dc37ePakbbuk/