"เราไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราสามารถเซ็นสัญญากับเขาได้"

"ทำไม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซนอล ไม่ยื่นข้อเสนอซื้อนักเตะคนนี้? เราไม่เข้าใจเลย" เอียน เกรแฮม กล่าว

ดีลที่ ลิเวอร์พูล คว้าตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มาจาก โรม่า ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 37 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการไล่ล่าความสำเร็จของสโมสร และมันก็มาพร้อมกับการรับรองอย่างสมบูรณ์จากแผนกวิเคราะห์ข้อมูลที่ เกรแฮม ได้ก่อตั้งขึ้นในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยคนแรกของ ลิเวอร์พูล

เกรแฮม ชาวเวลส์ ซึ่งมีปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ชีวภาพจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้ใช้ชีวิตตามความฝันของเขาด้วยการทำงานให้กับสโมสรที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็กเป็นเวลา 11 ปีก่อนที่จะลาออกในปี 2023 เพื่อเปิดธุรกิจที่ปรึกษาด้านกีฬาของตัวเองชื่อ Ludonautics

แนวทางการเสริมทัพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของลิเวอร์พูล ช่วยให้ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการกีฬา และ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม สามารถสร้างทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, พรีเมียร์ลีก และ คลับ เวิลด์ คัพ

ในการสัมภาษณ์กับ The Athletic เพื่อโปรโมตหนังสือเล่มใหม่ของเขา "How to Win the Premier League" เกรแฮม ได้เปิดเผยถึง

- สิ่งที่ผิดพลาดในการซื้อขายนักเตะภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และการต่อสู้แย่งชิงอำนาจเบื้องหลัง

- เหตุผลที่ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดซื้อขายนักเตะภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์

- ทำไมเขาถึงภูมิใจที่สุดกับดีลของ โจเอล มาติป และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน

- คำเตือนจากข้อมูลที่มากับการเซ็นสัญญากับ ดาร์วิน นูเญซ ในปี 2022

- "การโต้เถียงที่รุนแรง" และเหตุผลที่เขาลาออกจาก ลิเวอร์พูล

เกรแฮม ที่ตอนนั้นกำลังทำงานให้กับบริษัทข้อมูล Decision Technology ซึ่งมีสัญญากับ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และ ลิเวอร์พูล ได้ทำการติดต่อมาหาเขาในเดือนเมษายน 2012

"ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูล มาตลอด แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ผมเข้าร่วมสโมสรคือ Fenway Sports Group และ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี" เขากล่าว

"พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วที่บอสตัน เรด ซอกซ์ ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างจริงจัง และพวกเขาก็สัญญาว่าจะทำเช่นเดียวกันที่ ลิเวอร์พูล"

"เจ้าของทีมที่ผมรายงานตรง ยอมรับแนวคิดนี้อย่างเต็มที่ ผมยังได้ร่วมงานกับ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งผมเคยทำงานด้วยกันมาสองปีที่สเปอร์ส และผมรู้ว่าเขาก็เห็นด้วยกับมันเช่นกัน"
----------------------

ช่วงซัมเมอร์ปี 2012 เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายสำหรับลิเวอร์พูล เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาแทนที่ เคนนี ดัลกลิช หลังจากที่ทีมจบอันดับที่ 8 ในพรีเมียร์ลีกอย่างน่าผิดหวัง

ร็อดเจอร์ส ปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับผู้อำนวยการกีฬา ทำให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการซื้อขายนักเตะขึ้น ซึ่งประกอบด้วย ผู้จัดการทีม, ซีอีโอ เอียน แอร์, ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ (ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค), หัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะ เดฟ ฟอลโลวส์ และหัวหน้าแมวมอง แบร์รี ฮันเตอร์

เอียน เกรแฮม เป็น "สมาชิกที่ไม่เป็นทางการ" ของคณะกรรมการนี้ โดยข้อมูลของเขาถูกนำมาใช้ในกระบวนการตัดสินใจ แต่ก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่อเขาคัดค้านแผนการของ ร็อดเจอร์ส ในการเซ็นสัญญากับ โจ อัลเลน และ กิลฟี ซิกูร์ดส์สัน สองนักเตะที่ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือเคยร่วมงานด้วยที่ สวอนซี ซิตี้

ร็อดเจอร์ส ได้ตัว อัลเลน และ ฟาบิโอ บอรินี่ กองหน้า ตามที่เขาต้องการ ในขณะที่สมาชิกคนอื่นๆ ในคณะกรรมการรู้สึกว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ของเชลซี เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า สเตอร์ริดจ์ ถูกเซ็นสัญญามาในอีก 6 เดือนต่อมา

เกรแฮม กล่าวว่า "ประสบการณ์ทั่วไปของคนทำงานด้านข้อมูลที่เข้าไปในสโมสรในช่วงต้นทศวรรษ 2010 คือ คุณเข้ามาพร้อมกับไอเดียใหม่ๆ จากมหาวิทยาลัย และพวกนักฟุตบอลรุ่นเก่าก็จะคิดว่า 'นี่มันไร้สาระ เราจะไม่ฟังเรื่องพวกนี้หรอก'"

"และแน่นอนว่ามีความขัดแย้งจาก เบรนแดน แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่ผมรู้ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าที่สโมสรส่วนใหญ่ เพราะผมได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของทีมและจาก ไมเคิล ซึ่งเป็นผู้จัดการโดยตรงของผม"
----------------------

- ดิเอโก้ คอสต้า

เกรแฮม เปิดเผยว่า "ความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือการที่ลิเวอร์พูล พลาดคว้าตัว ดิเอโก้ คอสต้า หลังจากการหารือกันภายในเป็นเวลานาน ลิเวอร์พูล ได้พยายามที่จะจ่ายค่าฉีกสัญญา 25 ล้านยูโร (ประมาณ 21 ล้านปอนด์) ของ คอสต้า ในเดือนสิงหาคม 2013 แต่เขากลับเลือกที่จะเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ แอตเลติโก มาดริด

"คุณลองนึกภาพแนวรุกของลิเวอร์พูลที่มีทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ และ ดิเอโก้ คอสต้า สิ" เกรแฮม หัวเราะ

"มันคงจะสุดยอดมาก! แต่สุดท้ายแล้ว คอสต้า ก็ย้ายไปร่วมทีม เชลซี ในปีถัดมา"
----------------------

- อเล็กซิส ซานเชซ,
- ซาดิโอ มาเน่

ลิเวอร์พูล ประสบความล้มเหลวในการหาตัวแทนของ หลุยส์ ซัวเรซ หลังจากที่เขาย้ายไป บาร์เซโลน่า ในปี 2014

เอียน เกรแฮม อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของสโมสร เผยว่าความคิดเห็นที่แตกต่างกันภายในทีม ทำให้พวกเขาไม่สามารถคว้าตัว อเล็กซิส ซานเชซ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของพวกเขามาได้ และ ซานเชซ ก็ย้ายไปร่วมทีม อาร์เซนอล แทน

ข้อมูลจากทีมวิเคราะห์ของ เกรแฮม แนะนำให้ ลิเวอร์พูล คว้าตัว ซาดิโอ มาเน่ จาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ราคาถูกกว่า อดัม ลัลลาน่า นักเตะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องการ
----------------------

- มาริโอ บาโลเตลลี่

ที่น่าแปลกใจคือ แผนกของ เกรแฮม สนับสนุนการตัดสินใจซื้อ มาริโอ บาโลเตลลี่ จาก เอซี มิลาน ซึ่งลงเล่นไปเพียง 28 นัด และทำได้ 4 ประตู

มันเป็นช่วงเวลาที่ทีมทำงานไม่เป็นระบบ ร็อดเจอร์ส ต้องการ แอชลีย์ วิลเลียมส์ และ ไรอัน เบอร์ทรานด์ แต่สุดท้ายก็ได้ มามาดู ซาโก้ และ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ มาร่วมทีมแทน

เกรแฮม กล่าวว่า "ในช่วงปีแรกๆ ของคณะกรรมการซื้อขาย นักเตะที่เราล้มเหลวในการเซ็นสัญญา ส่วนใหญ่เป็นเพราะ เบรนแดน คัดค้านนักเตะที่เราต้องการ และเราก็คัดค้านนักเตะที่ เบรนแดน ต้องการ ดังนั้นบางครั้งเราก็ลงเอยด้วยการได้นักเตะตัวเลือกที่ห้าหรือหก เราไม่ได้ตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเราเลย"
----------------------

- คริสเตียน เบนเทเก้
- โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่

เกรแฮม อ้างว่าเขา "ขอร้อง" เจ้าของทีมไม่ให้เซ็นสัญญากับ คริสเตียน เบนเทเก้ จาก แอสตัน วิลล่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 เพราะเขารู้สึกว่า เบนเทเก้ ไม่เหมาะกับสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูล แต่ ร็อดเจอร์ส ก็ยังคงต้องการกองหน้าชาวเบลเยียมรายนี้ และ FSG ก็ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญา 32.5 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวเขามา

ข้อตกลงคือ ร็อดเจอร์ส จะต้องยอมรับการเซ็นสัญญากับ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ จาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ เอ็ดเวิร์ดส์ มั่นใจว่านักเตะชาวบราซิลรายนี้มีมูลค่ามากกว่านั้น และข้อมูลก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเขา แม้ว่าสถิติการทำประตูในเยอรมนีจะไม่โดดเด่นนัก

ฟิร์มิโน่ ทำไป 111 ประตูจาก 362 นัดให้กับลิเวอร์พูล ในขณะที่ เบนเทเก้ ถูกขายออกไปหลังจากอยู่กับทีมได้เพียงฤดูกาลเดียว โดยทำได้ 10 ประตูจาก 42 นัด
----------------------

- เยอร์เก้น คล็อปป์

อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อ คล็อปป์ เข้ามาแทนที่ ร็อดเจอร์ส ในเดือนตุลาคม 2015?

"ความแตกต่างคือความคิดที่เปิดกว้างของ เยอร์เก้น" เกรแฮม กล่าว

"ข้อมูลค่อยๆ มีความซับซ้อนมากขึ้นและโมเดลก็ดีขึ้น แต่มันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในคุณภาพของการวิเคราะห์ของเราเมื่อ เบรนแดน ออกไปและ เยอร์เก้น เข้ามา มันเป็นกระบวนการและคนเดียวกัน"

"เยอร์เก้น มองนักเตะในแบบเดียวกับ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ในขณะที่ เบรนแดน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น"

"เยอร์เก้น ไม่เคยมีประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลในฟุตบอลมาก่อนที่เขาจะมา ลิเวอร์พูล เราถูกถามคำถามเป็นครั้งคราวโดย เยอร์เก้น และทีมโค้ช แต่มันไม่ใช่งานประจำสัปดาห์ของเราที่จะนั่งลงและพูดคุยเกี่ยวกับแทคติกสัปดาห์หน้าหรือผลงานสัปดาห์ที่แล้วกับ เยอร์เก้น งานทั้งหมดของเราถูกส่งผ่านแผนกวิเคราะห์วิดีโอหรือนักจิตวิทยาหรือแผนกสรรหานักเตะ"

"ความแตกต่างคือมันเป็นที่ยอมรับว่านี่เป็นหนึ่งในวิธีการทำงานของ ลิเวอร์พูล เยอร์เก้น เชื่อในผู้เชี่ยวชาญว่าพวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างได้ เขารู้ว่าข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสรรหานักเตะของเรา และข้อเสนอแนะที่เขาได้รับหลังเกมจากแผนกวิเคราะห์วิดีโอของเรา และเขาก็เปิดรับสิ่งนั้น"
----------------------

- โจเอล มาติป
- ซาดิโอ มาเน่
- จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม

กระบวนการสรรหานักเตะราบรื่นขึ้นมากในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 เมื่อ โจเอล มาติป, มาเน่ และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ถูกนำเข้ามา

"เมื่อ เยอร์เก้น พูดว่า 'เราควรพิจารณาเซ็นสัญญากับ มาติป แบบฟรีทรานส์เฟอร์' ผมต้องหยิกตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ฝันไป" เกรแฮม กล่าวเสริม

"เป็นเวลาหลายปีที่เรามองว่าเขาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งที่ดีที่สุดในบุนเดสลีกา ไมเคิล ไปพบเขาหลังจากทำข้อตกลง และแมวมองของ บาเยิร์น มิวนิค ก็อยู่ที่นั่นด้วย มาติป ลื่นล้มบนเส้นกลางสนาม และ ชาลเก้ ก็เสียประตู แมวมองของ บาเยิร์น ก็แบบ 'อ่า เรารู้อยู่แล้วว่าเขาห่วย' แต่เขากลับกลายเป็นการเซ็นสัญญาฟรีที่ยอดเยี่ยม"

"เยอร์เก้น ก็ชอบ มาเน่ มาก ซึ่งเราเคยแนะนำมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสองฤดูกาลแรก เยอร์เก้น กำลังแนะนำผู้เล่นที่ผมจะแนะนำให้เขา สิ่งที่เขาเห็นในตัวผู้เล่นก็เหมือนกับสิ่งที่เราเห็นในตัวผู้เล่น เราไม่ต้องมีความขัดแย้งกัน"

โชคก็มีส่วนเช่นกัน คล็อปป์ หันมาสนใจ มาเน่ หลังจากที่ตั้งเป้าไปที่ มาริโอ เกิทเซ ซึ่งไม่เต็มใจที่จะย้ายมาแอนฟิลด์
----------------------

- โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ในช่วงซัมเมอร์ถัดมา เขาต้องการ จูเลียน บรันด์ท ก่อนที่จะมาถึงข้อสรุปว่า ซาลาห์ เป็นปีกที่ดีที่สุดในตลาด

เกรแฮม กล่าวว่า "การวิเคราะห์ทั้งหมดของเรามุ่งเน้นไปที่ 'คุณจะเพิ่มโอกาสในการทำประตูหรือลดโอกาสในการเสียประตูได้อย่างไร?' กองหน้าบางคนมีมิติเดียวและเพิ่มมูลค่าให้กับทีมได้แค่ผ่านการยิงประตู คุณสามารถวัดสิ่งนั้นได้ผ่าน xG (expected goals)"

"แต่ โม เป็นกองหน้าที่มีหลายฟังก์ชั่น เขาสามารถเลี้ยงบอลได้ เขาสามารถผ่านบอลและสร้างสรรค์โอกาสได้ รวมถึงการยิงประตู โมเดล 'Possession Value' ของเราพยายามที่จะกำหนดมูลค่าให้กับการผ่านบอล การวิ่ง และการยิงแต่ละครั้งของเขา มันแสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่มมูลค่าที่แท้จริงในสามด้านนี้ และเป็นเรื่องยากมากที่กองหลังจะป้องกัน"

"จากมุมมองของข้อมูลที่ซับซ้อน เขามีคุณสมบัติครบถ้วนทุกอย่าง เขากลายเป็นปีกที่ดีที่สุดในยุโรปที่มีอายุ 24 ปีหรือน้อยกว่า"

"โม เคยล้มเหลวในพรีเมียร์ลีก แต่การวิเคราะห์ข้อมูลของเราช่วยให้เราเข้าใจว่าเราสามารถมองข้ามสิ่งนั้นไปได้"

"ไมเคิล, เดฟ และ แบร์รี่ โน้มน้าวให้ เยอร์เก้น คว้าตัว โม และเขาก็ใจกว้างพอที่จะพูดถึงบทบาทที่พวกเขามีส่วนร่วมในเรื่องนั้นต่อสาธารณะ เยอร์เก้น จะพูดว่า 'โอเค ผมชอบคนนี้ แต่ผมไม่ได้ดูเกมหลายร้อยเกมเหมือนแมวมอง และผมก็ไม่ได้ทำการวิเคราะห์เหมือนแผนกข้อมูล ดังนั้นผมจะเปิดใจและพิจารณาอย่างจริงจัง'"

"การเซ็นสัญญากับ โม เพราะเขาล้มเหลวที่เชลซี เป็นการทำอะไรที่แตกต่าง แต่เราไม่สนใจที่จะถูกมองเป็นพวกคนโง่ นั่นคือความแตกต่างระหว่างเราและสโมสรอื่นๆ ในเวลานั้น เราแค่สนใจที่จะตัดสินใจที่ถูกต้องและเราเชื่อมั่นในกระบวนการ"

"มันก็คล้ายกับ ฟิร์มิโน่ และ มาเน่ ซึ่งมาจากสโมสรระดับกลางๆ พวกเขาคือสามดาวเด่น ทุกคนในสโมสรตื่นเต้นมากที่เราสามารถคว้าตัวพวกเขามาได้ เราไม่สนใจว่าคนอื่นๆ ในโลกจะรู้สึกอย่างไร"
----------------------

- เกรแฮม ภูมิใจกับดีล มาติป และ โรเบิร์ตสัน มากกว่า ซาลาห์

เมื่อพูดถึงการซื้อขายนักเตะที่เขาภาคภูมิใจที่สุด เกรแฮม มองว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็น "คำตอบที่น่าเบื่อ" ในขณะที่การเซ็นสัญญากับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายจาก ฮัลล์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 8 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์เดียวกับที่ ซาลาห์ ย้ายมาแอนฟิลด์นั้น มีความหมายกับเขามากกว่า

"กับ โม เราทุกคนเชื่อว่าเขาเป็นนักเตะระดับโลก" เกรแฮม อธิบาย

"แต่คนที่ผมรู้สึกภูมิใจมากที่สุดคือ มาติป และ โรเบิร์ตสัน พวกเขาไม่ใช่ความสำเร็จที่แน่นอนเหมือนที่เราคิดว่า โม จะเป็น คำสัญญาของการวิเคราะห์ข้อมูลคือเราสามารถหานักเตะที่ถูกมองข้ามด้วยเหตุผลต่างๆ ผมชอบสองคนนี้เพราะมีข้อขัดแย้งภายในและความสงสัยเกี่ยวกับพวกเขาอยู่บ้าง"

"โรเบิร์ตสัน เคยเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีเกมรับแย่ที่สุดในลีก เราแนะนำเขาในฐานะแบ็กซ้ายที่บุกได้ดี แต่เราไม่แน่ใจเกี่ยวกับคุณภาพในการเล่นเกมรับของเขา เยอร์เก้น แก้ปัญหานั้นด้วยการบอกว่าเขาต้องการให้แบ็กของเขาบุก และถ้ามีจุดอ่อนในเกมรับ เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการสนับสนุนจากตำแหน่งกองกลาง"

มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน แต่ก็มีโชคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ลิเวอร์พูล น่าจะตั้งเป้าไปที่ เอเมอร์สัน ปัลมิเอรี่ ของโรม่า มากกว่า โรเบิร์ตสัน ในปี 2017 ถ้าแบ็กซ้ายชาวบราซิลไม่ได้รับบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้า

เกรแฮม ยังอ้างถึงการล่มสลายของดีล ทอม อินซ์ ของแบล็กพูล ในเดือนมกราคม 2013 ซึ่งนำไปสู่การที่ลิเวอร์พูลเซ็นสัญญากับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จาก อินเตอร์ มิลาน ในราคา 8.5 ล้านปอนด์

ถ้า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไม่ได้ซื้อ เนย์มาร์ แน่นอนว่า บาร์เซโลน่า คงจะไม่ร้อนรนขนาดนั้นเมื่อพวกเขายอมจ่ายเงิน 142 ล้านปอนด์ให้ลิเวอร์พูล เพื่อซื้อ คูตินโญ่ ในเดือนมกราคม 2018 เงินจำนวนนั้นได้จ่ายสำหรับการเซ็นสัญญาที่เปลี่ยนแปลงทีมอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อลิสซอน เบ็คเกอร์

เมื่อลิเวอร์พูล ยุติการรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดเป็นเวลา 30 ปีในปี 2020 เกรแฮม มองว่ามันเป็นการพิสูจน์ความถูกต้องของแนวทางการสรรหานักเตะของสโมสร

"ไมค์ กอร์ดอน, ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์, ตัวผมเอง และคนอื่นๆ ในคณะกรรมการซื้อขาย ต่างก็เชื่อมั่นว่ากระบวนการนี้จะประสบความสำเร็จถ้าเราสามารถทำให้ทุกส่วนทำงานร่วมกันได้อย่างถูกต้อง" เกรแฮม กล่าว

"บุคลิกของเราคล้ายคลึงกันตรงที่ไม่สนใจเสียงภายนอกและยึดมั่นในมุมมองระยะยาว คนแรกที่ผมเคยจ้างเข้าทีม ผมบอกเขาว่า 'ผมจะไม่บอกว่านี่คืองานตลอดชีวิต ถ้าเรายังอยู่ที่นี่หลังจากสองปี เราก็ทำได้ดี' ผมคิดว่าที่สโมสรส่วนใหญ่มีความล้มเหลวในช่วงสองสามปีแรก พวกเขาคงจะไปในทิศทางอื่น"

"แต่ Fenway รู้ว่ากระบวนการนี้กำลังทำงาน พวกเขาสามารถเห็นได้ว่ากำลังมีการสร้างแผนกที่จะทำให้เรามีข้อได้เปรียบเหนือสโมสรอื่นๆ ในอนาคต เพียงแต่ว่าคนอื่นๆ ในโลกไม่สามารถมองเห็นมันได้ในเวลานั้น"
----------------------

- ดาร์วิน นูนเญซ

การเซ็นสัญญากับ ดาร์วิน นูนเญซ จาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 64 ล้านปอนด์ ในเดือนมิถุนายน 2022 ส่วนใหญ่เป็นความต้องการของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากที่กองหน้าชาวอุรุกวัยทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในเกม แชมเปียนส์ ลีก ที่พบกับ ลิเวอร์พูล

เมื่ออำนาจและอิทธิพลของ คล็อปป์ เพิ่มขึ้น สโมสรได้เปลี่ยนไปจากโมเดลที่เน้นข้อมูลจริงหรือไม่?

"นูนเญซ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล และนั่นมีผลต่อผู้คน" เกรแฮม กล่าว

"มันไม่ได้ทำให้เขาเสียหายในการเป็นนักเตะลิเวอร์พูล"

"ความยากลำบากกับ นูนเญซ คือเขาเป็นผู้เล่นที่แตกต่างจาก ฟิร์มิโน มาก คำถามของผมคือ 'เราจะเปลี่ยนสไตล์หรือรูปแบบการเล่นเพื่อเขาหรือไม่?' เขาเป็นผู้เล่นที่ดีพอที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นคุ้มค่าหรือไม่? มันเป็นสิ่งที่เราต่อต้านมาหลายปี"

"เราดำเนินการตามกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเดียวกันสำหรับ นูนเญซ เหมือนกับผู้เล่นคนอื่นๆ ผมต้องการให้ทุกคนรู้ว่าการมี นูนเญซ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มันเป็นมากกว่านั้น 'เรามั่นใจหรือไม่ว่าเราจะใช้ประโยชน์จากเขาได้ดีที่สุด?'"

"ผมพูดถึงในหนังสือเกี่ยวกับการจำแนกประเภทนักเตะเพื่อทำความเข้าใจว่าบทบาทของพวกเขาคืออะไร มันแตกต่างจากการที่พวกเขาเก่งหรือไม่ เราจะมีลิสต์ 'นักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่เหมาะกับลิเวอร์พูลเสมอ แบ็คที่เน้นเกมรับ กองหน้าตัวเป้า ปีกที่เน้นเปิดบอล - เราไม่ได้เล่นในสไตล์นั้น มันชัดเจนว่า นูนเญซ เป็นหมายเลข 9"

"ผมจะไม่บอกว่าข้อมูลบอกว่าไม่ให้เซ็นสัญญากับ นูนเญซ แต่มันเป็นมากกว่านั้น 'ถ้าเราเซ็นสัญญากับนักเตะคนนี้ เราต้องเข้าใจว่านี่คือบทบาทที่เราเห็นว่าเขามีประสิทธิภาพ และมีที่ว่างสำหรับเขาในทีมของเราหรือไม่?'"

"และถ้าคุณกำลังใช้เงินจำนวนมากกับนักเตะคนหนึ่ง เขาต้องได้ลงเป็นตัวจริง สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณทำได้คือซื้อนักเตะสำรองและใช้เงินไปกับนักเตะที่ควรจะอยู่บนสนาม"
----------------------

- จูเลียน วอร์ด
- เยอร์เก้น คล็อปป์

เอ็ดเวิร์ดส์ ลาออกจากลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 และผู้สืบทอดตำแหน่ง จูเลียน วอร์ด ก็ลาออกในปีถัดมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เกรแฮม ตัดสินใจที่จะแสวงหาความท้าทายใหม่ โดยมี วิล สเปียร์แมน เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยคนใหม่ของสโมสร

เมื่อถูกถามว่า คล็อปป์ เป็นคนที่ทำงานด้วยยากขึ้นหรือไม่ เกรแฮม ตอบว่า

"ผมไม่สามารถพูดแทน ไมเคิล หรือ จูเลียน ได้ แต่สำหรับผม มันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ผมจะไม่แสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างที่ลิเวอร์พูลนั้นราบรื่นและสวยงามเสมอไป เรามีการโต้เถียงกัน แน่นอนว่ามีอีโก้เยอะ และผมก็รวมตัวเองอยู่ในนั้นด้วย"

"มันยากที่จะรักษาโมเมนตัมไว้ได้นาน 11 ปี เมื่อคุณต้องเผชิญกับการโต้เถียงที่รุนแรง ไม่ช้าก็เร็ว คุณก็จะหมดไฟ เราทุกคนต้องการให้สโมสรประสบความสำเร็จ แต่เรามีความคิดที่แตกต่างกัน"

"ผมคิดว่าผมสามารถอยู่ต่อได้นานกว่า ไมเคิล แต่หลังจากผ่านไปประมาณเก้าเดือน ผมก็คิดว่า 'ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า ไมเคิล พูดอะไรเมื่อเขาบอกว่าถึงเวลาพักแล้ว' การทำงานกับ ไมเคิล นั้นสนุกเสมอ - ท้าทายแต่ก็สนุกสนาน"

"หลังจาก 11 ปีในงานในฝันของผม ผมก็บรรลุสิ่งที่ผมต้องการจะทำให้สำเร็จแล้ว นั่นคือการมีส่วนร่วมที่จับต้องได้ต่อความสำเร็จของหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เราเป็นแผนกข้อมูลภายในแห่งแรกในพรีเมียร์ลีก และผมสร้างมันขึ้นมาจากแค่ผมคนเดียว จนกลายเป็นแผนกที่มีคนเก่งๆ ถึง 8 คน มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะส่งต่อความรับผิดชอบและให้คนอื่นๆ ได้มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ"
----------------------

- บทบาทใหม่ของ เอ็ดเวิร์ดส์

ปีที่แล้ว เกรแฮม ได้ก่อตั้งธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลของตัวเองชื่อ Ludonautics ปัจจุบันเขาร่วมงานกับ 6 สโมสรทั่วยุโรปและละตินอเมริกา ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสรรหานักเตะและข้อมูล

เขามี เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นที่ปรึกษาก่อนที่อดีตผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรจะก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้ หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอฝ่ายฟุตบอลคนใหม่ของ FSG

"มันสนุกมากที่ได้ทำงานร่วมกันในสภาพแวดล้อมแบบสตาร์ทอัพ" เกรแฮม กล่าว

"ผมคอยบอกเขาอยู่เสมอว่า 'นายจะกลับไปใช่ไหม? เชลซี ต้องโทรหานายแน่ๆ' เขาก็ตอบว่า 'ใช่ ผมอาจจะได้คุยกับเชลซีแล้ว' ผมก็แบบ 'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องคุยกับนายด้วยใช่ไหมล่ะ?' แต่เขายืนยันว่าเขาจะไม่กลับไปเป็นผู้อำนวยการกีฬาอีก"

"การบริหารจัดการการสรรหานักเตะ รวมถึงแผนกอื่นๆ ทั้งหมดที่สนามฝึกซ้อม เป็นเรื่องที่เครียดมาก เขากลับไปลิเวอร์พูลเพราะพวกเขาเสนออะไรบางอย่างที่ใหม่และน่าตื่นเต้นให้เขา การดูแลควบคุมสโมสรในแต่ละวันเปิดโอกาสให้เขาในแบบที่เขาไม่เคยมีในฐานะผู้อำนวยการกีฬา ดังนั้นผมเข้าใจถึงแรงดึงดูดนั้น"

เจ้าของสโมสรไว้วางใจให้ เอ็ดเวิร์ดส์ สร้างโครงสร้างใหม่ที่ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยมี ริชาร์ด ฮิวจ์ส เป็นผู้อำนวยการกีฬา และ อาร์เนอร์ สลอท เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนแทนที่จะเป็นผู้จัดการทีม ข้อมูลยังคงมีความสำคัญเช่นเคยในกระบวนการตัดสินใจ

"มันต้องย้อนกลับไปที่ จอห์น เฮนรี, ไมค์ กอร์ดอน และ ทอม เวอร์เนอร์ ที่มองฟุตบอลในแบบเดียวกับที่ ไมเคิล มอง" เกรแฮม กล่าวเสริม

"พวกเขามีมาตรฐานที่สูง และ ไมเคิล ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในช่วงเวลาที่ยาวนานก่อนหน้านี้ว่าเขาสามารถทำได้ตามนั้น"

"มันเกี่ยวกับความขยัน พวกเขาต้องการให้ทุกอย่างรอบคอบที่สุด เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะหรือคู่แข่งคนต่อไปครบถ้วนแล้วหรือยัง? ทุกอย่างต้องมีแผนและเป็นระบบ นั่นคือวิธีการทำงานของ Fenway ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ากันได้ดีกับไมเคิล"

James Pearce/The Atheletic

Cr. เพจ #SuperAey

มีข้อมูลไหนช่วยเราหานักเตะที่ใช่ ในอีก 10 วันที่เหลือบ้างคนับ

ผมว่าอีกซักพัก ลิ้วพูลยุคสลอต ก็จะมีปัญหาหลังบ้านเหมือนที่เกรแฮมบอก
คือ หลังบ้านอยู่ในเซฟโซนตลอด เราซื้อนักเตะ A เข้ามา
ถ้าดี = นี่ไงผลงานของการวิเคราะห์ข้อมูล + โค้ช
แต่ถ้าไม่ดี เป้าการโจมตีก็ตกไปอยู่กับคนคุมทีมอย่างเฮดโค้ชแทน

รอดเจอร์นี่ดื้อไม่เข้าเรื่อง แถมแต่ละตัวที่เอามา

อ่านดูแล้วรู้สึกว่ารอดเจอร์นี่เละเทะจริงๆ ถ้าเป็นสิ่งที่เขียนมาเป็นความจริงนะ

นี่เป็นเหตุผลให้โมเดลใหม่ หงส์เลือก ผจก.ที่เป็นเฮดโค้ช มีหน้าที่จัดแทคติกอย่างเดียว (สามารถออกความเห็นเรื่องนักเตะใหม่ได้)

เพราะถึงจุดๆนึงแม้แต่คนที่เปิดใจยอมรับความเห็น ก็มีอีโก้ได้ทั้งนั้น และเมื่องานมันทับซ้อนกันแล้วเห็นไม่ตรงกัน ก็จะมีปัญหา

ฝั่ง JK ผมว่าปัญหาไม่น่าอยู่ที่ฝั่งขาซื้อเท่าไหร่ ปัญหาน่าจะอยุ่ที่ฝั่งขาขายมากกว่า

อันนี้มองถึงตลาดปัจจุบันและต่อๆไปได้เลย

1.ตัวเบอร์หกในสเปคของสลอตแม่งหายากมาก

2.ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด มองเหมือนดีลของฟานไดจ์ที่ว่า ถ้าจะซื้อก็ซื้อให้ดีไปเลย ถ้าไม่มีก็ต้องรอ มันเลยกลายเป็นวลี คนที่ชั่ย

3.สลอท ไม่มีอำนาจในการซื้อขายจิงๆ แต่มารับตีนนักข่าวและแฟนบอลแทน

4.ซีซั่นนี้ตัดเกรดหลายตัว ในหลายๆแง่มุม

-กักโป ดีลกึ่งๆแพนิคบาย เพราะตอนนั้นปีกเจ็บหมดทีม แถมแมนยูสนใจจิง

-ดิอาส เป็นปีกที่ขาดผลลัพธ์ในแง่การทำประตู หรือ แอสซิสต์ แต่นอกนั้นทำได้ดี

-นูนเยส ดีลนี้ตัดเกรดปีนี้แน่ เพราะสัญญายังเหลืออีก 3 ปี ตัวมันไม่กาก แต่มันไม่เหมาะแค่นั้นเลย

รวมไปถึงสัญญาณของสามหน่อ เทร้น โม vvd ผมแน่ใจว่าบอร์ดต่อสัญญาเทร้นท์แน่ ในแง่ความคุ้มค่า ตำแหน่งรองกัปตัน สเกาเซอร์

ส่วนโม กับ vvd 50-50

ส่วนตัวคิดว่าตลาดนี้จะไม่มีขาเข้าเลย แล้วไปวัดอีกทีตลาดหน้าหนาวว่าสภาพทีมเป็นไงตอนนั้น และวัดระดับนักเตะ ทีมงานสตาฟไปในตัว
แฟนบอลก็ทำใจไป และส่วนตัวเชื่อว่าปีหน้าจะมีการปล่อยอีกหลายตัวถ้าไม่เข้าระบบสลอท
#กรวยเอ็ด #กรวยฮิวจ์ #กรวย fsg

นโยบายแบบนี้มันดูครึ่งๆกลางๆคือรู้ว่าตำแหน่งไหนขาดแต่ไม่ซื้อถ้าไม่เจอคนที่ใช่ ถ้ามันบกพร่อง2-3ตำแหน่งพร้อมกันแต่เจอคนที่ใช่แค่คนเดียวและตำแหน่งเดียวมันก็กลายเป็นว่าเสริมแบบกั๊กๆ สภาพทีมแบบนี้เต็มที่คือติดท็อป4 ส่วนแชมป์ลีคบอกลาได้เลยคงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้วด้วยเพราะกว่าจะหาคนใหม่เจอก็ไม่รู้ว่าคนเก่าจะโรยราไปขนาดไหนอีก

การรอก็ไม่ได้แย่แต่บางทีมันทำให้ตัวเองเสียโอกาสดีๆไป อย่างปีถัดจากปีได้แชมป์ลีคถ้าเสริมดีๆทุกตำแหน่งมีโอกาสได้2ปีติดเลยเพราะปีนั้นซิตี้ช่วงต้นฟอร์มตกไปเยอะ ถ้าลิเวอร์พูลคงฟอร์มดีๆไว้ได้จนสุดยังไงก็แชมป์ ดันไปกั๊กตำแหน่งกองหลังและปีนั้นหลังดันเจ็บหมดซวยเลย พวกดีลแพนิคบายตอนมกราก็ไม่ช่วยอะไร นี่แหละคือการประเมินพลาดแล้วไม่ยอมเตรียมตัวตั้งแต่แรกจนเสียโอกาสดีๆไป

style money ball จัดๆ
แต่ก็เข้าใจได้ ในแง่ของการบริหาร มันก็ต้องมีเงินเข้ามาหมุน
แต่แฟนบอลจะรอไหวไหม ถ้าไม่มีแชมซัก2-3ปี หรือได้แค่บอลถ้วยเล็ก

bookmark

ผมว่ามันเปลี่ยนแปลงไปแล้วจากตอนที่ซื้อรอบโบ้ ซาล่า ข้อมูลเรามี คนอื่นก็มี เพชรในตมหายากเพราะสโมสรอื่นก็ให้ความสำคัญกับข้อมูล สถิติ แล้วยิ่งดูการพยายามคว้านักเตะในตอนนี้ มันไม่ได้มีอะไรรู้สึกว้าวววเลยนะ

ข้อมูลดี แต่อยู่ที่คนเลือกวิธีการทำ มันไม่สะดวกโยธิน เสมอไปและมันทำให้เสียโอกาส

ถ้าปีที่ได้ ชปล แล้วขาย ox ออก มันก็จะดี
ปีที่ได้แชมป์ลีก ขายเกียต้า มิลเนอร์ไป มันจะต่อยอดความสำเร็จได้อีกหลายปี

ส่วนตัวมองว่า ในแง่ปริมาณ ทีมเราไม่ได้ขาด
จริงอยู่ เล่นๆไป เดี๋ยวก็จะมีตัวเจ็บ,แบน
แต่ไล่ตำแหน่งดู มันก็มีตำแหน่งละ 2 แล้วนั่นแหละ

หมายความว่า การซื้อควรเน้นไปที่คุณภาพ
ซื้อเข้ามาเป็น 11 ตัวจริง ไม่ใช่ซื้อสำรอง
ในมุมนี้ดีลซูบิ ถือว่าใช่
พวกที่เก่ง แต่ไม่ใช่กับลิเวอร์พูล (แบบในลิสต์ของแกรม) ก็ไม่น่าเอามาเพิ่มแล้ว
(ส่วนหนูน ปล่อยมัน ปีนี้แหละวัดผล ถ้ายังเล่นไม่ได้ น่าจะโดนขาย)

วัดจากดีลเดียวของฮิวจ์ ถึงตรงนี้คือ ดีลสล๊อท
พอจะมองได้ว่าวิธีการทำงาน ก็คงไม่ต่างจากสมัยเอ็ดเวิร์ด
ข่าวออก คือ ปิดดีลจบ ระหว่างนี้เงียบกริบ (และมี Echo คอยดับเทียน)

พลาดซูบิ ต้องบอกว่าน่าเสียดาย
แต่สำหรับผม เข้าใจได้อยู่นะ
แนวทางของทีมเรา มันไม่ใช่ว่า พอไม่มา ยื่นเงินเพิ่ม ฟาดไปเรื่อยๆ
(แบบนั้นต้องถามกลับว่าทัศนะคติคนที่เรากำลังเอาเข้ามาเป็นแบบไหน)
ตามข่าวคือข้อเสนอเรามากกว่าของเดิมที่รับอยู่อยู่แล้ว
สุดท้ายมันก็แค่เจ้าตัวเลือกอยู่ต่อ

ณ ตอนนี้ ได้เพิ่ม ยังไงก็ดีกว่า แต่ผมมอง LB มากกว่า CM

ตอนนี้พูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้นแหละ แต่ละเคสที่ยกมาก็ยกแต่เคสที่ปังๆ น่าจะโดนถามต่อหน่อยว่า

ตัวสำรองซาล่าห์เคยคิดที่จะหาแบบจริงๆจังๆไหม ความเสี่ยงที่เจ้าตัวจะเจ็บ และต้องลาทีมไปแข่งถ้วยแอฟริกันเป็นเดือนๆ แล้วตอนที่คล็อปป์จะเอานูนเยส

แต่ทีมงานมองว่าสไตล์ไม่เข้ากับเฟอร์มิโน่ แล้วช้อยส์นักเตะที่คล้ายเฟอร์มิโน่มีนำเสนอให้คล็อปป์ไหม หรือมึงแค่ค้านกันอย่างเดียว

อยากรู้จะตอบได้ไหม คงมีอึกอักๆอ้ำอึ้งพักใหญ่ๆแหละ อันนี้เหมือนสัมภาษณ์โปรโมตผลงานตัวเองมากกว่า

คงมีไม่กี่คนที่จะพูดให้ตัวเองดูแย่...แล้วคนอื่นดูดี