เห็นนักทดสอบ บอกว่า ช่วงล่างกับเบาะนั่ง มันลงตัว เลยดู สมูท

ช่วงล่างกับพวงมาลัยดีจริงครับ

แต่ถ้าเครื่องแรง ไม่ใช่แล้ว

เคยเทส cx5 กับ crv ตัวทอป ทั้งคู่
ตัดสินใจซื้อ cx5 แบบไม่ต้องคิดเลยครับ

ช่วงล่างดีขับสนุก แต่ก็ซดน้ำมันครับ
พรี่โตข้อดีไม่ค่อยมีแต่ก็ประหยัดน้ำมันอยู่ครับ

mazda ที่ว่าขับดีๆยังสู้ฟอร์ดไม่ได้เลย ผมมีเฟียสต้ากับmazda 2 ของแฟน city ของพ่อ ช่วงล่างพวงมาลัยการคอนโทลรถนี่ฟอร์ดกินขาด มาสด้ายังถือว่าดีถ้าเทียบกับcity city นี่ขับยังกะบินได้พวงมาลัยเบาหวิวเลย แต่ city นี่ใหญ่สุด

จากการขับของผมเอง ผมก็ยกให้ Mazda 3 ครัช ราคาต่ำ 1.5

จากการใช้มาสด้า แล้วเปลี่ยนมาฮอนด้า เป็นคนใช้แบบไม่แต่งอะไรเลย ความต่างเยอะจริงครับ เอาแบบเข้าโค้ง เลี้ยวหักเข้าหักออกมันรู้สึกนิ่งจริง พอมาใช้ฮอนด้า คือ เข้าบางโค้งที่มันไม่ออียงรับนี้ มีรถสั่นๆอะ

Mazda เครื่อง NA กว่ารอบจะมา ผมขับ Mazda 3 กับ Altis รถ บ เรื่องขับสนุก Mazda 3 ฉีกเป็นทุ่ง แต่ เรื่องนุ่ม Altis กับ เหยียบพุ่งกว่าตอนแรก แต่ทางยาว Mazda 3 รู้สึกมั่นใจกว่า เยอะมาก

ตอบแบบตามความจริงนะ ว่าทำไมค่ายอื่นไม่ทำรถแบบมาสด้า

เพราะทุกค่ายเขามีการแบ่งเค้กกันแล้วว่าใครจะขายแบบไหน
เพราะถ้ารถเหมือนกันหมดทุกยี่ห้อ มันก็จะไม่มีจุดเด่นของแบรน ให้คนนึกถึง

แต่ละค่ายเลยแบ่งกันชัดเจนและเน้นทำรถในสไตล์ของตัวเองที่ถนัด
เวลาคนซื้อจะได้นึกถึงแบรนเขาเป็นอันแรก เวลาที่จะเลือกซื้อ

เช่นเน้นทนทาน ไป Toyota
เน้นเอาใจวัยรุ่น ราคาขายต่อตกน้อย ก็ Honda
เน้นช่วงล่างแน่นหนึบก็ Mazda
เน้นรถ ecocar ที่ใหญ่กว้างสบาย เครื่องแรงพอประมาณ Nissan
ต้องการเน้นรถที่ขับสนุกแบบรถไฟฟ้า ประหยัดน้ำมัน แต่ไม่อยากชาร์จแบตก็ไป nissan
เน้นรถ 7 ที่นั่งขนาด B-SUV ช่วงล่างดีพอประมาณ ก็ไป Xpander

ประมาณนี้ เขาพยายามหนีการชนรุ่นต่อรุ่นแบบตรงๆ

ถ้ายังนึกไม่ออก ลองนึกถึงร้านขายข้าวมันไก่ ตั้งขายอยู่ติดกัน 10 ร้าน
เราเป็น 1 คนขายในนั้น โจทย์คือจะทำยังไงให้ลูกค้าเข้ามาซื้อร้านเรา
ในขณะที่ร้านข้างๆมีจุดเด่นที่ไก่ต้มของเขานุ่ม ไม่เหนียว
เราก็ต้องหาจุดเด่นอื่นที่ไม่ซ้ำกับเขาเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้านเรา
เราคงไม่เลือกวิธีไปแข่งว่า จะทำไก่ให้นุ่ม และไม่เหนียวแบบเขา
เช่น อาจจะชูด้วย น้ำจิ้มไก่เราอร่อยกว่าทุกร้าน

ปรัชญาของการทำรถไม่เหมือนกัน
โตโยต้าหลักๆคือการทำรถที่ให้คนส่วนมากใช้ เป็นรถที่ถัวเฉลี่ยแล้วทุกอย่างดีไปด้านกลางๆหมด ไม่ได้เด่นเรื่องไหนเป็นพิเศษ เข้ายุคของ Akio Toyoda ที่เป็นประธานบริษัทมีเปลี่ยนพอสมควรคือไปทำรถเน้นขับสนุกมากขึ้นด้วย (ไอ TNGA ก็เป็นผลงานเขานั่นแหละ ขับสนุกขึ้น ช่วงล่างดีขึ้น แต่ข้อเสียคือเสียงดังขึ้น เป็นทุกรุ่น)

ฮอนด้าหลักๆคือการทำเครื่องยนต์ แล้วก็ปรัชญา Man Maximum, Machine Minimum ก็คือเน้นพื้นที่ห้องโดยสารให้ได้มากที่สุดโดยเสียพื้นที่ให้เครื่องยนต์ให้น้อยที่สุด ส่วนเรื่องการขับขี่กับช่วงล่างก็สไตล์ฮอนฯ ข้างหลังแม่มเด้งเป็นลูกชิ้นนายใบ้ ทุกวันนี้ก็เด้งน้อยลงแต่ไม่หายหมด

มาสด้าจริงๆแล้วเป็นค่ายรถที่เรียกว่าโคตรอินดี้ (ยังไม่ขนาดซูบารุนะ อันนั้นโดนพี่โตฯเทคไป 20% + มีโปรเจคร่วมกันปุ๊ป กลับมาเป็นผู้เป็นคนละ) คือเขาเน้นทุ่มงบไปกับเรื่องการทำรถขับสนุกเป็นหลัก เพราะรู้อยู่แล้วตัวเองไม่ได้เก่งเรื่องการทำพื้นที่แบบฮอนด้า (E ห่าน รถแม่มไซส์เท่ากันด้านนอก แต่ลองนั่งซิตี้หรือยาริสเทียบ 2 ดู ) จะทำรถ All-rounder แบบโตโยต้าก็ดูจะสิ้นคิดไปนิดนึงเพราะไม่มีอะไรไปดีกว่าเขา ไม่ได้มีระบบไคเซ็นแบบโตโยต้าเขา จะทำทีต้นทุนบานแน่ๆ ก็เลยโฟกัสไปที่ขับสนุกนี่แหละ

ผลก็คือเจ๊งดิ ทำรถออกมาอินดี้ๆ เน้นขับสนุก กำไรมันน้อย ฟอร์ดมันหาคนมาช่วยทำรถไซส์เล็กลงด้วยก็เลยยอมพาร์ทเนอร์ให้ เป็นพาร์ทเนอร์กันเกือบๆ 30 ปีได้มั้ง มาสด้าก็เลยทุบกระปุกทำโปรเจค Skyactiv ตอนประมาณ 10 ปีที่แล้วได้ เพราะตอนนั้นมาสด้าแม่มแทบจะไม่รอดแล้ว รถขับสนุกจริงแต่เครื่องยนตร์มันก็แค่เอาเครื่องฟอร์ดมาเปลี่ยนฝาครอบ บางทีก็ได้ปรับนิดๆหน่อยๆ ผลคือเร่งอืดแถมกินน้ำมัน ก็เลยกลายเป็นรถที่ไม่ Zoom-zoom อย่างโฆษณาไว้

ซึ่ง Skyactiv แม่มก็คือไปสุดจริงๆ ทำทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนตร์ก็ประหยัดขึ้นแถมแรง (อัดกำลังอัดซะขนาดนั้น น้ำมันไม่สะอาดก็เคาะกันสนุก) ช่วงล่างกับพวงมาลัย (ก็เก่งอยู่แล้ว... คือถ้าไม่เก่งสองอย่างนี้อีก เลิกทำรถเหอะพ่อ ไม่มีอะไรเด่นกว่าคนอื่นเขาเล้ย ) ฯลฯ อยากอ่านมากกว่านี้ไปอ่านบนเวปหัวไฟละกัน

TL;DR : มันเป็นปรัชญาการทำรถของค่าย เหมือนฮอนด้าต้องกว้าง เหมือนซูบารุต้อง Boxer เหมือนโตโยต้าต้องจืดชืดแต่ทน เพราะถ้ามันขับไม่สนุกขับไม่ดี มันก็แทบไม่เหลืออะไรจะขายแล้ว

หลายอย่างครับ นอกจากช่วงล่างแล้วมันมีการออกแบบกับรายละเอียดยิบๆย่อยๆที่เค้าจงใจทำด้วย

มาสด้ารุ่นที่เน้นขับดี จะทำให้คนขับนั่งอยู่กลางรถ และถ้าเอารถ segment เดียวกันเช่น CR-V กับ CX-5 มาจอดเทียบกันแบบกันชนหน้าเท่ากัน จะเห็นเลยว่า CX-5 หน้ายาวกว่ามาก คนขับนั่งแทบจะกลางรถกลางระยะฐานล้อ แล้วยังวางเครื่องชิดมาที่ล้อคู่หน้าอีก การทำแบบนี้เพื่อให้น้ำหนักอยู่ที่จุดศูนย์กลางให้มากที่สุด แต่แลกมาด้วยขนาดห้องโดยสารที่เล็กลงแบบเลี่ยงไม่ได้ (CX-5 ห้องโดยสารเล็กกว่า City Hatchback อีก)

การเซตพวงมาลัยก็ระยะทดน้อย หมุนเท่าไรไปเท่านั้น แป้นคันเร่งก็ใช้แบบ Organ Type ตั้งแต่ Mazda 2 ไปถึง Mazda 6, CX-9 หารถญี่ปุ่นรุ่นอื่นที่ให้แป้นคันเร่งแบบนี้แทบไม่เจอ ตำแหน่งพวงมาลัยจะวาง center กลางเบาะเป๊ะๆ ส่วนเพื่อนร่วมชาติบางรุ่นจะเอียงซ้ายบ้างตามขนาดห้องโดยสารที่ขยายให้ใหญ่ เบรคเองก็เซตมาแบบ Linear เหยียบเท่าไรเบรคเท่านั้น เบรคแบบนี้เวลาขับเร็วๆแตะเอา traction หรือกดให้หยุดเราเลือกได้เลย

เป็นต้น

ทุกวันนี้เปลี่ยนมาใช้ CR-V ยังคิดถึงฟิลลิ่งตอนขับ CX-5 อยู่เลย ถ้าไม่มีเรื่องน้ำดันคงไม่ขายแน่ๆ นี่ยังกะว่ารอเพื่อนๆที่เคยใช้ถ้าเปลี่ยนรถเมื่อไรจะไปขอซื้อต่อ

ผมขับมาสด้า 2 แฟน cx3 ทุกวันนี้ขับสองคันก็คิดว่าปกติ ไม่รู้ว่าแรง หรือดียังไง เพราะไม่เคยขับยี่ห้ออื่น ฮ่าๆ

ในเว็บไฟหน้า จะมียูซเซอร์คนนึง
ถ้ามี Mazda 6 สีแดงเข้ามาขายที่ล้านก็ซื้อ

พอมาขายจริง บอกจะเอาเกียร์ธรรมดาเท่านั้น ถึงเข้าถึงจิตวิญญาณ

ผมขับมาสด้าสองตัวเก่า2012อยู่เปรียบกับของค่าอื่นเซ็กเม้นต์เดียวกันมันขับดีกว่าจริงๆครับ เอาตั้งแต่เรื่องพวงมาลัยเลย

สนุกจิง รถคันแรกคือมาสด้าทำให้บุคลิกการขับเปลี่ยนมาจนถึงปัจจุบันเลย