ไม่ว่าในความคิดเห็นของแฟนบอลทุกท่าน จะรู้สึกถึงอารมณ์ที่เหนือความคาดหมาย หรือว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ก็ตามแต่ ถึงตรงนี้แล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็คือ คู่ชิงชนะเลิศของการแข่งขันยูโร 2024 ที่กำลังจะฟาดแข้งกัน ณ กรุงเบอร์ลิน ค่ำคืนวันอาทิตย์นี้ ก็ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อยครับ

ฝ่ายนึงคือ "กระทิงดุ" สเปน เจ้าของแชมป์ 3 สมัย ที่กำลังรอผงาดขึ้นเป็นชาติที่ครองจ้าวทวีปสูงที่สุดแต่เพียงผู้เดียว อีกฝ่ายคือ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ตัวเต็งอันดับ 1 ประจำทัวร์นาเมนท์นี้ ที่ได้ทะลุเข้าสู่รอบชิงดำเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และกำลังลุ้นไล่ล่าโทรฟี่แชมป์ทวีปใบแรกกลับสู่บ้านเกิด

ก่อนหน้านี้ผมได้รวบรวมเกร็ดที่น่าสนใจของทั้ง 8 ชาติที่เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศยูโร 2024 ไปแล้ว และมาจนถึงตรงนี้ เมื่อผลประกบคู่ของนัดชิงชนะเลิศออกมาแล้วนั้น ผมจึงอยากหยิบเอาสถิตินึงขึ้นมารีรันกันอีกรอบครับ

สถิติที่ว่านั้น คือเส้นทางความสำเร็จระหว่างสโมสรจากชาติที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เป็นเส้นขนานระหว่างกันกับชาติที่คว้าแชมป์ยูโรมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีการแข่งขันยูโรขึ้นครั้งแรกในปี 1960



จนถึงยูโร 2024 จากการแข่งขันทั้งหมด 17 ทัวร์นาเมนท์ บนระยะเวลารวม 64 ปี มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ทั้ง 2 ความสำเร็จจากชาติเดียวกัน เดินทางมาบรรจบกัน นั่นก็คือ การคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกของพีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ตัวแทนจากลีกดัตซ์ ที่เกิดขึ้นในปีปฏิทินเดียวกันกับที่ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ คว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกของพวกเขา

ให้หลังจากนั้น เรื่องราวดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย จนถึงปีนี้ก็ปาเข้าไป 36 ปีแล้ว และในปี 2024 นี้ ก่อนเริ่มต้นทัวร์นาเมนท์ เหล่าบรรดาแฟนบอลได้ทราบทั่วกันแล้วว่า "เรอัล มาดริด" สโมสรจากลีกสเปน เถลิงบัลลังก์แชมป์ยุโรปมาครองได้สำเร็จ ทางเดียวที่จะเบรคช่วงเวลา 3 ทศวรรษของสถิตินี้ได้ ก็คือ "ทีมชาติสเปน" จะต้องจบทัวร์นาเมนท์ด้วยการเป็นแชมป์ยูโรที่กรุงเบอร์ลินให้ได้



ฟังดูแล้วเรื่องราวนี้ มันคล้ายจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายนะครับ เพราะชาติที่เป็นขาใหญ่ในทัวร์นาเมนท์ยูโร ก็มักจะมีตัวแทนสโมสรที่แข็งแกร่งในการลุ้นแชมป์ UCL ทว่า เมื่อพลิกดูสถิติย้อนหลังของยูโรทั้ง 16 ครั้งที่ผ่านมานั้น ต่อให้นับรวมชาติที่ได้รองแชมป์เข้าไป ก็มีเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ที่เรื่องราวนี้เฉียดใกล้ที่จะเกิดขึ้นได้ในปีเดียวกัน

ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่ "สเปน" จะครองทวีปยุโรปในปีนี้ และได้เป็นชาติที่ 2 ถัดจากเนเธอร์แลนด์ที่สามารถครองความยิ่งใหญ่ในปีเดียวกัน นอกจากนี้ ผู้เล่นของพวกเขาอย่างดานี่ การ์บาฆาล, นาโช่ แฟร์นานเดซ และโฆเซลู เป็นอีก 3 รายที่รอลุ้นเข้าทำเนียบนักเตะที่คว้าทั้งแชมป์ UCL และแชมป์ยูโรในปีเดียวกัน ตามรอยตำนานรุ่นพี่ในชาติอย่างฆวน มาต้าและเฟร์นานโด ตอร์เรส ที่เคยทำสำเร็จในปี 2012

แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องมาติดตามกันครับว่า คู่แข่งแย่งบัลลังก์ในนัดชิงดำอย่าง "อังกฤษ" จะยอมให้เรื่องราวมหัศจรรย์ในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ หรือไม่ ?

จบปีนี้แหละ เพราะผมไม่ได้เชียร์สเปน แต่เชียร์คูคูเรย่า ให้ได้ euro ตบปากนักวิจารณ์

ผมเชียร์เยอรมัน แต่เจ้าภาพบ๊าย บายไปแล้ว ก็เลยมาเอาใจเชียร์ทีมที่เหลือที่มีนักเตะเชลซี ซึ่งก็จบด้วยการที่อังกฤษ ของพาลเมอร์กับเก้อ ไปเจอสเปน ของคูคู

ถึงจุดนี้ ใครจะแชมป์ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะแอบปันใจเชียร์คงไปที่สเปนก่อน ส่วนหนึ่งเพราะที่เนวิลล์ไปแขวะคูคูด้วย ว่าถ้าสเปนใช้คูคูคงไปได้ไม่ไกล

อีกส่วนก็คือ โค้ชอย่าง Luis de la Fuente ผู้พาสเปนคว้าแชมป์และรองแชมป์ทั้ง

- U19 UEFA European Under-19 Championship: 2015
- U21 UEFA European Under-21 Championship: 2019
- U23 Summer Olympics silver medal: 2020
- ชุดใหญ่ UEFA Nations League: 2022–23

นักเตะสเปนชุดนี้ ควรได้รับรางวัลตอบแทนความสำเร็จ ด้วยรูปแบบการเล่นทุกนัดในทัวร์นาเมนท์ แต่ใดๆ ฟุตบอลไม่แน่นอน ทีมกระท่อนกระแท่นอย่างอังกฤษอาจจะฉายแสงก็ได้ คงต้องมารอดูกันครับ

เด่ว อีจู๊ด จัดให้ครับ 555555

สเปนทั้งใจ มั่นหน้าเกินโค้ชอังกฤษ ไม่ส่งพาลเมอร์กุลงนัก

สถิติถูกยืดไปแล้ว แต่สเปนและแฟนบอลยังไม่รู้ตัว โดนประตูใต้หลอกดูไพ่ไปแล้ว

ถ้า สเปนได้อีก บัลลงดอร์ ไปตกที่ คาร์บาฆาล เลยมั้ยนะ

1988 นี่ผมยังไม่เกิดเลยนะครับ

แต่เคยเล่นเกมส์ + ดูไฮไลท์เก่าๆ
ฮอลแลนด์ยุคนั้นโหดมากเลย
ไรจ์การ์ด / กุลลิท / แวน บาสเท่น
พลังเว่อมาก

ที่แน่ๆ นักเตะมาดริด จะได้แชมป์ยูโรปีนี้แน่ๆละ อยู่ที่ว่าจะเป็นประเทศไหน