bond พันธบัตรรัฐ คับ ไม่เสี่ยงที่สุด ได้ดอกแน่ๆ ยกเว้นรัฐบาลมันแตก 5555
อย่างอื่นมันมีโอกาสแตกได้หมด ใครบอกไม่มีก็สวนไปว่าถ้ามันเข้าทุน ช่วยจ่ายไหม

การไม่ลงทุนยิ่งเสี่ยงครับ อันนี้พูดตรงๆว่า ยิ่งฝากในธนาคารที่ท่านว่าไม่เสี่ยงมันคือเสี่ยงที่สุดเลยครับ

เพราะท่านจะจนลงปีละ 10% เพราะเงินเสื่อมค่าจากการพิมพ์เงินได้ไม่จำกัดของรัฐบาลทั้งโลก

สมมุติท่านมีเงินฝากในธนาคารไว้ 10 ล้านบาท

ตอนนี้ข้าวจานละ 50 บาท

แต่อีก 15 ปีข้างหน้า ท่านก็มี 10 ล้านเท่าเดิม

แต่ข้าวจานละ 250 บาท

แปลว่า ถ้าฝากธนาคาร คือ ท่านสมัครใจที่จะจนลงเรื่อยๆ ท่านคิดจะฝากเงิน เอาดอกเบี้ย 0.75% เทียบกับปริมาณเงิน

ที่เค้าพิมพ์ออกมาได้ไม่จำกัด ปีละ 10%

เรียกว่า การจนลงเรื่อยๆแบบเต็มใจ เพราะคิดว่า เงินในบัญชีท่าน จะรักษามูลค่าของมันได้ ซึ่ง มันรักษาไม่ได้ครับ

ถ้าให้แนะนำ อย่างน้อยควรจะดูทองคำไว้ เพราะ ขึ้นตามเงินเฟ้อได้ดี

ดูช่วงโควิดนะครับ รัฐบาลพิมพ์เงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหลายล้านล้าน บาท

ทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นตามจาก 20,000 เป็น 30,000

ถ้าอยากได้ปันผลออกมาใช้ หรือให้มันทบต้นไปด้วย

ก็ควรลงทุนหุ้น ซึ่งประเทศอเมริกาที่ท่านจากมา คือตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดแล้ว

ถ้าให้แนะนำ คือ ลงหุ้นอเมริกาไปเลยครับ ลงเป็น s&p500 ก็ได้ ETF ก็พวก Voo

ถ้าถามความเสี่ยง ถ้า 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา เจ๊งพร้อมกัน โลกน่าจะแตกแล้วครับ

เพราะตอนนี้ ดอลล่าสหรัฐ เป็นฐานของทุกสกุลเงินบนโลกครับ



ลองเทียบดูครับ 10 ปีนี้ เฉลี่ยค่าอาหารเพิ่มขึ้นปีละ 10% นะครับ

อย่าไปเชื่ออัตราเงินเฟ้อปีละ 2-3% ครับ

หาความรู้ก่อนอันดับแรก

ตรงโจทย์ของคุณสุดคือ ฝากธนาคาร กับ พันธบัตรรัฐบาล

นอกนั้นเสี่ยงเงินต้นหายได้หมด

แต่อันดับแรก หาความรู้ ซื้อหนังสือพื้นฐานการเงินมาอ่าน

ถึงแนะนำไปว่าให้ซื้อพันธบัตรรัฐบาล คุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ไหม ถ้าตอบไม่ได้แปลว่าว่าความรู้ยังไม่ถึง
- รู้ไหมพันธบัตรรัฐบาลคืออะไร
- รู้ไหมพันธบัตรรัฐบาลกลไกทำงานยังไง
- รู้ไหมพันธบัตรรัฐบาลซื้อยังไง
- รู้ไหมพันธบัตรรัฐบาลซื้อที่ไหน
- รู้ไหมพันธบัตรรัฐบาลซื้อกับใคร


*** อย่าซื้ออย่าลงทุนอะไร ที่เราไม่รู้ ที่เราไม่เข้าใจ เพราะมันจะเสี่ยงทุกอย่าง ***

หุ้นกู้สบายๆนอนกิน 3-4% 10ล ก็4แสน

mmf / tbills ที่ us

ฝากธนาคารเอาดอกเบี้ย(ที่น้อยนิดแต่ได้แน่ ๆ ดีกว่า)

แล้วเอาออกมาใช้สัก 2 ล้าน ทำธุรกิจซื้อมาขายไป

เล็ง ๆ พวกของที่มีลูกค้าต้องการซื้อสินค้า แต่หาซื้อไม่ได้ กดไม่ทัน อะไรพวกนี้

เช่น ป๊อปมาร์ท รองเท้า นาฬิกา

ผมว่ากำไรน่าจะพอกินพอใช้ได้ ไม่ต้องมานั่งเครียดดูตลาดหุ้นทุกวัน คุณแค่ต้องอยู่ในกระแสและตามมันให้ทัน

ปล.1 ตลาดคนชั้นกลางกับล่างไม่น่าเหลืออะไรให้เล่นมาก แต่คนชั้นบนนี้แหละที่น่าจะยังช่วยพยุงตลาดต่อ

ปล.2 มันเป็นแผนในหัวของผมเองนะ อาจจะไม่เวิร์คก็ได้ แต่ถ้าผมมีเงินผมก็คิดว่าจะทำแบบนี้

10 ปี ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 100% ไม่ได้แปลว่ามันเพิ่มปีละ 10% นะครับ (ซึ่งผมว่าท่านรู้อยู่แล้วแหละ แต่ตั้งใจพูดให้มันดูน่ากลัว)

อีกอย่าง รายจ่ายรอบๆตัวเรามันก็ไม่ได้มีแค่ค่าอาหาร ดัชนีเงินเฟ้อย้อนหลังมันไม่ได้น่ากลัวขนาดที่บอกว่าเงินลดมูลค่าไปปีละ 10% ขนาดนั้น

ลองทำหอพักไหม หอเล็กๆ 10-15 ห้อง ไม่เบื่อแน่

เสี่ยงต่ำตรงที่มันเป็นอสังหา ไม่อยากทำก็ขายต่อ แต่ต้องเลือกทำเลดีๆหน่อย

10 ล้าน ไม่เสี่ยงเลยมาจากเมกา ซื้อ Tbill ปลอดภัยที่สุดแล้ว เพราะมันคือมาตราฐาน risk free เลยปีละ 5%ขำๆ แต่ถ้าจะหวัง 7-10% ก็หาซื้อกองทุนเมกา เพื่อนผมถอนพอร์ตไทยเกือบหมดแล้ว หันไปเล่น ต่างประเทศอย่างเดียว ถ้าหวังเกินกว่านั้นเริ่มเสี่ยงแล้ว 10ล้านจะ ทำธุรกิจจะว่าเยอะก็เยอะ จะว่าน้อยก็น้อย ดูทรงแล้วน่าจะกะ Retire แต่เอาจริงๆถ้าจะ retire เมืองไทย มีครอบครัว net worth ควรจะสัก 50 ล้าน ++ นี้ลูกเรียนปีละ 300,000 ก็ไม่ถูก สำหรับคนมีครอบครัว ถ้ากะ retire แถมมีลูกผมว่า 10m น้อยไปหน่อย เพราะถ้าจะลง Tbill ได้ 5% ปีนึงได้ ประมาณ 500,000 ตีขำๆ ผมว่าถ้าพ่อแม่ ยังพอทำงานได้หาเงินสองคนรวมกัน เดือนละ 100,000 บวกกับต้นทุนที่ลงทุน เสี่ยงต่ำ มีบ้าน แล้ว แบบนี้ น่าจะคุณภาพชีวิตดีกว่า

เสี่ยงมากได้มากเสี่ยงน้อยได้น้อยครับ ต้องคิดเยอะๆก่อนลงทุนครับ สำคัญคือความรู้ครับ

ท่านหมายถึงตรงนี้เป็นเงินเย็นใช่มั้ยครับ
เงินหมุนน่าจะเป็นคนละส่วนกัน คือตรงนี้มี 10 ล้านใช้ลงทุนแหละ
ส่วนใช้จ่ายก็น่าจะมีหมุนเวียนต่างหาก 2 ล้านก็ถือเป็นค่าเรียนลูกจนจบม. 6
จริงๆ Tbill คือน่าสนใจนะครับ ยังงัยก็น่าจะได้ 4-5% ต่อปี
แต่เอาจริงๆเป็นผมคงไม่กลับ ถ้าคิดจะให้ลูกไปเรียนที่โน่นอยู่แล้ว แล้วมีงานทำอยู่
เอาเงินไปลงทุนทำกิจการที่ตัวเองมีความรู้ความเข้าใจ ผมว่าน่าจะโอกว่า