เปิดไปเจอคลิปนี้เลยมาชวนคุยกัน https://www.tiktok.com/@khobsanam/video/7374002896842624273?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7374433723369358849

Manager - คุมทีมซ้อม ซื้อ-ขายนักเตะเอง จัดการเรื่องนอกสนามด้วย ตัวอย่างเช่น เป๊บ คลอป อาร์เตต้า เทนฮาก
Head coach - คุมทีมซ้อมอย่างเดียว โฟกัสเรื่องในสนาม 100% ตัวอย่างเช่น พอช แอนจ์ สลอต มาเรสก้า??

ปล เพิ่งรู้ว่าตอนอาร์เซนอลตั้งอาร์เตต้าเป็น Head coach ก่อนจะ promote เป็น Manager ทีหลัง https://www.arsenal.com/news/revealed-arteta-now-first-team-manager

Manager

็Division of Labour

ใครถนัดตรงไหนทำแบบนั้นดีกว่าครับ สำหรับผม
มันดูเป็นระบบ และยั่งยืนกว่า การให้คนเดียวเดอะแบกทุกอย่าง

Head coach ผมผ่านยุคป๋ามาละ รู้ละว่าคนเดียวแบกสมโสรเวลาจากกันแม่งหนักขนาดไหน

ตอนนี้คือดูเอาทีมเป็นหลัก โค้ชอยู่ไม่นาน แต่ผมเชียร์ทั้งชีวิต จะตำนานทีมทำไม่ดี ก็ต้องมาตรฐานเดียวกัน

ผมซึ่งดูบอลมายุค 90 ชอบ manager แน่นอน

Manager ครับ กำหนดทิศทางด้วยตัวเอง

คิดถึงเฟอร์กี้ กับเวงเกอร์มากๆ

Head coach ครับ
ทุ่มสมาธิไปในสนามก็พอครับ เรื่องอื่นให้ expert จัดการ

Manager เหมือนสร้างมาให้คนแบบ เวนเกอร์แท้ๆ เพราะ เป็นคนมีความรู้ด้านการบริหารและเศรษฐศาสตร์ ทำให้ดึงศักยภาพได้เต็มที่กว่า Head Coach เพราะ ในด้านการคุมทีมต้องบอกเวนเกอร์ใช้เวลา 17 ปี ได้มา 3 แชมป์ถือว่าด้อย แทคติคก็ไม่โดดเด่น ระบบการเล่นก็ดีแต่ไม่สุดสู่เฟอร์กี้ยาก เลยมาอาศัยเรื่องการจัดการทีมและนโยบาย และใช้การ Organization Management แทน

ข้อเสีย คือ ผู้จัดการทีมต้องทำทุกอย่าง เหนื่อย ยจะเห็นได้ว่าเวนเกอร์ มักทำแต้มหายไปเสมอช่วงทุกช่วงเกมเปิดฤดูกาลเจ็บบาน+ซื้อขายไม่ทัน และมักดึงไปวันสุดท้าย เพราะต้องทำทุกอย่างเอง บินไปดีล โทรไปกล่อม คือทำหลายอย่างทำให้ทีมไม่เข้ารูปเข้ารอยและมีความพร้อมน้อยกว่าชาวบ้าน ภาระมันหนัก Manager เหมาะกับคนที่ มีความรู้ด้านองค์รวมในฟุตบอลและมีความรู้ด้านศาสตร์การ Management ด้วยอำนาจในการดีล การซื้อ การเลือกตัวมีสูง โดยเฉพาะส่วนตัวเวนเกอร์มีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายทิศทางสโมสรอีกบอร์ดเป็นเพียงบทบาทจาง ๆ เมื่ออะไรกระจุกตัวและไม่ทันสมัย การซื้อขายหลังๆ จึงเละเทะ ตัดสินใจทำอะไรคนเดียวไม่มีใครคานอำนาจ พาไปสู่ความตกต่ำเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน

Head Coach ดีหน่อย ไม่ต้องทำทุกอย่างโฟกัสเฉพาะ ข้อเสียคือ เหมือนแบ่งร่างสองคนรวมเป็นคน เดียวแบบเข้าขากันให้ได้จะดีมาก ซีกซ้าย Head ซีกขวา มักทำร่วมกับ ผอ./เทคนิค/หรืออะไรแล้วแต่ตั้งชื่อ อำนาจในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์จึงตกเป็นของ ผอ. ข้อเสียจึงเกิด 2 คนมันจะรวมเป็นหนึ่งได้ไหม ซึ่งบางสโมสรยาก แต่ทำได้ก็ดี ใช้ทีมเวิร์คความเข้าใจสูง ผอ. ต้องมีความรู้ด้านการกำหนดนโยบายและกำหนดเป้าหมายของสโมสร

จุดอ่อนจึงเกิด ผมขอยกแนวคิดของ Peter F Drucker ศ.ด้านการจัดการ เคยกล่าวว่า ยกตัวอย่าง องค์การไม่แสวงกำไรเช่น Greenpeace การหารายได้เข้าองค์การเป็นสิ่งสำคัญต่อความยั่งยืนขององค์การในการดำรงอยู่ แต่ ดักจึงเกิด เมื่อ Greenpeace แสวงหากำไรมากเกิดไป มุ่งระดมทุน หายนะจึงเกิด เพราะ ผิด Objectives และการ Set Goal ขององค์การตนเองซึ่งเป็นองค์การไม่แสงกำไรเพื่อดำเนินการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโลก แต่กลายเป็นมุ่งหากำไรระดมทุน เกิดความเสื่อมกับองค์การ เกิดความคลาดเคลื่อนหรือการไขว้เขวออกจากเป้าหมาย The Distraction

กับสโมสรฟุตบอลเช่นกัน เมื่อยึดตามแนวคิดนี้มามอง การมี Head Coach + ผอ. มักมีการเมือง แน่นอนจะเกิดกับดักหรือหลุมพลาง ในการ Set Objectives + Set Goal ของ ผอ. กลาวคือ ผอ. ที่อาจไม่จมีความสามารถ/บางทีมุ่งกับเกมการเมืองในองค์การมากเกิน ทำให้ไม่การสนับสนุน Head Coachอย่างเต็มที่/บางครั้งยอมเลือกคนที่ตัวเองคุมได้/หรือเข้าไปก้าวก้ายอยากได้ตัวนั้นตัวนี้ส่วนตัวโดยไม่ใช่ Data/หรือมุ่งรักษาอำนาจตำแหน่งตนเอง แทนที่จะมุ่งที่การตั้งเป้าหมายคือความสำเร็จสิ ฟุตบอลมันต้องคู่กับความสำเร็จ

มีเกิดความคลาดเคลื่อนหรือการไขว้เขวออกจากเป้าหมาย เพราะฟุตบอล+สโมสรฟุตบอล เป้าหมายควรตั้ง/กำหนดคือความสำเร็จ ชัยชนะ แชมป์ TOP4 อะไรก็ตามแต่ แต่เมื่อเกิดความวอกแวก กลายเป็น เล่นการเมือง มุ่งรักษาอำนาจ แทรกแซงการซื้อตัวโดยไม่ใช่สถิติหรือความต้องการ Head Coach เลือกคนที่คุมได้เหล่านี้เป็นจุดอ่อนของ ผอ. ซึ่งถ้าผอ. Set Policy+Goal ที่ถูกต้อง และเป็นคนที่เข้าใจฟุตบอลมีความสามารถ มักจะยอม Head Coach หรือสนับสนุน หรือบางครั้งต้องลดซัน ลดอีโก้ เองโดยปริยายคือยอมลดการเมืองเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย มุ่งสู่การนำทีมสู่ความสำเร็จพร้อมมั่งคั่งและยั่งยืน ที่ไม่ลืมเป้าหมายสูงสุดที่ตัวเองต้องตั้งไว้ทำได้ไหมละ ถ้าทำได้ ผอ.คนนั้นเก่ง

ท้ายที่สุด ระบบที่ดี Head/Mannager ขึ้นกับความสามารถศักยภาพคนที่เหมาะสม ผอ. ผู้จัดการ ต้องเก่งมีความสามารถและมองเป้าหมายไม่หลงประเด็น เชื่อใจไว้ใจกัน มีความสามารถในการบริหารสูง ส่วน Head ก็ต้องมีมีความสามารถในด้านกีฬาสูงที่นำความคิดสูงความทำให้เป็นจริงได้ และไม่ลืมเป้าหมาย และสำคัญ Head+ผอ. ต้องมีการ Coordination รวมเป็นหนึ่ง

Manager ครับ ชอบให้โค้ชมีสิทธิ์ได้เลือกซื้อ-ขาย นักเตะได้เองโดยมีคนอื่นเป็นที่ปรึกษา เหมือนพ่อครัวเลือกวัตถุดิบได้เอง มากกว่าเขาเอาวัตถุดิบมาให้เราแค่ปรุง

ผมเป็นเฮดโค้ช ถ้าเล่น fm คงเซ็ง 555 มันไม่สุด

เป๊บกับต้า ไม่ใช่ manager หนื

แค่แนะนำสไตลที่อยากได้ แต่ว่าวก้เยอะ

เป๊บตำแหน่งเป็น Manager ครับ ส่วนต้า เป็น Head coach แล้วได้เลื่อน เป็น Manager

แล้วแบบนั้นมันจะมีพวก เอดู หรือ txiki ไว้ทำไมหว่า


แล้วมีข่าวบ่อยจะตายว่าสอฝคนนี้หานักเตะใหัตลอด

พวกเป๊บต้าก้ไม่ได้ตัวที่ต้องการบ่อยๆ

ของต้านะครับ มันจะเป็นกึ่งๆมากกว่า เรื่องบริหารนี่เอดูจัดการเองหมด ไม่ว่าจะดีลซื้อขาย ต่อสัญญา บริหาร ส่วนต้าจะจัดการคุมซ้อม แต่จากที่ศึกษามา 2คนนี้จะทำหน้าที่ร่วมกันครับ อย่างนักเตะเอดูจะเป็นคนรวบรวมข้อมูล มาประชุมกัน ต้า เอดู แล้วค่อยตัดสินร่วมกัน ไม่ใช่ว่าเอดูเลือกมาต้าต้องใช้ ไม่ใช่ นั่นมันตอนระบบยุคซายเญอี ที่ซื้อพวกเปเป้ ตอเรร่า นั่นแหละแล้วก็พัง

ระบบตอนนี้ต้ากับเอดูจะตัดสินใจร่วมกัน พอเลือกได้แล้วหน้าที่ดีลนักเตะเอดูจะเป็นฝ่ายจัดการ

สรุป ต้าเหมือนจะเป็นเฮดโค้ช+เมเนเจอรฺ์ ต้ามีสิทธิ์ปฏิเสธนักเตะที่เอดูเลือกมา

แบบไหนก็ได้ไม่สนใจ