UPDATE: ‘ทนายกฤษฎางค์’ เผย รพ.ราชทัณฑ์ ไม่ให้ไฟล์กล้องวงจรปิดวันรักษา ‘บุ้ง เนติพร‘ เหตุ มีภาพ จนท. - กระทบความมั่นคง - ส่งผลต่อผู้เสียชีวิต มอง เหตุผลฟังไม่ขึ้น เตรียมเดินหน้าหาสาเหตุจากเอกสารที่มี คาด 2 - 3 วัน ได้ข้อสรุป
วันนี้ (24 พ.ค. 67) ทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส มารับไฟล์กล้องวงจรปิด ในวันที่นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิตที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ให้ภาพกล้องวงจรปิดที่ได้ขอภาพในห้องที่นางสาวเนติพรรักษาตัว ในเวลา 6:15 น. ว่าเกิดอะไรขึ้น ตรงกับที่พูดหรือไม่ มีการช่วยเหลือจริงหรือไม่ การนำตัวลงไปทำเอ็กซ์เรย์ปอด ทำทีซีแสกนสมอง และมีการทำ CPR ช่วยชีวิตตลอดเวลาหรือไม่ เว้นระยะแค่ไหน โดยเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะรู้ว่าการรักษาพยาบาลมีมาตรฐานไหม ส่วนเอกสารการรักษาบางส่วนก็ให้มาแล้ว
“ยืนยันว่าเราต้องการความจริง ไม่ได้ต้องการดำเนินคดีกับใคร ผมก็บอกอยู่แล้วว่าแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติการในระบบเท่านั้น ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้น ก็ต้องแก้ไขระบบ ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม นับตั้งแต่ศาล การประกันตัว การปล่อยตัวชั่วคราว ตำรวจ อัยการ รวมทั้งราชทัณฑ์ ในการดูแลรักษาผู้ที่ถูกต้องขัง ไม่ว่าจะเป็นนักโทษเด็ดขาดหรือไม่ก็ตาม“ ทนายกฤษฎางค์ กล่าว
ทนายกฤษฎางค์ กล่าวต่อว่าราชทัณฑ์ปฏิเสธไม่ให้ไฟล์ ด้วยเหตุผลที่ระบุว่า
1.ภาพการเคลื่อนไหวระหว่างรักษาพยาบาลมีภาพเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาล
2.เพื่อความมั่นคง เพราะภาพในทัณฑสถานถือเป็นเรือนจำ เกี่ยวกับความมั่นคง
3.กลัวว่าเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียชีวิต เพราะมีภพาการเสียชีวิต เพราะเกรงว่าเมื่อได้ภาพแล้ว จะนำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน
ทนายกฤษฎางค์ ระบุว่า ถ้าต้องการภาพคงอุทธรณ์คำสั่ง ร้องต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารทางราชการ และฟ้องศาลปกครอง ตนเองเห็นว่าเหตุผลทั้ง 3 ข้อฟังไม่ขึ้น เพราะภาพผู้คนในวงจรปิดสามารถเบลอ หรือปิดหน้าได้, ความมั่นคง ทางกรมราชทัณฑ์พานักข่าว ไปสำรวจห้องขังในเรือนจำทั้งหมดแล้ว โดยไม่ได้แจ้งตนเองหรือญาติผู้เสียชีวิตให้ทราบ แม้จะไม่เผยแพร่ภาพ แต่ก็ไม่เกี่ยวความมั่นคงแล้ว ส่วนภาพของผู้ตาย ตนเอง และครอบครัวยืนยันว่า เราต้องการจะใช้ และเป็นภาพที่เรารับได้ เพราะการผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ได้เชิญญาติ และทนายเข้าไปดู
ทนายกฤษฎางค์ ยืนยันว่า เมื่อได้ภาพมาแล้ว เราไม่เผยแพร่กับสื่อ เพราะจากเอกสารที่ได้มา เราก็นำมาวิเคราะห์ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร เราต้องการดูภาพเคลื่อนไหวว่าตรงกับรายงานการรักษาหรือไม่ และกรมราชทัณฑ์ก็แจ้งว่าทำหนังสือถึงบิดา มารดา ของนางสาวเนติพร แล้ว ถ้าจะมาดูก็มาดู และจะนัดหมายกันอีกครั้ง โดยตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับจดหมาย เนื่องจากหนังสือส่งในวันที่ 22 พ.ค. ตนเองก็ปรึกษาอยู่ว่าจะดูหรือไม่ พร้อมย้ำว่า การเอามาให้เรากับให้เราดู ไม่เหมือนกัน เมื่อเอามาที่เราแล้วแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราสามารถนำมาวิเคราะห์ผ่านผู้เชี่ยวชาญ และเป็นความลับได้ ซึ่งจะให้ดูแล้วเล่าให้ฟังไม่ได้
ทนายกฤษฎางค์ ยังถามไปยังรัฐบาล ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ที่ดูแลอยู่ว่า แน่ใจแล้วหรือว่าจะไม่ให้ภาพวงจรปิด สิ่งที่อยู่ในมืออยู่แล้วคือสภาพของนางสาวเนติพร ก็ต้องว่าไปตามนั้น เพราะกรมราชทัณฑ์ปิดโอกาสที่จะเคลียร์ความบริสุทธิ์ ความตั้งใจจริงต่อสาธารณชน และเอกสารจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ก็ค่อนข้างสมบูรณ์ ว่าเสียชีวิตที่ไหน เมื่อไหร่ แต่เพื่อความยุติธรรม ฟังเสียงของทุกฝ่าย เมื่อปิดโอกาสตัวเองที่จะอธิบายต่อสังคม ตนเองต้องเดินหน้าอธิบายพ่อแม่ และสื่อมวลชนเท่าที่มีข้อมูล ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร นอกจากการใส่ท่อหายใจไปในหลอดอาหาร ยังมีสาเหตุอื่น 3 - 4 วันที่รอ เพราะเราต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา
ส่วนการไม่ให้ภาพจากกล้องวงจรปิด จะถือว่าเป็นการปกปิดอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ทนายกฤษฎางค์ ระบุว่า ตนเองไม่ขอให้ความเห็น สังคมน่าจะรู้ ว่าผิดหรือไม่ ผู้ฟังกับสื่อมวลชนตัดสินใจเอง เป็นผลเสียต่อราชการ ตนเองทราบมาว่ามีคำสั่งไม่ให้เปิดเผยจากผู้ที่มีอำนาจมากกว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และจากนี้ไปจะไม่ให้ความร่วมมือด้วย และคงไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เนื่องจากคนก็เสียชีวิตไปแล้ว เราไม่ได้เรียกร้องว่าจะฟ้อง และคงไม่อยากเปิดเผยข้อเท็จจริงมากกว่า
ทนายกฤษฎางค์ กล่าวต่อว่า พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็บอกว่าเปิดเผยได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็สั่งการว่าต้องทำให้โปร่งใส จึงตั้งคำถามว่ามีใครมีอำนาจมากกว่านายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตนเองเข้าใจว่ามีคนไม่พอใจในสิ่งที่เราพูด แต่เราซุกขยะไว้ใต้พรมไม่ได้ ต้องกวาดบ้านให้สะอาด เพราะที่นี่ยังมีคนอีกมากมายที่ยังต้องรักษาพยาบาลอยู่ สะท้อนถึงมาตรฐาน และความเท่าเทียมกันในการรักษา