โบลี่ย์ สัมภาษณ์ในงานที่ กาตาร์



1. คำถามเกี่ยวกับ Project ของ เชลซี


- สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งคือคุณต้องอดทน คุณกำลังรวบรวมบางสิ่งไว้ด้วยกันและคาดหวังว่ามันจะเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว แต่ความจริงก็คือ อะไรที่ดีจริงๆต้องใช้เวลาสักหน่อย ความอดทนเป็นความคิดสำหรับเราเสมอ

- ตอนที่เราซื้อ ดอจเจอร์ส ในปี 2013 เราเริ่มต้นกันที่ 15 และ 25 แต่เรายังคงยึดอยู่กับแผนเพราะเราเชื่อว่ามันถูกต้อง และเราก็ผ่านเรื่องที่คล้ายกันกับเชลซี

- คุณต้องมีปณิธานที่จะไม่ไขว้เขวไปกับเสียงรอบข้างและมุ่งมั่นในแผน และนับตั้งแต่บ็อกซิ่งเดย์ เราก็เป็นทีมที่ดีที่สุดอันดับสี่ในพรีเมียร์ลีก เมื่อคุณดูสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันรู้สึกว่าดีขึ้นเรื่อยๆ



2. คำถามเกี่ยวกับแผนสนามใหม่ของ เชลซี


- ในระยะยาวเรากำลังดำเนินการตามแผนเกี่ยวกับสนามกีฬา เราอยู่ในจุดที่ยูนีคในลอนดอน ดังนั้นผู้คนมากมายสามารถเข้าชมเกมเชลซีได้ และโดยพื้นฐานแล้วเราอยู่ในใจกลางลอนดอนตะวันตก แต่เรามีสนามที่รองรับได้เพียง 40,000 กว่าที่นั่ง

- การปรับปรุงคุณภาพและขนาดของสนามเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราในทศวรรษหน้า แผนได้เริ่มต้นแล้ว แต่คุณต้องพูดคุยกับผู้คนจำนวนมาก เพราะคุณอยู่ใจกลางลอนดอน ข่าวดีก็คือเราอยู่ใจกลางลอนดอน แต่ข่าวร้ายคือเราอยู่ใจกลางลอนดอน!



3. คำถามเกี่ยวกับเป้าหมายของ เชลซี


- ชัดเจนว่าชัยชนะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เรามุ่งเน้นไปที่ชัยชนะ อย่างที่สองคือการมีสิ่งที่เราคิดว่าเป็นทีมอายุน้อยและน่าตื่นเต้นที่จะอยู่ร่วมกันไปอีกนาน

- ถ้าคุณดูแฟรนไชส์ที่ครองตลาดมาอย่างยาวนาน พวกเขาจะมีเสถียรภาพอย่างแท้จริงในทีม, Front Office และ สต๊าฟฟ์โค้ช ดังนั้นการสามารถวางรากฐานและเริ่มต้นด้วยความมั่นคงในทีม และการได้ทีมอายุน้อยที่มีสัญญายาวกว่าค่าเฉลี่ยเป็นการเริ่มต้นที่ดี

- และความเป็นจริงก็คือในฟุตบอลยุโรป สัญญา 7 ปีจริงๆก็คือสัญญา 5 ปี เพราะคุณจะไม่มีวันปล่อยให้สัญญาหมดไปจนถึงปีสุดท้าย คุณจะขยายสัญญาหรือดูว่าอะไรดีที่สุดสำหรับนักเตะและสโมสร



4. โบลี่ย์ กล่าวว่าการใช้จ่ายครั้งใหญ่ของ เชลซี คือการลงทุนไม่ใช่รายจ่าย


- เมื่อเราใช้จ่าย เรากำลังลงทุน และนักเตะเหล่านั้นก็ยังคงรักษามูลค่าของพวกเขาเอาไว้ ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังคิดคือต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในการจัดหาเงินทุนให้กับพอร์ตโฟลิโอของนักเตะ

- บางคนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นและบางคนจะมีมูลค่าลดลง แต่ฉันขอแย้งว่าการลงทุนที่ทำกับ เชลซี นั้นรักษามูลค่าของพวกเขาเอาไว้

- เราไม่ได้ใช้จ่ายเงิน เรากำลังลงทุนด้วยเงิน ดังนั้นเมื่อเราซื้อ เราแค่คิดถึงต้นทุนใน Cost of Carry เท่านั้น

* Cost of Carry คือ ต้นทุนที่เกิดขึ้นในการถือครองสินค้านั้นๆ และค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้นในการนำเงินทุนส่วนนั้นไปจมอยู่ในสินค้า รวมถึงต้นทุนค่าดอกเบี้ย ค่าดูแลสินค้า ค่าประกันสินค้าต่างๆ *



5. คำถามเกี่ยวกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่มีศักยภาพสำหรับทีมหญิง


- ผมเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นจากการอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ น่าทึ่งมากที่ผมเรียนรู้ได้หลายๆอย่างจากสิ่งนั้น

- เชลซี ทีมหญิง เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของโลก และจะมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ เราเริ่มเห็นสปอนเซอร์ตระหนักว่าพวกเขาต้องมีส่วนร่วมเพราะมันจะดีสำหรับแบรนด์ของพวกเขา



6. คำถามเกี่ยวกับ FFP ( กฎการเงิน )


- เรามีสินทรัพย์ในเชลซีที่เป็นที่ต้องการสูง และเราสามารถมอบประสบการณ์ที่คุณไม่สามารถซื้อจากที่อื่นได้ ดังนั้นคำถามคือเราจะวางตำแหน่งของโอกาสเหล่านั้นในการเพิ่มรายได้อย่างแท้จริงในโลกที่ FFP กลายเป็นบทสนทนาที่มีรายละเอียดมากขึ้นได้อย่างไร และนี่คือสิ่งที่พรีเมียร์ลีกมุ่งมั่นที่จะมีการแข่งขันที่สมดุลมากขึ้น

- การเปลี่ยนแปลงกฎกำลังมา คุณกำลังเห็นการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่สามารถนำมาใช้กับทีมได้ มีแนวโน้มว่าจะได้รับการโหวตในการประชุม EPL เดือนมิถุนายนและจะสรุปผล

- และมีอีกแนวคิดหนึ่งที่เรียกว่า Anchoring ซึ่งค่าจ้างสูงสุดสำหรับแต่ละทีมสามารถใช้ได้เป็นจำนวนคูณของเงินรายได้จากมีเดียร์ที่น้อยที่สุดที่จะมอบให้กับทีมอันดับที่ 20

* กฎ Anchoring นี่คือกำหนดเพดานการใช้เงินโดยเอาเงินรายได้ของทีมอันดับที่ 20 มาคูณ 4 หรือ 5 นี่แหละไม่แน่ใจ แล้วออกมาเป็นเพดานจำกัดการใช้เงินของทุกทีมในลีกในฤดูกาลนั้นๆ *

แต่ตอนท๊อดซื้อเชลซีเราแชมป์ยุโรปนะ

ตรงนี้แหละคือสิ่งที่ผมบอกในกระทู้ https://www.soccersuck.com/boards/topic/2417759

และมันก็บอกว่า



พูดง่ายๆคือใช้เงินให้คุ้มค่าตามสไตล์บริษัทลงทุน คงไม่เห็นแบบทุ่มเคน อายุ 30+ 100ล้าน แล้วมีแต่มูลค่าตกหรอก แต่ถ้าอยากสำเร็จก็ต้องทำแบบนั้นแหละ ถ้าคิดถึงความสำเร็จก่อน

แถมมันยังชมทีมหญิงอีก พึ่งรู้ว่าเก่งมาก มีมูลค่าเป็นร้อยล้านเลย คือมันคิดเงิน มูลค่าก่อนเสมอ

เหมือนเสี่ยเล่นFMมาอ่ะ ฉกแต่ดาวรุ่งWonderkidมาเพียบเลย

มันพูดไว้ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์คราวก่อนแล้วว่า การใช้เงินทุกวันนี้ขึ้นอยู่กับรายได้ที่สโมสรได้รับ ( กฏการเงิน )

เพราะงั้นการเปิดตลาด หรือหาแฟนบอลเพิ่ม หรือการเพิ่มมูลค่าให้ทีม เพื่อที่จะหาเงินได้มากขึ้น มันก็จะทำให้ใช้เงินได้มากขึ้น

ผมไม่ซีเรียสเรื่องการหาเงิน เพราะไม่สามารถอัดฉีดเงินเข้ามาตรงๆ หรือ ซิกแซกเหมือนยุคเสี่ยหมีได้แล้ว เพราะงั้นการหาเงินคือเรื่องสำคัญมากๆในฟุตบอลสมัยนี้

ถ้ามันทำได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

อย่างทีมหญิงเนี่ยมีข่าวว่า ( ข่าวนะ ไม่รู้ 100% มั้ย ) จะปล่อยขายหุ้นส่วนนึง ประเมินไว้ซัก 200 กว่าล้าน US เพือเอาเงินไปลงทุนเพิ่ม แล้วก็มีข่าวว่าสนซื้อสโมสรลูกของทีมหญิงใน อเมริกาเหนือกับยุโรป

เซ็งตรงที่มันชอบอ้างว่าทีมที่โดมิเนทเกมมีสตาฟทีมที่มั่งคงอารมณ์แบบไม่ปลดโค้ชบ่อยๆ แต่คือไม่ดูเลยว่าทีมพวกนั้นมัน deliver ผลงานดีทุกซีซั่น ที่เขาบอกกันว่าไอพวกนี้ไม่เข้าใจฟุตบอลคือเรื่องจริงทั้งนั้น ก่อนหน้านี่เราคว้าแชมป์มากมายกับ mind set คนละขั้วเลย ไอทีมที่โมเดลแบบนี้แล้วโดมิเนตมีทีมไหนบ้างถามจริง

จะทำอะไรก็ทำไปเหอะถ้ามันทำให้ทีมพัฒนาขึ้นหรือประสบความสำเร็จจะแนวทางหรือนโยบายแบบไหนถ้าไม่ประสบความสำเร็จในสนามมันก็เท่านั้นแฟนบอลเขาไม่สนหรอกจะลงทุนตีมูลค่าขายหุ้นอะไรยังไงถ้าตราบใดที่สโมสรมันประสบความสำเร็จเริ่มจากจบที่ 6 ให้ได้ก่อนเลยแล้วฤดูกาลหน้าต้องติดท็อป4 + บอลถ้วยสักรายการถ้ามันทำได้แบบนั้นจะขายนักเตะกินผมก็ไม่ติดอะ

เอาง่ายๆก็มันเป็นแผนงานแบบใหม่ ไม่เหมือนในยุคเสี่ยหมีนั่นแหละ

จะดีหรือแย่ไม่รู้ เดาไม่ถูก แต่ที่แน่ๆคือไม่ใช่แผนที่ดีอย่างรวดเร็วแน่ๆ ไม่งั้นคงดีไปแล้ว

ชอบหรือไม่ชอบไม่รู้ แต่ต้องทำความเข้าใจว่ามันตั้งใจจะทำอะไรแล้วตัดสินมันตามแผนงานอะ

เช่น แผนงานคือปั้นเด็กใช่มั้ย ทุกวันนี้ผมก็ไปลุ้นเรื่องเด็กอัพเวลเป็นหลัก

ชอบโปรเจค มันนะ เหลือแต่ทำให้ได้ ซึ่งยากสุด จะไม่มีคนมาค้าน


ยอมเจ็บ ยอมรื้อกันใหม่2-3ปี สร้างระบบให้แข็ง ดีกว่าเดิม ทั้งค่าเหนื่อย การพัฒนาดาวรุ่ง ทั้งใช้เอง และทำกำไร


ขัดใจกับแฟนเชลซียุคเสี่ยหมี ที่มาแล้วปัง ต่อเนื่อง มีดรอปบางช่วง

ให้เวลา3ปี เคลีย นักเตะทั้ง deadwood ตัวให้เวลาแล้วไม่รุ่ง ตัวซีเนียร์ที่ค่าเหนือยสูง ตัวซื้อมาใหม่ใครไปต่อ ใครต้องขาย

ไอเดียดี แค่กระบวนการยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ หวังจะเป็นอย่างที่หวังนะท๊อด

ตอบแบบนักธุรกิจแหละ ต้องอดทนรอ รดน้ำต้นไม้ต้องรอวันมันเจริญงอกงาม ไม่ใช่จะรดวันนี้พรุ่งนี้ออกดอก

แต่ประเด็นคือแฟนบอลไม่ได้มีปัญหากับต้นไม้หรือวิธีการหรอก เขาน่าจะบอกว่า "คนสวน" ของทีมมันไม่น่าดูแลต้นไม้พวกนี้ได้ดีพอ

มันอาจเป็นต้นไม้ธรรมดา แต่ไม่ได้สวย ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่าง ปลูกกุหลาบได้แค่สีชมพูซีด ๆ แต่เป้าหมายคือกุหลาบแดงกลีบสวย

พิมพ์ไปพิมพ์มานึกว่าตัวเองอยู่บอร์ดจัดสวนให้ตายเหอะ 555

ดีอย่างนึงที่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่จะดีจริงหรือเปล่า

ไม่มีอะไรซับซ้อนถ้าภายใน 2-3 ปีนี้เชลซีกลับมาอยู่บนจุดที่เป็นได้
แสดงว่าสิ่งที่ท๊อดทำมาทั้งหมดคือถูกต้อง
ตอนนี้เจ้าตัวก็ยอมทนให้คนด่าไปก่อนเพราะผลงานมันเป็นแบบนี้
จริงๆโปรเจคมันโคตรน่าตื่นเต้นเลยนะ กลับการรื้อทีมใหม่แล้วหาดวงรุ่งเทพๆมารวมกัน
แต่ในความเป็นจริงก็อย่างที่เห็น ทีมเด็กมันไม่เสถียร คือมันต้องใช้เวลาเหมือนที่กูรูหลายคนบอกไว้
ตอนนี้ก็เหมือนจะเริ่มผลิดอกออกผลนิดๆนะ ผมนี่ตื่นเต้นกับทีมนี้ในฤดูกาลมากๆเลยครับ
แต่ตอนนี้ขออย่างเดียว ขอตัวเก๋าๆมาช่วยเด็กๆสัก คนสองคนหน่อย
เอาพวกที่มีภาวะผู้นำสูงๆแพสชั้นหนักๆแบบสมัย บัลลัค เทอรี่ ยิงดี

นั่นแหละ ประเด็นคือพวกทีมงานมันเอาอะไรมาอ้างอิงว่าไอแผนงานแบบนี้ทำแล้วมันจะสำเร็จ จะบอกว่า MLS American Game มันก็แปลกๆ Culture และ System มันต่างกันเกินไป กลับกันวิธีปกติที่ทำกันมัน Proof มาแล้วว่ามันได้ผลโดยเฉพาะกับเชลซีแต่อยู่ๆก็ทิ้งมันดื้อๆ แล้วไปเริ่มจากหนึ่งใหม่ ผมแค่งงวิธีวางโปรเจคเนี่ย มันเหมือนมันมาจาก Non-Football Person อะ แล้วผู้บริหารทีมเราหลายครั้งก็ชอบโชว์ความ Naive ของการบริหารทีมฟุตบอลออกมาซะด้วย โปรเจคนี้เอาจริงสิ่งที่การันตีเลยคือไม่ขาดทุนแน่ๆสำหรับที่ลงทุนไปกับนักเตะเด็กๆ แต่ด้านความสำเร็จคือ 50-50 เลย ส่วนตัวคิดว่า at some point ก็ต้องไปเอาวิธีแบบเก่าๆมาช่วยถ้าหวังจะประสบความสำเร็จ เรื่องเซ็นนักเตะมี ปสก มีอายุ etc. ยกเว้นแจ๊คพ๊อตแตกได้แบบพาลเมอร์มาอีกคนสองคน

สไตล์นักลงทุนอเมริกาชัดๆ ประมาณว่า trust the process ที่นักลงทุนในแฟรนไชน์ พวก nba bfl mlb เค้าใช้กัน มี ผอ มี ประธาน มีบุคลากรเป็นสัดส่วนตามหน้าที่ ซึ่งแต่งตั้งตำแหน่งขึ้นมาเยอะมาก ต่างจากยุคเสี่ย แต่ยุคนี้ก็ยังทุ่มอยู่นะ แต่แนวทางเปลี่ยนทุ่มเพื่อนอนาคตแล้วใช้ได้ยาวๆ ไม่ได้ทุ่มเพื่อ win now แต่ทุ่มเพื่อ win แต่ไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่สิ่งที่น่าจะเปลี่ยนไปคือภายนอกสนามแบรนดิ้ง จะดูดูทันสมัยมากมี ดูได้จากเข้ามาปั๊ปปรับปรุงสนามให้ดูดีขึ้น มีการเค้าตัวอักษรขึ้นไปประดับบนหลังคาสนาม ภายนอกมีการทำใหม่ให้สวยขึ้น ผมว่าระยะยาวเรื่องของการทำแบรนด์น่าจะดี แต่ความสำเร็จนี่สิ ปัญหาหลายปีมานี้เชลซีเป็นทีมที่ต้องประสบความสำเร็จตลอดเวลา และย้ำว่าต้องประสบความสำเร็จด้วย แฟนบอลเลยไม่ชินกับแนวทางทีมตอนนี้ ได้แต่ภาวนาว่าแนวที่ทำอยู่ตะต่อยอดสโมสรให้เป็นยอดทีมและได้แชมป์เท่านั้น เพื่อยังคงmentality แชมป์ไว้