วิศวะเป็นอาชีพที่ฝันของเด็กไทยหลายคน ยิ่ง 10 - 20 ปีที่แล้วบูมมากตีคู่กับหมอเลย มีสายโยธา คอมพิวเตอร์ ไฟฟ้า เครื่องกล ฯลฯ ส่วนทนาย ไม่ใช่อาชีพในฝันของเด็ก เพราะไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนตอบว่าอยากเป็นทนาย แต่กลับมีคนเป็นกันเยอะ บางคนถึงขั้นเรียนนิติศาสตร์ใบที่ 2 เพื่อเอาตั๋วทนาย ถ้าตัดสอบข้าราชการ

คิดว่าอาชีพไหนภาพรวมดีกว่าด้านเงินด้านทองครับ

ถ้าไปสุดสายอาชีพมีความสามารถจริง สองอาชีพนี้ก็เงินดีทั้งคู่นะครับ แต่ถ้าเอาแบบมาตราฐานของอาชีพ ผมว่าวิศวะดูดีกว่า

วิศวะ ต้องได้ภาษา ถึงจะรุ่งเร็ว

ขอตอบวิศวะ จั๊บ เพราะ มันหลากหลายกว่า จบ คอมก็รวยหน่อย จบสายอื่นก็พออยู่ตัว

วิศวะ ผมว่าตอยอด ได้ดีกว่า หลากหลายกว่า ถ้าได้ภาษา และ มีเทคโนโลยี ผมว่าไปได้ไกลและกว้างมาก

วิศวะ ถ้าไม่รับราชการ ก็คือเบ๊เงินเดือนสูงหน่อยแค่นั้นเองคับ ได้ดิบได้ดีหน่อยคือขึ้นไปเป็นฝ่ายบริหาร
แต่ถ้าเป็นทนาย อาจจะข้ามไปเล่นการเมืองได้ง่ายๆ
แต่ถ้าให้สรุป ผมว่าแรกๆ วิศวะดีกว่า ถ้าเติบโตไปเรื่อยๆ ทนายก็ไม่เป็นรองวิศวะแล้ว
ใดๆเลยก็คือ ความทะเยอทะยานของแต่ละคน ไม่ว่าอาชีพไหน
ปล.ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ

ตอบแบบกลางๆครับ ถ้าเก่งจริงและไปได้สุด ผมว่ารายได้ดีทั้งคู่ครับ

สองอาชีพนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิงในเรื่องวิชาการ (คนจะเป็นวิศวะได้ต้องเก่งฟิสิก คณิตบลาๆ ส่วนทนายต้องท่องจำ อ่านหนังสือ และเอามาประยุกต์ พูดง่ายๆคือจะเก่ง+ดังได้ต้องหัวหมอด้วย)

วิศวะละกัน สายเทคถ้าไปได้สุดกว่า ยังไงก็ ceiling สูงกว่านะ

ผมทำงานด้านกฎหมายนะ

ผมคิดว่าถ้าเทียบค่าเฉลี่ยการประสบความสำเร็จของทั้งสองอาชีพ ผมว่าวิศนะนำไปมาก

ถ้าไต่จุดสูงสุดของอาชีพแน่นอนว่าทั้งสองอาชีพรวยไม่ต่างกัน แต่ถ้าภาพรวมผมมองว่าวิศวะรุ่งกว่า

สายกฎหมายนี่คู่แข่งเยอะ ลงแรงเยอะมากกว่าจะเรียกค่าตัวได้สูง แถมผู้บังคับใช้กฎหมาย (ทั้งนิติบัญญัติและตุลาการ) ศักดิ์สิทธิ์แล้วมีมาตรฐานมากกกกกก เห็นได้ว่าตัวแปรที่ทำให้งานทนายสำเร็จมันมีเยอะ มันไม่ได้พึ่งพาแค่ความสามารถตัวเองอย่างเดียว

อีกอย่างแม้กระทั่งลูกความบางคนก็ต่อราคาจนน่าเกลียด เห็นว่างานให้คำปรึกษาไม่กี่นาทีทำไมถึงเรียกแพง หน่วยงานที่ควบคุมดูแลทนายก็ไม่ได้ช่วยให้อาชีพนี้มีมาตรฐาน น่าเคารพนับถือสักเท่าไร ตีกันออกทีวีไม่เว้นแต่ละวัน

ลองมองในมุม ถ้าทำงานไม่ตรงสายนะครับ

ดีกรีวิศวะ มันไปได้หลายทาง กว้างกว่าการจบนิติฯ เยอะเลย

ทนายครับ พูดแรงๆเลยวิศวะได้แรงอวย เริ่มต้นดูดี ปลายทางทนายโยกได้แบบสุดกว่า วิศวะบางคนเงินดีแต่เบ๊ตลอดชีพ กว่าจะได้เป็นนายนู้นอ่ะบางคนปลายทางแล้ว

ผมมีเรื่องแชร์ให้ฟังครับ

ผมเรียนวิศวะ เรียกว่าเรียนมาจนสุด จบมาจากเมืองนอก เมืองนา หลังจากวันเวลาผ่านไปมีการนัดเลี้ยงห้องสมัยมัธยม เพื่อนเก่าๆ มีอายุกันแล้ว มีหน้าที่การงานที่หลากหลายแตกต่างกัน ผมก็ไปเจอเพื่อนเก่าคนนึง เมื่อก่อนเรียกมันว่าไอ้เปี๊ยก เพราะตัวมันเล็กๆ ไม่หือ ไม่อือ อะไร ตอนจบม.6 ไอ้เปี๊ยกสอบเข้าเรียนนิติที่มหาวิทยาลัยแถวสามย่าน ส่วนผมสอบเข้าไปเรียนวิศวะฝั่งธน ในตอนนั้นผมรู้สึกว่า เออกูเก่งกว่า กูเรียนวิศวะ กูใส่เสื้อช็อปเท่ๆ คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยกูสูงกว่า

พอตอนมาเจอกันตอนเลี้ยงรุ่น มันทำให้ผมรู้เลยว่า เมื่อก่อนสิ่งที่ผมคิด ผมรู้สึก แมร่งโคตรเด็ก (อันที่จริงก็คิดได้นานแล้ว แต่เหตุการณ์นี้เป็นการตอกย้ำ) เพราะตอนที่เจอกัน ไอ้เปี๊ยกเป็นอัยการ ทำงานที่อัยการสูงสุด ตำรวจเจอนี่คือ ท่านครับ ท่านครับ ส่วนผมเรียนมาแทบตาย สุดท้ายยังเป็นคนสอนให้คนเป็นวิศวกร เป็นพนักงานในมหาวิทยาลัยธรรมดาคนนึง 5555

มันสอนให้ผมรู้ว่า แต่ละสาขาอาชีพมีเส้นทางของมัน มีบทบาทและหน้าที่ของมัน และเราไม่สามารถจะไปเปรียบเทียบ หรือดูถูกอาชีพไหนได้เลย แม้แต่ รปภ หรือ แม่บ้าน หรือ อาชีพอื่นๆก็ตาม ทุกคนมีหน้าที่ มีความรับผิดชอบที่มีความสำคัญที่แตกต่างกันออกไปครับ

ส่วนคนเก่งน้อยสุดในรุ่น ตอนนี้เป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลแห่งหนึ่ง มีบริษัทรับเหมาระดับร้อยล้าน

วิศวะนอนกลับสนิทกว่าสายนิติแน่นอน เป็นอัยการ ผู้พิพากษา โดนกดดันเรื่องคดีจากผู้ใหญ่ที่มาแทรกแซงเยอะ

วิศวะต้องรู้จักทางโยกข้ามสาย ต้องทำงานบริหารได้ ถ้าคิดว่าจะไปตรงสายงานวิศวะอย่างเดียว มันก็คือลูกจ้างธรรมดาๆคนนึงและตันเร็วอีกต่างหาก