ปั่นตั้งแต่ต้นทางยันคอมเมนท์เลยล่ะครับ ทั้งเฟส ทั้งทวิต เหยียด ด่า ใส่ร้าย เต็มไปหมด ไม่ต่างกันไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของโลก

ผมว่าเป็นเรื่องน่าเศร้านะครับ ดูจากอะไรหลายๆ ที่กำลังเปลี่ยนไป อุณหภูมิเอย ภัยพิบัติจากธรรมชาติเอย แล้วสัตว์ป่าต่างๆ ก็ต้องตายหรือสูญพันธุ์ไป ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ดูจากอุณหภูมิในอดีตจนถึงปัจจุบันก็ขำไม่น่าออกแล้วครับ แล้วอนาคตจะอยู่กันได้ยังไง??? ซึ่งปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า มันเกิดจากฝีมือมนุษย์อย่างเราๆ

ผมสิงที่ 9gag นานพอๆกับสิงที่ SS

คอมเม้นต่างประเทศก็เกรียน แต่ภาษาเขามันหยาบได้เท่านั้นไม่เหมือนเรา

แต่การแสดงความรู้สึกไม่ได้หมายถึงตัวตนจริงๆของเขา

อย่างโลกร้อน กดเศร้าแล้วทำอะไรได้บ้างนอกจากซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเอง แต่กระทำย้อนแย้งยังช่วยกันสร้างสภาวะโลกร้อนด้วยการขับรถน้ำมัน บริโภคเนื้อสัตว์ ที่พวกสัตว์เลี้ยงในฟาร์มก็ปล่อยก๊าซออกมามหาศาล

บางคนมันแค่รู้สึกซับซ้อน ตนเองทำอะไรไม่ได้ ก็อาจจะกดตลกไปก็เป็นได้ เขาอาจจะตลกตนเองที่ทำอะไรให้มันดีขึ้นไม่ได้

funny memes climate change

พิมพ์แค่นี้ก็ขึ้นมาเต็มแล้วครับ อย่าด่าคนไทยอะไรขนาดนั้น

ไม่ต่างกันหรอกครับ

หนักกว่าแต่ shitposts ฝรั่งอ่านแล้วสนุกกว่า

เป็นเหมือนกันทุกที่ครับ ผมเคยแบ่งประเภทด้วยตัวเองเล่น ๆ ตอนทำวิจัยเรื่อง Cyber Bullying

1. เลเวล 1 คือเห็นโซเชียลเป็นสวนสนุก เชื่อทุกอย่าง ตามน้ำทุกเรื่อง อะไรที่เห็นในนั้นคือของจริง
2. มาเฟียโซเชียล เช่น พวกที่ไม่พอใจใครก็เอามาด่าเอามาปั่นให้คนเกลียด ไม่ว่าจะคนหรือของ เรื่องของตัวเองหรือไม่ก็จะด่าไว้ก่อน พูดง่าย ๆ คือตั้งใจใช้สื่อเป็นเครื่องมือโจมตีคนที่แตกต่างจากตัวเอง
3. สายมีม ก็จะพวกที่ไม่ว่าจะเจอประเด็นอะไรก็จะเล่นมีมท่าเดียว รวมถึงการกดขำทุกข่าวผมก็นับรวม
4. เกรียนคีย์บอร์ด ก็ตามชื่อครับ มีมาแต่ยุคแรกเริ่มอินเตอร์เน็ต จะทำอะไรเรียกร้องความสนใจและหายตัวไปหลบซ่อนหลังจอคอม ปล่อยคนมาเต้นกัน
5. สายอัพเวลคนดี สายนี้วัน ๆ จะไล่ด่าคนที่เป็นประเด็น เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ไม่ได้พลาดจะพูดอะไรก็ได้ เหยียบย่ำคนที่พลาดด้วยคอมเม้นท์แนวรู้จักชีวิตคนอื่นหมดจด ส่วนมากจะคอมโบกับประเภทในข้อ 2
6. สายอ่าน สายเสพ พวกนี้คือติดตามอย่างเดียว แต่ไม่ได้ออกความเห็น ออกตัวอะไรลงโซเชียล เพราะอาจโดนคนในข้อต่อไปเล่นงาน
7. สายแคป ต่อยอดมาจาก 2 กับ 5 คือไม่ถูกใจอะไรจะแคปมาประจาน ถ้าคนเห็นด้วยก็ยืด ถ้าทัวร์ลงก็ลบ และหลบไปซ่อนสักพัก
8. สายปั่น เราจะไม่รู้ว่าจริง ๆ บางคนคิดอะไร แต่เขาจะลงมายั่วยุ ปั่นประสาท คนที่เล่นตามเกมตามน้ำ

จริง ๆ ผมแบ่งเยอะมาก แต่มันแค่เป็น Papers ที่ผมไม่ได้เอามาต่อยอดอะไร เพราะก่อนทำวิจัย ก่อนอ่านทบทวนวรรณกรรม ผมเคยลองใช้ข้อสังเกตของตัวเองแบ่งไว้

สรุปคือ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนใช้สื่อไปในทางไหนครับ บางคนก็แค่ไว้อ่าน ไว้ตาม บางคนก็เอาไว้บันเทิงตัวเอง แซวคน แซะคน ปั่นดราม่า ตอนนี้มันไปไกลมากแล้ว คนกล้าแสดงความเห็นตัวเองมากขึ้นเพราะพื้นที่และแพลทฟอร์มมันเยอะไปหมด

ต่างกับยุคเว็บบอร์ดที่คนเข้าถึงจะน้อย ป่านนี้น่าจะ 25+ กันหมดแล้วด้วย

อีกอย่างยุคนี้จำนวนในเน็ตมันสามารถตัดสินถูกผิดให้คนส่วนใหญ่ได้เลย แต่จะบอกว่าตัดสินชีวิตได้ด้วยก็ไม่เกิน เพราะลองเป็นข่าวสักครั้ง ยังไงคนครึ่งนึงก็เห็นแน่นอนครับ

ถ้าให้ออกความเห็นแค่เฉพาะในบ้านเรา ผมก็คิดว่ายาก เพราะลำพังเวลามีข่าวแนววิทย์ หรืออะไรที่เป็นเรื่องความรู้ คนส่วนมากก็เข้าไปปั่นไปเล่นกัน

ดั่งเช่นคนไทยที่ดังจากการไปเกรียนใน Live ของ NASA นั่นแหละครับ นึกสนุกอย่างเดียว เป็นคนชิล ๆ

ผมเลิฟความเห็นนี้เลยครับ อธิบายทุกอย่างด้วยหลักการและเหตุผล แถมทำให้ผู้อ่านเข้าใจสังคมของโซเชียลได้มากขึ้น วิจัยที่ท่านทำ ถือว่าดีมากๆ ครับ

พวกฝรั่งปั่น ๆ แม่งเยอะกว่าไทยเยอะ

แม่ง make fun กันได้ทุกเรื่องอะ ขนาดก่อการร้ายมันยังเอาไป make fun กัน

มนุษย์ คือมนุษย์ครับ

ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก