เอ็ดเวิร์ด เคยเลือก คลอปป์ มาเองกับมือ ก่อนมาก็น่าจะคุยกันเรื่องระบบทำงานพอสมควร ใครมีหน้าที่ทำอะไร
เวลาผ่านไป ฝ่ายหลังอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเอ็ดเองต้องไป

กลับมารอบ 2 ด้วยโครงสร้างใหม่ และตำแหน่งใหญ่กว่าเดิม

ท่านคิดว่า ในใจเอ็ดจะมีซักนิดมั้ยที่คิดว่าต้องเลือกโค้ชใหม่ที่ฝีมือดี แต่ต้องไม่มี ”บางอย่าง” มากเกินจนทำให้คนๆนี้ทำลายระบบการตัดสินใจที่ตัวเองสร้าง พังไปอีกรอบ

ปล.ส่วนเรื่องจะพลาดซ้ำ 2 ในเรื่อง ปู่รอย รอดเจอร์ มั้ย ก็น่าสนใจเหมือนกัน

ผมว่าประสบการณ์ทำให้เราโตขึ้นมากกว่า รอบที่แล้วอาจจะคุยกันไม่ชัดเจนเรื่องการต่อสัญญานักเตะ รอบนี้อาจจะรัดกุมขึ้น มีแนวทางชัดเจนว่าตัวไหน 30+ แล้วเรื่องสัญญาจะจัดการยังไง ถ้าจะต่อไม่ต่อต้องมีเงื่อนไขอะไร อาจจะชัดเจนขึ้น มั้งนะ

ปู่รอยมาคุมเดือน ก.ค. ปี 2010
FSG มาเทคทีมเดือน ต.ค. 2010 แล้วหลังจากนั้นไล่ปู่รอยออกนี่ครับ

จำผิดขออภัยครับ ช่วงนั้นไม่ค่อยดูบอล 555

เอ็ดตอนใช้ระบบ transfer committees(ยุครอดเจอร์) เป็นแค่เฟืองในระบบเฉยๆครับ dof โคมอลลี่มั้ง

ตอนคล็อปมานู่น ถึงได้เป็น dof จริงๆ

ผมมองว่าสถานการณ์ต่างกันนะ

สมัยคุยกับคลอปป์ profile ของคลอปป์อยู่เหนือกว่า candidate ตัวเลือกทุกคนในครั้งนี้ซะอีก (แชมป์บุนเดส 2 สมัย เข้าชิง UCL)

ดังนั้นอำนาจต่อรองของคลอปป์สูงอยู่แล้ว ทำนองว่าต้องการแบบไหนก็ต้องยอมตามใจหน่อย ซึ่งคลอปป์ก็โอเคกับทิศทางของสโมสร

และแกก็ย้ำ ณ ตอนนั้นเองว่าอำนาจสุดท้ายในการตัดสินใจเรื่องผู้เล่น (เอา/ไม่เอา) จะอยู่ที่แก ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

แต่คลอปป์เองก็เป็นประเภท compromise กับทีมงาน คือตัวเลือกแรกไม่ได้ ตัวเลือก 2-3 ที่เสนอมาแกก็โอเค ไม่คัดค้าน ไม่ปฏิเสธ

เรื่องที่(น่าจะ)แตกหักกันไม่ใช่เรื่องการซื้อผู้เล่น แต่กลับเป็นเรื่องการต่อสัญญานักเตะเก่า ซึ่งผมก็เข้าใจทั้ง 2 ฝั่งนะ

ฝั่งเอ็ดมองถึงฟังก์ชั่นในสนามเป็นสำคัญ เมื่อทีมวิเคราะห์แล้วว่านักเตะคนนี้หมดสภาพ, ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะเล่นให้ทีมได้ก็ควรปล่อย

ส่วนคลอปป์แกเป็นเฮดโค้ช แกมีมุมมองมากกว่านั้น ไม่ใช่แค่ความสามารถในสนาม แต่ความเป็น role model ของนักเตะก็สำคัญ

ผู้นำนอกและในสนาม มีส่วนช่วยเรื่องฟอร์มการเล่น หรืออย่างน้อยๆก็ช่วยแกเองในการบริหารทรัพยากรบุคคลของกีฬาประเภททีม

(ขอพาดพิงนิดนึง ผมว่าเชลซีเป็นทีมที่ขาดนักเตะประเภทผู้นำ คือแต่ละคนดีกรีก็ไม่ธรรมดา แต่พอลงสนามกลับฟอร์มสวนทาง)

อย่างมิลเนอร์ที่คลอปป์รักมาก แกแทบจะเป็นผู้ช่วยนอกสนาม เป็นพี่เลี้ยงให้น้องๆ ซึ่งพวกนี้ไม่มี index วัดค่า แต่โค้ชต้องการ

สุดท้ายเมื่อขัดแย้งความเห็นไม่ตรงกัน ก็เลยต้องมีคนนึงออกไป ไม่มีใครผิดใครถูก สโมสรก็เดินหน้าต่อ

กลับมาที่เรื่องที่การคัดเลือก ผจก. ผมว่าครั้งนี้ ถ้ามีตัวเลือกระดับแค่นี้ ก็อาจจะไม่ได้ตามใจมากเหมือนสมัยตอนคุยกับคลอปป์

อย่างอำนาจการตัดสินใจ ก็อาจจะใช้โมเดลลีคอื่นๆ ที่ให้ DOF เป็นคนจัดการเรื่องผู้เล่น ผจก.แค่บอกสเปค หรือมีส่วนร่วมนิดหน่อย

ซึ่งเป็นข้อตกลงกันตั้งแต่ก่อนเซ็นสัญญาร่วมงานกัน ผจก.ใหม่ก็คงต้องรับกันให้ได้ตั้งแต่เริ่ม ใครรับไม่ได้ก็หาตัวเลือกอื่นต่อไป


ปล. ของปู่รอยนี่ จำได้ว่ามาสมัย 2 ปลิงฮะ ไม่น่าจะมาจากการคัดของ FSG ส่วน BR มาก่อนที่เอ็ดจะเป็น Sporting Director

ไม่มีไรหรอก มืออาชีพ ทำงานแลกเงิน (ซึ่งเยอะด้วย ด้วยความรู้ ความสามารถ และ ความเสี่ยงในการตัดสินใจ)

คนที่มีข้อมูลมันก็ตัดสืนใจตามข้อมูลที่มี

ปล. เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครจะเป็น ผจก ในฤดูกาลหน้า