จากข่าว หงส์แชมป์ 'พักน้อยสุดระหว่างเกม'
พอดีเห็น SS แปลข่าวมา
กรอบ...หงส์แชมป์ 'พักน้อยสุดระหว่างเกม'
ซึ่งผมได้อ่านบทความต้นทางของ Opta มาพอดี เลยคิดว่าสาระสำคัญของบทความไม่ได้ถูกกล่าวถึงเลยในข่าวที่แปลมา เลยอยากมาเล่าให้ฟังครับ
บทความจาก Opta Analyst
ประเด็นมันเริ่มจากหลังจากที่ซิตี้ชนะเชลซีใน FA Cup เป๊ปก็สัมภาษณ์ว่ามันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่เราต้องมาเตะวันเสาร์ทั้งๆที่พึ่งเตะ UCL กับมาดริดมา มันไม่ดีต่อสุขภาพของผู้เล่น
“It’s unacceptable to let us play today,”
“It’s impossible, for the health of the players. It’s not normal."
ซึ่งมันก็มีกระแสโจมตีเป๊ปมากมายว่าซิตี้เองมีผู้เล่นดีๆให้ใช้ตั้งเยอะ และถ้าเลือกจะเอาทุกถ้วยก็ต้องเตะเยอะแบบนี้อยู่แล้วสิ
หลังจากนั้นก็เป็นคิวของอาเซนอลที่ต้องไปเยือนวูลฟ์ หลังจากเตะ UCL พร้อมๆกับซิตี้มา ซึ่งอาเตต้าก็ให้สัมภาษณ์ทำนองเดียวกันว่ามันไม่เกี่ยวกับตัวเขา อาเซนอล หรือเป๊ป แต่เป็นเรื่องสุขภาพของผู้เล่น
“It’s not about us, Pep or myself, it’s about the wellbeing of the players,”
ซึ่งอาเตต้าก็โดนกระแสไปคล้ายๆเป๊ปเหมือนกัน
แต่การที่กุนซือสองคนอย่างเป๊ปและอาเตต้าออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้ในอาทิตย์เดียวกับที่ FA Cup จะมีการยกเลิกนัดรีเพลย์ในฤดูกาลหน้า ทำให้เรื่องจำนวนนัดที่มากเกินไปและสุขภาพของผู้เล่นเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง
ซึ่งจริงๆมีข้อเสนอแนะที่แตกต่างกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็จะโดนต่อต้านจากผู้ที่ชอบฟุตบอลอังกฤษแบบเดิมๆ ในขณะที่ยังมีคนที่ยังอยากให้เก็บภาพรีเพลย์เอฟเอคัพไว้อยู่ การยกเลิกลีกคัพเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีในการลดโปรแกรมการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะมีการแข่งถ้วยในประเทศเพียงรายการเดียว แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะผู้คนในอังกฤษดูเหมือนจะไม่ชอบแนวคิดนั้น
ซึ่งต่อไปในบทความมีการพูดถึงกรณีที่ฝรั่งเศสมีการยกเลิกบอลถ้วยในประเทศไปถ้วยนึง (Coupe de la Ligue) เมื่อปี 2020 และลดจำนวนทีมในลีกเอิงเหลือ 18 ทีม อาจจะเป็นผลที่ทำให้เปเอสแชและมาร์กเซย์ยังอยู่ในเส้นทางยุโรปตอนนี้
นอกจากนั้น อีกสาเหตุที่อาจจะส่งผลต่อฟอร์มของเปเอสเชและมาร์กเซย์คือผู้จัดลีกเอิงมีการขยับหรือเลื่อนโปรแกรมการแข่งขันให้กับทีมที่ได้ไปเล่นถ้วยยุโรป เพื่อที่ทีมเหล่านั้นจะได้มีเวลาเตรียมทีมได้เต็มที่และทำผลงานได้ดีในฟุตบอลยุโรป ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลกับทีมอื่นๆในลีกเอิง และทุกๆก็ทำเพื่อให้ทีมใหญ่ได้ไปทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศ
และบทความยังบอกอีกว่าการเลื่อนโปรแกรมการแข่งขัน เช่นขยับมาเตะวันศุกร์ และได้พักเสาร์อาทิตย์เต็มๆ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในบุนเดสลีก้าและซีเรียอาเช่นกัน
แต่บทความก็กล่าวต่อไปด้วยว่า ทั้งนี้ทางฝั่งอังกฤษเองคงจะทำแบบฝรังเศส เยอรมัน หรืออิตาลีไม่ได้ เพราะถ้าเลื่อนโปรแกรมมาเตะวันศุกร์ นั่นก็หมายความว่าเค้าจะได้พักจากโปรแกรมลีกกลางสัปดาห์แค่ 2 วัน ซึ่งก็ไม่ดีกับทีมที่โดนเลื่อนอีก
(หลังจากนั้นบทความก็พูดถึงเรื่องสถิติ ฯลฯ)
จนมาสรุปว่า ถ้าการยกเลิกลีกคัพทำไม่ได้ บางทีการลดจำนวนทีมในพรีเมียร์ลีกเหลือ 18 ทีม อาจจะจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง UCL ปีหน้าที่จะมีเกมเตะมากขึ้น
... ประมาณนี้ครับ
ส่วนตัวผมคิดเอาเองว่า ทาง Opta จับประเด็นเรื่องที่เป๊ปกับอาเตต้าสัมภาษณ์ บวกกับที่คล๊อปเองก็บ่นๆมาตลอดเรื่องโปรแกรม เลยไปขุดสถิติมาเขียนบทความดู แล้วก็พบว่าลีกอังกฤษโปรแกรมมันแน่นไปจริงๆ รวมถึงและไม่สามารถขยับโปรแกรมเอื้อให้ทีมที่ไปเล่นบอลยุโรป
ซึ่งไม่ว่าพักมากพักน้อยจะมีผลหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ทีมจากอังกฤษก็กระเด็นตกรอบกันหมดแล้ว และเสียโอกาสที่จะมีทีมที่ 5 ที่จะได้ไปเล่น UCL ไปในเวลาเดียวกัน
และผมว่าผลงานทีมชาติอังกฤษในบอลโลกและบอลยูโรเนี่ย บางทีอาจจะโดนผลกระทบจากโปรแกรมถี่ๆกันบ้างไม่มากก็น้อยแหละ ต่อให้เทพแบบไรซ์หรือโฟเด้น แต่ถ้าเตะโปรแกรมแน่นๆทั้งปีแล้วไปเตะทีมชาติซักรายการ จบแล้วก็กลับมาอัดๆอีกรอบ น่าจะต้องเป็นยอดคนมากๆถึงจะรักษาฟอร์มได้คงเส้นคงวาตลอด
ปล. ในบทความมีสถิติการใช้ผู้เล่น 11 คนแรกของทีมใน EPL ด้วย
ทีมที่เปลี่ยน 11 ตัวจริงมากสุด 3 อันดับคือ
1. ลิเวอร์พูล เฉลี่ยเปลี่ยน 5 คนต่อเกม
2. ไบร์ทตัน เฉลี่ยเปลี่ยน 4.6 คนต่อเกม
3. แมนซิตี้ เฉลี่ยเปลี่ยน 4.2 คนต่อเกม
ส่วนทีมที่เปลี่ยน 11 ตัวจริงน้อยที่สุด 3 อันดับคือ
1. เอฟเวอร์ตัน และคริสตัลพาเลซ เฉลี่ย 2.1 คนต่อเกม
2. สเปอร์ เฉลี่ย 2.2 คนต่อเกม
3. แมนยู และเบรนท์ฟอร์ด เฉลี่ย 2.3 คนต่อเกม