ที่น่าสนใจคือ คอนเฟอเรน ได้เงินน้อยมาก แต่ถ้า เชลซี ได้ไปต้องทำการเงินให้อยู่ในกฎ FFP ของ ยูฟ่า ซึ่งยากกว่า PSR ของพรีเมียร์ลีก

เพราะวิธีคิดค่าตัดจำหน่ายของยูฟ่าเขาแก้กฎให้ลงบัญชีได้เต็มที่แค่ 5 ปี ตั้งแต่ตลาดซัมเมอร์ต้นฤดูกาลนี้เลย แต่ของพรีเมียร์ลีกพึ่งมาแก้ตอนตลาดมกราที่ผ่านมานี่เอง

เพราะงั้นถ้า เชลซี ไปเตะบอลยุโรปถ้วยไหนก็ตามดีลที่ซื้อตอนต้นฤดูกาล 2023-24 ( พวก ไคเซโด้ , ลาเวีย , แจ๊คสัน , ดิซาซี่ , พาลเมอร์ , ซานเชส , เปโตรวิส แล้วก็พวกดาวรุ่ง ) จะต้องหารค่าตัดจำหน่ายแค่ 5 ปี แทนที่จะหารตามจำนวนปีที่เซ็นสัญญา ( ส่วนมาก เชลซี เซ็น 7-8 ปี )

ทำให้ค่าตัดจำหน่ายของ เชลซี ในทางกฎของยูฟ่าเนี่ยจะเพิ่มขึ้นเยอะมาก

เช่น ดีล ไคเซโด้ เงินต้น 100 ลป ( แอดออน 15 แต่แอดออนยังไม่นับ ไว้ทำได้ ต้องจ่ายถึงจะลงในบัญชี )

- คิดในกฎ PSR ของพรีเมียร์ลีก = 100 หาร 8 = ลงค่าตัดจำหน่ายปีละ 12.5 ลป ไป 8 ปี

- คิดในกฎ FFP ของยูฟ่า = 100 หาร 5 = ลงค่าตัดจำหน่ายปีละ 20 ลป ไป 5 ปี

เพราะงั้นค่าตัดจำหน่ายรายปีของ เชลซี ในฤดูกาลนี้ในการนับแบบของยูฟ่าจะเพิ่มขึ้นเยอะมาก

ถ้าได้ไปเตะบอลยุโรปก็ต้องขายนักเตะหาเงินเคลียร์บัญชีให้ไม่ผิดกฎเพื่อที่จะได้ไปเตะบอลยุโรปของยูฟ่าได้ แต่ คอนเฟอเรนท์ มันคุ้มพอที่จะต้องมาเร่งหาเงินเพิ่มเพื่อให้ได้ไปเตะมั้ย อันนี้ทางสโมสรอาจจะมองว่าไม่ก็ได้ ถ้ามองว่าไม่ก็อาจจะถอนตัว ไม่เร่งหาเงินให้ผ่านกฎยูฟ่า ยอมโดนแบนไม่ไปเลยก็ได้ เน้นขายนักเตะหาเงินแค่ผ่านกฎ PSR ของ พรีเมียร์ลีก พอ

อันนี้คือที่ผมเดานะ ในมุมมองสโมสรอาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็ได้