เห็นมหาลัยรัฐมีชื่อทั้งใน กทม. และม.ภูมิภาคชื่อดังส่วนใหญ่ออกนอกระบบกันหมดแล้ว เห็นก็แต่ราชมงคลกับราชภัฏที่ยังเป็นม.รัฐอยู่ ม.ราชภัฏสวนดุสิตพอออกนอกระบบก็ต้องเอาคำว่าราชภัฏออกจากชื่อมหาลัยกลายเป็นชื่อม.สวนดุสิตเฉยๆ การออกนอกระบบของมหาลัยรัฐมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างครับ แล้วทำไมราชภัฏกับราชมงคลพอจะออกนอกระบบต้องเอาคำว่าราชภัฏกับราชมงคลออกจากชื่อมหาลัยด้วย

รายได้เข้ามหาลัยมากขึ้น การบริหารจัดการรวบรัดขึ้น น่าจะประมาณนี้ แต่นักศึกษาก็มีรายจ่ายค่าเรียนค่าโน่นค่านี้เยอะขึ้นเหมือนกัน

ตามที่ผมเข้าใจ การออกนอกระบบเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการพัฒนา+สามารถจัดสรรงบได้เองได้ไม่ต้องมารองบจากส่วนกลาง หรือต้องทำตามนโยบายส่วนกลางครับ

แต่ที่ต้องแลกมาคือค่าเทอมของมหาลัยนั้นๆจะแพงขึ้น(อ้างอิงจากมหาลัยที่ผมเคยเรียนนะครับ) แต่ในทางปฏิบัติคือยังไงคนก็แย่งกันสอบเข้ามหาลัยกลุ่มนั้นอยู่ดี เรื่องค่าเทอมแพงขึ้นยังไงก็ไม่ได้แพงขนาดมหาลัยเอกชนอะครับ


ส่วนมหาลัยในเครือ2มหาลัยที่ท่านกล่าวถึงนั้น ผมว่าเหตุผลหลักๆที่ยังไม่ออกนอกระบบกัน เพราะวิสัยทัศน์ของมหาลัยคือ เพื่อเป็นมหาลัยขยายโอกาสให้นักศึกษาในพื้นที่นั้นๆสามารถเรียนในจังหวัดของตนเองได้โดยไม่ต้องไปเรียนไกล(ในทางปฏิบัติคือ กลุ่มนักศึกษาที่ครอบครัวมีรายได้น้อยก็สามารถเรียนในเขตจังหวัดของตัวเองได้) การออกนอกระบบจะทำให้ค่าเทอมของมหาลัยนั้นๆแพงขึ้น

ผมเข้าใจว่าสวนดุสิตที่ยังคงสถานะ ม.รัฐ อยุ่น่าจะเพราะเรื่องของการ support นศ ในการกู้เรียน กยศ ด้วยหรือเปล่าครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าถ้าออกนอกระบบแล้วจะยังทำโครงการนี้ได้อยุ่หรือไม่ วานผู้รุ้อธิบายเพิ่มอีกทีครับ

ปล. ผมจบสวนดุสิต comsci รหัสปี49 กู้ กรอ เรียนด้วย จ่ายทุกเดือนไม่เคยขาด ปีหน้าหมดละ

ผมเข้าใจว่า มหาลัยจะได้ออกแบบหลักสูตรได้เอง และสามารถเปิด/ปิด ภาควิชาได้ตามความต้องการมหาลัย

เพราะถ้าอยู่ในระบบจะต้องเป็นไปตามนโนบายส่วนกลาง

สวนดุสิตออกนอกระบบไปนานแล้วครับ ผมดูในข่าวเพราะออกนอกระบบไปเลยใช้คำว่าราชภัฏนำหน้าชื่อมหาลัยไม่ได้ด้วย ตรามหาลัยอย่างเป็นทางการก็ไม่ใช้ตราราชภัฏแล้วครับ ส่วนเรื่องความต่างของม.รัฐในระบบกับนอกระบบผมยังงงๆอยู่เลยมาตั้งมู้ถาม

เก็บค่าหน่วยกิตได้มากขึ้น

คร่าวๆประมาณว่ามะก่อนมหาลัยมันจะสังกัดกระทรวง เวลาจะทำอะไรมันต้องใช้งบประมาณจากกระทรวง ก็คือปีๆนึงจะใช้จ่ายอะไรยังไงก็ทำเรื่องส่งไปส่วนกลางว่าจะใช้งบเท่านี้ๆๆ เหมือนหน่วยงานราชการอื่นๆ
ซึ่งพอเป็นงี้มันก็เลยเทอะทะ จะทำอะไรพัฒนาอะไรแต่ละทีก็ยากเย็นเหลือเกิน จะจ้างคน จะเอาออกก็วุ่นวายแบบราชการไทยอะ
เค้าก็เลยขอออกนอกระบบมาเป็นว่าหาเงินกันเอง เพื่อใช้ในกิจการงานของตัวเอง ไม่รองบส่วนกลางแระ (แต่รัฐก็ยังอุดหนุนบางส่วนอยู่นะ แค่ออกจากการบริหารแบบราชการอะ)
ก็นั่นแหละเลยมีหลักสูตรต่างๆโผล่มาเต็มไปหมด มีบริหารพื้นที่ให้เอกชนมาเช่า หรืออะไรพวกนี้เพื่อหาเงินเข้าม.

มหาวิทยาลัยสามารถหาเงินเข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการบริการทางวิชาการ ค่าหน่วยกิจ งานวิจัย การพัฒนาต่างๆ สินค้าที่มหาวิทยาลัยสร้างขึ้นขาย การให้เช่าส่วนใดส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย การจัดงานต่างๆ

ถ้าในระบบจะไม่สามารถทำได้

แต่ก็ยังของบต่างๆของรัฐบาลได้เช่นเคย เเละมีบุคคลากรบางกลุ่มที่รับเงินจากเงินงบประมาณแผ่นดิน