การรู้อายุการเก็บรักษาและการใช้ความเร็วสูงสุดที่ออกแบบมาของยางเป็นสิ่งสําคัญ

สิ่งที่เราควรรู้คือ

- อายุการเก็บของยางระบุด้วยตัวเลขสี่หลักบนผนัง โดยเลขสองหลักแรกระบุสัปดาห์ของการผลิต
และสองตัวสุดท้ายระบุปี

- ยางของคุณสามารถทนต่อแรงดันของความเร็วสูงเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้แค่ไหน มาดูกันตรงนี้




ตัว L หมายถึง สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 120 กม./ชม
ตัว M หมายถึง สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 130 กม./ชม
ตัว N หมายถึง สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 140 กม./ชม
ตัว P หมายถึง สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 150 กม./ชม
ตัว Q หมายถึง สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม
ตัว R หมายถึง สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 170 กม./ชม
ตัว H หมายถึง สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า 210 กม./ชม

ตอนแรกอยากจะบอกว่ารู้แล้ว แต่คิดอีกที มันมีคนไม่รู้เรื่องนี้เยอะมากๆๆๆๆๆๆๆ ไหนจะ load rating ความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง โดยเฉพาะคนใช้รถไฟฟ้า ควรรู้น้ำหนักรถตัวเอง เพื่อจะได้เลือกยางที่ถูก จะได้รู้ว่า ทำไมยางตัวที่รถให้มาบางยี่ห้อยางอะไรไม่รู้ แต่แพงกว่ายางทั่วไปที่เราใช้

ยางทั่วไปในท้องตลาดเริ่ม start ที่ตัว R
ดังนั้นก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ

ตัว R ก็วิ่งได้ 170 แล้ว
ถึงแม้แค่ R มันก็วิ่งเกิน 170 ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
แบบแช่เกิน 170 ไม่เกิน 20 นาที

นั่นหมายความว่า ถนนมันต้องโล่งจนสามารถขับที่ 180 ที่ความเร็วแช่ไว้ เกินกว่า 20 นาที
หาได้น้อยมากที่จะวิ่งได้แบบนี้

ยกเว้นคุณซื้อพวกรถสปอร์ตมาต้องการเอามาวิ่งซิ่ง แช่ระดับความเร็วเกิน 200 ยาวๆ

ส่วนน้ำหนักโหลดของยาง
ถ้าใช้ล้อเดิม ยางสเปคเดิมโรงงาน
ไม่ต้องห่วงมากนัก เขาออกแบบมารองรับ คิดเผื่อไว้หมดแล้ว
ยกเว้นไปเปลี่ยนล้อ เปลี่ยนขนาด size ยาง

ที่น่าเป็นห่วงคือพวกการเกาะถนน เวลาเจอน้ำมากกว่า
ทั้งสภาพยาง ความเก่า หรือบางรุ่น มันไม่สู้น้ำ

รถผมช่วงหน้าร้อนใส่ยาง V ส่วนหน้าหนาวนี่ไม่กล้าซิ่งมากอยู่ดี ใส่แค่ T