ถ้าสมมติผมได้เจอว่าที่ลูกเขย เต็มที่ก็คงจะถามแค่ว่าทำงานอะไร มีหนี้ไหมหนี้อะไรบ้าง พ่อแม่ทำงานอะไรหรือถ้าเกษียณแล้วเคยทำอะไรมาก่อน บ้านอยู่ที่ไหน อยู่กันยังไง คงเข้าใจฐานะทางสังคมคร่าวๆ

หรือถ้าสมมติเอาจนรู้ได้ว่าเขาเงินเดือนเท่านี้มีเงินเก็บเท่านี้มีหนี้แบบนี้ๆ ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะเอาตัวเลขที่จะเรียกมาจากไหน กี่เท่าของเงินเดือนกี่เปอร์เซนของเงินเก็บแบบนี้เหรอครับ มีมาตรฐานอะไรหรือคิดเอาเองโดยใช้ตัวเองเป็นตัวเทียบ หรือดูเอาจากคนรอบข้าง

สังคมผมก็มีนะเรื่องสินสอดเนี่ยแต่เห็นส่วนใหญ่ประเมินเอาจากมูลค่าลูกสาวตัวเองมากกว่า เช่นจบฬ.เท่านี้+อาชีพการงานดีก็บวกเพิ่มๆไป เรทก็แล้วแต่แต่มันยังเข้าใจง่ายว่าประเมินจากฝั่งตัวเอง

ปล.ไม่เกี่ยวกับคืนไม่คืนนะ ผมแค่อยากรู้วิธีประเมินตัวเลขที่จะบอกฝ่ายชายไป

ที่นี่ ss เห็นกระทู้เกี่ยวกับสินสอดบ่อยเหมือนกันนะ
ผช อย่างเราๆท่านๆคงไม่รู้หรอก
ถ้าท่านมีแฟนที่แพลนจะแต่งด้วย
อยากให้ลองคุยปรึกษาดู
ผญ นี่ล่ะ เค้าคุยกับพ่อแม่เค้าได้
ท่านอาจได้คำตอบที่ต้องการ

เท่าที่เข้าใจชาว ss ที่อยากเรียกสินสอด เพราะว่าเค้าไม่มั่นใจว่าคนที่ลูกสาวจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยจะดีจริงรึเปล่า
ก็คงคล้ายๆกับสัมภาษงานละมั้ง ท่านก็ต้อง present ตัวเองให้ได้ทำให้เค้ายอมรับ

ซึ่งค่าสินสอดที่คิดตามฐานะตามความเข้าใจ เริ่มแรกก็คงมาจากดูจากหน้าที่การงาน ฐานะทางบ้านตั้งเป็นโจทย์มาก่อน
ถัดมามันจะเป็นช่วงเจรจาละ ซึ่งหลายๆคนก็จะมาดูตรงจุดนี้ว่าฝั่งผู้ชายจะมีปฏิกิริยายังไง แล้วนิสัยจริงๆอาจจะเริ่มออก
ถ้ามีเหตุผลรองรับ มีการอธิบายที่ดี ว่าทำไม่ไม่สามารถจ่ายได้ด้วยเหตุผลอะไร มีภาระอะไร ไม่ตอบอะไรแบบงี่เง่า ไม่มีการวางแผนการใช้ชีวิตหรือพัฒนาตัวเอง เท่านี้ก็น่าจะได้รับการยอมรับได้ละ

แต่ว่าปัญหาสินสอดจะแก้ได้ง่ายเลยก็คือ ถ้าใครไม่อยากที่จะจ่ายค่าสินสอดก็แค่หาแฟนที่เค้าไม่คิดเรื่องนี้ก็แค่นั้น แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงว่าคนส่วนใหญ่เค้ายังคิดเรื่องนี้อยู่

ส่วนถ้าใครไปเจอบ้านไหนที่คิดค่าสินสอดงี่เง่าๆ ก็แนะนำว่าถอยออกมาเถอะ ไปอยู่ด้วยปวดหัวตาย

น้องที่ทำงานเล่าให้ฟังว่าพี่ชายไปแต่งสาวมาได้3เดือนเลิกกันซะงั้น เจ็บกว่าคือเจ้าสาวเอาเงินค่าสินสอดไปดาวน์รถใช้กับแฟนใหม่
แสบจัดเลย จะทวงก็ไม่ได้ให้เขาแล้ว

มันไม่ได้การันตี หรือรองรับ หรือทำให้แน่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว

คนใหญ่คนโต จัดงานสินสอด 10 ล้าน สุดท้ายก็เลิกกันก็มีเยอะแยะ

สำหรับผม ปลอมตั้งแต่งานแต่งละ

ผมงงมากว่าการประเมินใครสักคนผ่านเงินมันใช่คำตอบจริงหรอ ยุคสมัยแม้จะเปลี่ยน แต่การประเมินใครสักคนด้วยเงินเป็นหลักนี่ผมว่าแม่งโครตจะย้อนยุคเลย

ในทางกลับกัน กรณีที่ผู้ชายที่ไม่ต้องจ่ายค่าสินสอด ฐานะการเงินไม่ดี แต่งงานไปแล้วทำตัวไม่ดีนิสัยจริงออก สุดท้ายเลิกกันก็มีนะ

มันไม่มีตายตัว ในสังคมจะเห็นว่ามีตั้งแต่รวย ชห ไม่เรียกสินสอด vary ไปจนถึงเงินเดือนไม่กี่หมื่นสินสอดหลักล้าน

ขึ้นอยู่กับการตกลงของแต่ละคู่ละครอบครัวของทั้งคู่ แต่เวลาเขาอ้างเข้าผลประโยชน์ฝ่ายหญิงเขาจะอ้างจากภาพรวมที่เป็นไปได้ที่เกิดขึ้นในสังคมที่ผู้หญิงเสียเปรียบ อย่างถ้าผู้หญิงต้องออกงานมาเลี้ยงลูกล่ะ (แล้วคู่แต่งงานในคำถามนั้นฝ่ายหญิงได้ออกมาไหมล่ะหรือก็ทำงานอยู่)

หรือพอถ้าต้องเลิกกันแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่เป็น single mom (ขอถามกลับว่าถ้าผู้ชายเป็น single dad คุณเคยเห็นเขาคืนสินสอดให้ฝ่ายชายไหมในกะลาแลนด์แห่งนี้)

พวกนี้ถามไปจะใบ้แดรก พยามเรียกความเท่าเทียมกัน แต่แค่ผมหรือจขกท.หรือใคร ออกมาตั้งคำถามถึงความเท่าเทียมนี้แล้ว แม่งก็โดนตัดสินจากบางกลุ่มละ

อ่านเรื่อง prenup ใน reddit เมื่อวาน ทั้งที่เจ้าของโพสต์แนะนำว่าให้ทำทั้ง ญ ช นะ ยังโดน DM ด่าชห เลย แต่เป็นบริบทในสังคมสิงคโปร์ ที่เขาเห็นคู่เลิกกันแล้วฝ่ายชายเสียอะไรไปเยอะมาก บ้าน รถ ที่ยังผ่อนไม่หมดอยู่ก็เสีย และยังต้องผ่อนต่อ

สินสอดมันคือการต่อรองทรัพย์สินอย่างนึง ใครจะประเมินจากอะไรก็แล้วแต่จะดีลกัน
ไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัว

ผมไม่เสียสักบาทเลยครับ ท้อง 5555

ไม่รู้ดิ ถ้าเป็นผมผมไม่รู้สึกว่าผมมีหน้าที่ไปประเมินอะไรเรื่องนี้มั้ง
ถ้าจะดูคงดูในแบบตอนที่เค้ามีแฟน คงเป็นห่วงอยู่ห่างๆ คิดว่าตัวเองน่าจะเลี้ยงมาพอให้มีวิจารณญาณพอจะตัดสินใจอะไรเองได้ เรื่องเรียน เรื่องงาน ถ้าตัดสินใจเรื่องนี้เองได้ เรื่องคนจะมาแต่งงานด้วยก็น่าจะตัดสินใจเองได้เหมือนกันอะ ชีวิตเค้าทั้งชีวิต
ขอแค่อย่าทำร้ายร่างกายหรือจิตใจกันก็พอ ที่เหลือคงแล้วแต่ลูกประเมินเอง คนอยู่ด้วยกันไม่ได้มีแต่เรื่องเงิน คำว่าดูแลได้หรือไม่ได้มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียว ให้กำลังใจในวันแย่ๆ จับมือกันในวันลำบาก มองอนาคตที่มีกันและกัน อยากดูแลกัน อยากเห็นเค้ากินอะไรอร่อยๆ อยากเห็นเค้ามีความสุข อยากเห็นเค้ามีชีวิตที่ดีกว่านี้ เป็นห่วงตอนเค้าทำงานหนัก ช่วยทำงานบ้านเพราะไม่อยากเห็นเค้าเหนื่อย คอยดูแลกันตอนป่วยไข้ อยู่ด้วยแล้วใจฟู หัวเราะมากกว่าร้องไห้ เติมเต็มอะไรให้กันและกันได้
ถ้ามีทั้งหมดนี้ แล้วมาติดแค่ว่า ผมตัดสินแบบคนนอกเข้าไปว่าดูแลกันได้หรือไม่ได้จากการจ่ายสินสอดไหวหรือไม่ไหวคงไม่ใช่เรื่องอะ ก็ในเมื่อลูกผมประเมินมาแล้ว
แล้วสำหรับผมเองถ้าจะไปทำลายชีวิตคู่ของใครด้วยเหตุผลงี้ก็คงทำไม่ลงเหมือนกัน

ถ้าสุดท้ายลูกเลือกผิด เกิดไปเจอคนที่ดูแลเธอไม่ได้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ก็แค่เลิกแล้วกลับมาอยู่ด้วยกัน มันก็แค่นั้นเอง เพราะต่อให้มีสินสอดสุดท้ายถ้าอยู่ไม่ได้มันก็จบแบบนี้อยู่ดีไม่จำเป็นต้องฝืนอะไร ไม่ต้องห่วงหน้าตา เอาความสุขตัวเองเป็นหลัก เราก็แค่รอรับ เป็นแบ็คอัพให้เธอเฉยๆ หน้าที่ผมก็น่าจะมีแค่นี้แหละ

ประเมินจากฐานะบ้านเจ้าสาว และสินสอดของลูกสาวข้างบ้านที่แต่งก่อนหน้าไป
ส่วนมากเขาจะให้ลูกแต่งกับคนที่ฐานะใกล้เคียงหรือรวยกว่าเท่านั้นครับ

ปล.แถบ ตจว ทำแบบนี้ครับ

สูตรนี้ใช้กันเยอะครับ55555555555

ถ้าโดนถามมเพราะต้องประเมินฐานะ เหมือนโดน สภ. ไม่แต่งละครับ อยู่คนเดียวจนตายยังดีกว่า

ให้สิทธิ์ ลูกสาว เลือกจำนวนสินสอด เลย...


ถ้าลูกสาวบอก 5แสน ก็คือ 5แสน