ข่าวเอ็กซ์คลูซีฟจาก ไมค์ คีแกน



Mail Sport เข้าใจว่า เชลซี จะแต่งตั้งประธานสโมสรคนใหม่ในปี 2027 แทนที่ โบลี่ย์

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงพิเศษ เจ้าของร่วมสามารถส่งต่อตำแหน่งประธานสโมสรให้กันในทุกๆ 5 ปี

และสามารถเปิดเผยได้ว่ามีความตั้งใจที่จะทำแบบนั้นหลังจบฤดูกาล 2026-27

ภายใต้เงื่อนไขของกลุ่มที่เทคโอเวอร์ โบลี่ย์ นั้นมาเป็นคนแรกแม้ว่าจะถือหุ้นส่วนน้อยก็ตาม

เคลียร์เลค บริษัทของ เอ็กซ์บาลี่ และ เฟลิเซียโน่ ถือหุ้น 61.5% ในบริษัทโฮลดิ้งของสโมสร

ในขณะที่ โบลี่ย์ , วิสส์ และ วอลเตอร์ มีส่วนแบ่งเท่าๆกันในส่วนที่เหลือ 38.5%

* ไม่มีพูดถึง โกลสตรีน อีกแล้ว ไม่รู้ถือหุ้นลม หรือ ขายหุ้นคืนให้คนอื่นไปแล้ว *


อย่างไรก็ตามตัวเลือกในการเลือกประธานสโมสรคนแรกนั้นเชื่อมโยงกับเงื่อนไขสัญญาซื้อขายในปี 2022

แม้ว่าจะไม่มีผลกระทบด้านลบหรือค่าใช้จ่ายหรือการจ่ายดอกเบี้ยจากเงินกองทุนของสโมสร

แต่ได้ระบุว่ากลุ่มของ โบลี่ย์ จะต้องรับผิดชอบต่อการขาดทุนครั้งแรกในกรณีที่มีการดำเนินการหรือการขาย

Mail Sport เข้าใจว่ากลุ่มของ โบลี่ย์ ถือสิ่งที่เรียกว่า " Common Stock " ( หุ้นสามัญ )

ในขณะที่หุ้นใหญอย่าง เคลียร์เลค มี " Preferred Stock " ( หุ้นบุริมสิทธิ )

เอ็กซ์บาลี่ หรือ เฟลิเซียโน่ อาจรับหน้าที่นี้เองหรืออาจระบุบุคคลที่สามเข้ามารับหน้าที่แทน

ยังไม่มีการตัดสินใจว่าใครจะดำรงตำแหน่งประธานสโมสร แต่ โบลี่ย์ จะออกจากตำแหน่ง


แม้ว่าการเปลี่ยนประธานสโมสรจะเป็นก้าวสำคัญแต่ก็ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในวิธีการดำเนินงานของสโมสร

ความมุ่งมั่นที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะเยาวชนที่มีพรสวรรค์จากทั่วยุโรปจะยังคงอยู่

ภายใต้ โบลี่ย์ และ เคลียร์เลค เชลซี ได้ลงทุนในหลายๆด้านนอกเหนือจากการใช้จ่ายกับผู้เล่น

จำนวนเงินที่ใช้สำหรับการ Scouting, Data, Sports science และ Performance เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าจากยุคเสี่ยหมี

แม้ว่าจะยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น แต่ความเชื่อที่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้นอยู่ไม่ไกลและการแต่งตั้งตำแหน่งระดับสูงต่างๆจะออกดอกออกผล

เชลซี ตามหลังอันดับที่ 7 อย่าง เวสต์แฮม อยู่ 5 แต้ม และมี 2 เกมอยู่ในมือ ขณะที่ผู้เล่นคนสำคัญของ เชลซี ยังคงได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีมุมมองที่ว่ากลุ่มเจ้าของใหม่ถูกขัดขวางเมื่อพวกเขาเข้ามาในปี 2022 เนื่องจากทีมมีแผนสำหรับตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์นั้นอยู่แล้ว


ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีคนตั้งคำถามว่าความทะเยอทะยานของสโมสรเปลี่ยนไปหรือไม่นับตั้งแต่เทคโอเวอร์

อย่างไรก็ตามเป้าหมายของกลุ่มเจ้าของทีมน่าจะยังคงเหมือนเดิมนั่นคือ เชลซี ที่ชนะการแข่งขัน ได้ลงแข่งในแชมเปี้ยนส์ลีก และนำถ้วยรางวัลมาที่ สแตมฟอร์ดบริดจ์

นอกจากนี้ยังมีการมุ่งเน้นหลักไปที่การดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ของสโมสรอีกด้วย

คนวงในกล่าวว่าภายใต้การนำของเสี่ยหมี เจ้าหน้าที่เผชิญแรงกดดันเพียงเล็กน้อยในการทำยอดให้ได้ตามเป้าหมายเนื่องจากมีมุมมองที่ เสี่ยหมี จะเขียนเช็คเพื่อชำระหนี้ให้ในทุกสิ้นเดือน

สภาพแวดล้อมดังกล่าวได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยการเติบโตที่ยั่งยืนถือเป็นกุญแจสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากกฎ Profit and Sustainability ของ พรีเมียร์ลีก

ล่าสุด แม็ต ลอร์ รายงานไปในทิศทางเดียวกัน เพราะงั้นปี 2027 ตำแหน่งประธานสโมสรน่าจะเปลี่ยนไปเป็นใครซักคนจาก เคลียร์เลค หรือ คนที่ เคลียร์เลค เลือกมา

ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นเอ็กบาลี่ คนอื่นๆไม่ค่อยออกสื่อเลย

คือ เหมือนเปลี่ยนคนมานั่งเก้าอี้เฉยๆ

แนวทางน่าจะไม่หนีจากเดิม เพราะ Board of Director ก็ยังเป็นกลุ่มเดิม

เว้นแต่ในปี-2ปีนี้ บอร์ดจะกลับตัวกลับใจทัน

อีกสามปียังพอมีเวลาให้ลงแบบสวยๆ หวังว่างั้นนะ

เอาจริงๆตลาดหน้าน่าจะวัดผลทีมบริหารในระดับนึงเลย โดยเฉพาะทีมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายนักเตะ

เพราะ ออนสตรีน รายงานว่าแผนการยกเครื่องทีมของ เชลซี มันเป็นแผนงาน 4 ตลาด


- ตลาดมกรา ในยุค พ็อตเตอร์ ( ตัวหลักๆก็ เอ็นโซ่ , มูดริค , บาเดียชิล , มาดูเอเก้ + ปิดดีลล่วงหน้า กุสโต้ กับ เอ็นคุนคู )

- ตลาดซัมเมอร์ ในยุค พอช ( ไคเซโด้ , พาลเมอร์ , แจ๊คสัน , ลาเวีย , ซานเชส ส่วน เปโตรวิช นี่ซื้อเพราะ เกป้า ขอไป มาดริด กับ ดิซาซี่ นี่ซื้อเพราะ โฟฟาน่า ACL ขาด ปิดเทอม )

- ตลาดมกรา ในยุค พอช ( ซึ่งตลาดนี้ไม่ได้ซื้อใครเลย แต่ไปจัดการเรื่องการปล่อยออกเผื่อไว้แทน )

- ตลาดซัมเมอร์หน้านี่แหละที่จะต้องทำให้เสร็จ เพราะงั้นเป้าหมายมันเลยเหลือ กองหน้า เซ็นเตอร์ แบ๊คซ้าย และอาจจะ ปีก อีกคน


ถ้าตลาดซัมเมอร์หน้าเสริมมาแล้วทีมทำผลงานได้ดีขึ้นมาพวกทีมบริหารน่าจะรอด แต่ถ้าตลาดหน้าเสริมทัพแล้วผลงานยังกากอยู่ ผมว่าทีมบริหารน่าจะมีปลิวบ้างแหละโดยเฉพาะ 2 DOF

เคลียร์เลค ที่ถือหุ้นใหญ่นี่เห็นว่าส่วนใหญ่เป็นเงินบริษัทซึ่งมันเป็นบริษัทการลงทุน ข่าวก่อนหน้านี้บอกว่าถ้านับแค่เงินส่วนตัว 2 คนจาก เคลียร์เลค นี่ใช้เงินส่วนตัวน้อยกว่า โบลี่ย์ อีก

เพราะงั้นถ้ายังทำ เชลซี กากอีกพวกผู้ร่วมลงทุนในกองทุนของเคลียร์เลคส่วนที่เอามาซื้อ เชลซี เนี่ย น่าจะมีการตั้งคำถามกับนโยบายการทำทีมของ เอ็กซ์บาลี่ และ เฟลิเซียโน่ บ้างนะ

ส่วนตัวการบริหารบอร์ดนี้ ผลงานมันออกมาติดลบในมุมมองของแฟนบอล

ปัญหาใหญ่ มันอยู่ที่แมวมองและ DOF เลือกซื้อนักเตะเข้ามา ในราคาที่โคตรจะแพง แต่ผ่านไม่กี่คน ที่ขัดใจผมมากสุดคือ โฟฟาน่า ประวัติการบาดเจ็บก็มีเยอะ และเพิ่งหายเจ็บหนักมา แต่ก็บ้าซื้อมา 80 ล้าน

และปัญหาใหญ่กว่าการซื้อขาย คือ นักเจ็บบาดเจ็บโคตรง่าย ลาเวีย เพิ่งซื้อมา เจ็บยาวปิดซีซั่น ชุควูเจ็บอีกแล้ว แล้วขาประจำ รพ. ที่แก้ไม่ได้อีกเยอะ ผมมองว่า ถ้าแก้นักเตะบาดเจ็บบ่อยได้ง่าย เชลซีจะดีขึ้นเยอะ นี้นักเตะเจ็บถี่ เจ็บเยอะ มาตลอด

โฟฟาน่า นี่ถ้าเป็นปอนด์ก็ 70 ล้านปอนด์ครับ + แอดออนอีก 5 ลป ไม่ถึง 80 แต่ก็โคตรแพงอยู่ดี

ส่วนที่ซื้อถ้าเอาตามข่าวคือ ทูเคิ่ล เป็นคนจิ้มเลือกมาครับ ตลาดนั้นไม่มีผู้บริหารที่ดูแลการซื้อขายเลย มารีน่า กับ เช็ค ไปหมด เหลือแค่ โบลี่ย์ กับ เดวิด แบร์นาร์ด คนเก่าที่อยู่มาตั้งแต่ยุคก่อนเสี่ยหมี

มันเลยไม่มีนโยบายอะไรชัดเจน นักข่าวรายงานว่าตัวหลักๆในทีมชุดใหญ่นี่ให้ ทูเคิ่ล จิ้มเลือกเอาเองเลย มันถึงได้ดูมั่วๆซั่วๆไม่มีแบบแผนเท่าไหร่

หลังจากทีมบริหารชุดปัจจุบันเข้ามาช่วงหลังจากนั้น ตลาดถัดๆมาถึงได้มีนโยบายการซื้อขายมากขึ้น รวมถึงคุมเพดานค่าเหนื่อยด้วย ต่างจากตลาด ทูเคิ่ล ที่ยังไม่มีการคุมค่าเหนื่อย ตัวที่ซื้อถึงค่าเหนื่อยแพงหมด ( เสี่ยริ่ง , คูลิ , คูคู , โฟฟาน่า ค่าเหนื่อยแพงหมด )

กลายเป็นทูเคิ่ลคุมน่าจะไม่ถึง 10 นัด ไปซะแล้ว ทีมงานซื้อขาย 2 ยุคนี้ ต่างกันชัดเจน ยุคเจ๊มารีน่า เปย์ค่าเหนื่อยยับๆ และจะซื้อนักเตะพร้อมใช้หรือพวกนักเตะดังๆ ขนาด พี่มาลังซาร์ จำไม่ผิดค่าเหนื่อย 1 แสน ต่อสัปดาห์เลย ส่วนยุคท็อดด์ ซื้อดาวรุ่งมาตุนไว้ และจำกัดควบคุมเรื่องเพดานค่าเหนื่อย

มาเพิ่มเติมให้ครับ



พอดีผมอ่านรายงานประจำปีของ BlueCo22 มาบ้าง แล้วเห็นอันนี้ครับ



ก็คือก่อนหน้านี้โกลสตีนแกถือหุ้นในบริษัทแม่ร่วมกับเสี่ยท็อด
แต่สถานะเป็น 'CEASED' ไปแล้ว แถมไม่ได้นั่งในบอร์ดด้วย

ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าผู้โหวตใหญ่สุดคือ 22 Holdco Limited
ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็จากเคลียเลคทั้งคู่

โดยที่โบลีย์ไม่มีหุ้นในบริษัทแม่แล้ว แค่นั่งในบอร์ดเฉยๆ และเขียนว่า "Has significant influence or control as a member of a firm"




สรุปได้ว่าโกลสตีนท่าจะขายไปละครับ


ลิ้งค์ BlueCo22:
https://find-and-update.company-information.service.gov.uk/company/13949552/persons-with-significant-control


อันนี้เป็นรายงานประจำปีฉบับเต็ม BlueCo22
https://find-and-update.company-information.service.gov.uk/company/13949552/filing-history

ลิงค์บริษัท 22 HOLDCO LIMITED (ผู้ถือหุ้นใหญ่ BlueCo22)
https://find-and-update.company-information.service.gov.uk/company/14075518/officers