เล่าเรื่องเคส ฝายกั้นน้ำ ตามความเข้าใจ
ได้ยินเรื่องฝายแกนดินซีเมนต์ มาตั้งแต่ปี 2564-2565 หรือเมื่อ 2-3 ปีก่อน
โดยในสมัยนั้นผู้ที่เสนอแนวคิดนี้หลักๆคือ คุณสังศิต พิริยะรังสรรค์
ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ
โดยในการแก้ไขปัญหาความยากจน หนึ่งในนั้นคือต้องแก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
คือแน่นอนล่ะ แนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำที่ดี น่าจะเป็นการสร้างเขื่อน แต่ปัจจุบันมันสร้างได้ยาก
มีผลกระทบต่อวิถีชีวิต ต่อสิ่งแวดล้อมมาก
และมีกระแสต่อต้านจำนวนมาก วิธีแก้ไขคือต้องกักเก็บน้ำในอีกรูปแบบนึง
มันเลยเป็นที่มาของการฝายแกนดินซีเมนต์ เพราะเชื่อกันว่าใช้เวลาสร้างได้เร็ว อายุยืนยาว ใช้เงินน้อย
ชาวบ้าน และองค์กรปกครองท้องถิ่นสามารถสร้างเองได้
ปัจจุบันมีการสร้างฝายดังกล่าวในหลายพื้นที่ของประเทศไทย น่าจะสร้างแล้วหลักพันแล้วก็ได้
ส่วนมากประชาชนในพื้นที่ก็โอเคนะ ที่มีฝายนี้ ก็แน่นอนล่ะ เพราะชาวบ้านมีน้ำใช้ แต่มันก็มีผลกระทบเช่นกัน
คือแหล่งปลายน้ำที่อาจได้รับน้ำน้อยลง ปัญหาสิ่งแวดล้อม เรื่องปลาที่วางไข่
แต่ถ้าไม่สร้าง มันก็แก้ไขปัญหาของชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้
แต่สิ่งที่เพื่อไทยหรือรัฐบาลอาจจะทำผิดพลาด คือการทำแบบสำเร็จรูป ฝาย s m l เหมือนตัดเสื้อ
เข้าใจว่าส่วนนึงอาจหวังดี ให้มีหน่วยงานเฉพาะมาออกแบบ คือกรมโยธา
แต่ปัญหาคือมันจะตอบโจทย์ชาวบ้านมั้ย
อีกเรื่องคือการนำเสนอโครงการที่ค่อนข้างเร่งรีบ
สรุปในความคิดผมเอง สร้างฝายมีประโยชน์แน่ๆ ต่อคนในพื้นที่ แต่ก็มีผลกระทบเช่นกัน
ส่วนประเด็นการเร่งรีบโครงการ และแบบมาตรฐานเกินไป จนอาจขาดความเหมาะสมต่อพื้นที่ อันนี้ต้องปรับปรุงแก้ไข