ปัจจุบัน CFA Lv3 มีประมาณ 6-700 คน
ส่วน CFP มีประมาณ 4-500 คน

ในความคิดผม ถ้า CFA ไปเป็น Fund Manager/Analyst 6-700 คนนี่ค่อนข้างเยอะสวนกระแสการลงทุนบ้านเราด้วยซ้ำ
- ปัจจุบัน คนเน้นลงทุนเอง ในประเทศ ต่างประเทศ ลงทุนง่ายด้วยปลายนิ้ว

ในทางกลับกัน CFP ที่ดูแลเรื่องการเงินบุคคลแบบองค์รวม ภาษี ลงทุน ประกันภัย มรดก น่าจะมีประโยชน์มากกว่า คนน่าจะมาใช้บริการมากกว่า แต่จำนวนคนที่ได้รับ cert. นี้กลับน้อยกว่า (อาจจะไปสอบตัว AFPT แทน อันนั้นมีพันกว่าคน)

เพื่อนสมาชิกมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ อยากทราบความเป็นไปในอุตสาหกรรมนี้

CFA เท่กว่า มีมูลค่ากว่าในการสมัครงาน เงินเดือนเยอะกว่า

แต่ถ้าเลือกจากเนื้องานก็อีกเรื่องนึง

*ปล. ผม lv3

CFA ทำงานบริษัท CFP ทำงานส่วนตัว

CFP กับ AFPT เป็นสายเดียวกันนะ (CFP ต้องสอบ 4 วิชา มีประสาบการณ์ทำงาน 3 ปี /AFPT สอบแค่ 2 วิชามั้งจำไม่ได้ละ) CFP ก็เลยมีน้อยกว่า AFPT

สาย CFA ความรู้มันจะกว้างกว่าและลึกกว่าแค่เราลงทุนเองมากๆๆนะครับ ซึ่งคนสอบเองก็เป็นคนที่ต้องเตรียมตัวมาดีมากๆด้วย Pass rate นี่ 50% เลยมั้ง ไม่รู้คนไทยผ่านกี่ %

ในแง่ที่ว่าคุณจะบริหารพอร์ตลงทุนใหญ่ๆของกองทุน หรือ Analyst การลงทุนละเอียดๆให้กับบริษัท หรือ IB อะไรพวกนี้ก็ต้องการคนที่มีความรู้ระดับนี้อยู่ดี

ส่วนสาย CFP ผมเองก็ถือ AFPT นะ แต่ไม่เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินบุคคล ไม่รู้ลึกอะไรในวงการนะ พูดด้วย คหสต.ล้วนๆ

ผมคิดว่าคนเป็น CFP น้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่คนที่มาสอบน่าจะมาจากคนที่ทำงานประกันกันเป็นหลัก พอต้องสอบอะไรที่ไม่เกี่ยวกับประกันก็จะไม่ค่อยใช่ทางเค้าเท่าไหร่ ซึ่งตามสถิติตอนที่ผมสอบเนี่ย คนผ่านวิชาลงทุนนี่แค่ประมาณ 10% เองมั้งจากคนสอบทั้งหมด แล้วสุดท้ายต้องไปสอบวิชาวางแผน ซึ่งคนที่หลุดไปถึงตรงนั้นก็น้อยลงไปอีก

ถ้าพูดถึงในแง่คุณค่า CFP ความรู้พวกนี้มันมีประโยชน์มากๆแหละ แต่คุณก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองทั้งหมดนะ มันไม่ลึกมาก และถ้าพูดถึงการทำงาน ถ้าคุณวางแผนการเงินให้คนรวยแล้วคิด % แบบนั้นก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าไม่ใช่ ผมคิดว่ารายได้มันผูกกับค่าคอมในการขายประกัน เพราะอย่างอื่นมันไม่ได้เงินเยอะ

CFA มีภาษีดีกว่าหลายเท่าครับ ผมพอมี CFA II แล้วสบายเลย ส่วน CFP ผมมีมาหลายปี ก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากมันเท่าไหร่ 5555

ถ้าคุณจะทำสาย Research ไม่ว่าจะ house ในหรือนอก คุณสมัครไปโอกาสได้งานก็ 70-80% แล้ว แค่มือห้อยท้ายไว้ก็เรียก 100k ++ ได้สบาย

ส่วนงานสาย RM หรือบริหารเงินลูกค้า ผมเจอ RM ห้อย CFA มักได้ Feedback ที่ดีจากลูกค้ามากกว่า CFP ตลอดเลยครับ เพราะการบริหาร Asset เพื่อ Invest ยังไง CFA ก็ดูได้ลึกกว่า ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ หรือ การ Allocation เงินลูกค้า

ตอบสั้นๆคือ

CFA กับ CFP มันมีความจำเป็นในคนละสายอาชีพกันครับ

ถ้าคุณเป็นพนักงานประจำ CFA สำคัญกว่าอยู่แล้ว จะฝ่าย Product Reseach RM AM Sales ฯลฯ ถ้าสอบ CFA ได้มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าครับ

แล้วก็ไม่รู้จะสอบ CPF ไปทำไป อย่างมากเอา AFPT ก็พอ ให้คนเขาเห็นว่าความรู้มีรอบด้าน




CPF จะจำเป็นกับคนที่ทำงานสายวางแผนการเงินส่วนบุคคลจริงๆ เพราะมันดูเงินในชีวิตจริงๆ ไม่ได้หนักไปทาง Investment Allocation อย่างเดียว

คนทำสายนี้เต็มตัวก็ไม่รู้จะเอา CFA ไปทำอะไรอยู่ดีอะ


สุดท้ายมันขึ้นกับว่าคุณทำงานอะไร ก็สอบใบอนุญาต หรือสอบเซอร์ที่ตรงกับอาชีพของคุณ


ผมเป็น CPF ตั้งแต่อายุ 25 ก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องสอบ CFA เพราะแค่งานที่ทำทุกวันนี้ดูทั้งด้าน Cashflow Savings Debt Healthcare Legacy Annuity ให้ลูกค้าก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้วครับ ไม่ใช่นักวางแผนแล้ว แทบจะเป็นพ่อคนนึงแล้ว 5555555


ุเรื่องลงทุนลูกค้าหลายคนมีประสบการณ์ลงทุนอยู่แล้ว ที่ผมทำก็แค่ช่วยเขา Allocate ว่าเงินควรอยู่ใน Port เท่าไหร่ เงินควรไปอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วค่อยหา WM ตามบ.ดีๆดูแลเงินลงทุนอีกทีนึงสำหรับลูกค้าเงินมาก