มันต้องมองก่อนครับ
ประกาศแล้วมีผลดียังไง ฝุ่นมันไม่ได้กลัวประกาศนะครับ555
ถ้าเรื่องงบ ผมว่าตอนนี้งบมันก็อนุมัติได้ปกติ แล้วก็ไม่ได้ไม่พอ
แค่ไม่สามารถเร่งด่วน ถามว่ามันจำเป็นเร่งขนาดนั้นไหมผมว่าไม่ขนาดนั้น

ไปแก้อะไรที่ตรงจุดอย่างพวก ห้ามน้ำเข้าข้าวโพดจากเพื่อนบ้านดีกว่า
แต่ผลกระทบจะเป็นเรื่องราคาสิ้นค้าที่ขึ้น กับความสัมพันธ์เพื่อนบ้าน

ไม่ก็ออกกฏหมายเพิ่มโทษเผา รถควันดำ ฝุ่นโรงงาน เขตก่อสร้าง

ถ้าส่วนตัวผมเป็นผู้บริหารคงไม่ประกาศหรอกครับ
แค่อนุมัติงบได้ไวขึ้น แต่ผลกระทบมันเยอะกว่า

แหม่ ทำอย่างกับนักท่องเที่ยวไม่รู้เรื่อง

โคตรหนีปัญหาเลย

นักท่องเที่ยวเค้ารู้ตั้งนานแล้วไอ่ง่าว

ถามเป็นความรู้หน่อยครับ

ถ้าประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉินมันจะมีอะไรแตกต่างกันบ้างเหรอครับ

คว

ใกล้สงกรานต์ละก้งี้
เดี๋ยวพอนักท่องเที่ยวมาเยอะๆ ก็เอาตัวเลขไปเป็นผลงานได้

มองให้มุมนักท่องเที่ยวครับ เวลาผมไปต่างประเทศผมไม่ได้ดูการประกาศภาครัฐเป็นหลักนะ เพราะนอกจากผมจะไม่เข้าใจกฏหมายประเทศเค้าแล้ว ผมดูจากข้อมูลสาธารณะจะเข้าใจสถานะการณ์มากกว่า แล้วข้อมูลสากลที่ดูได้ทั่วไปมันชัดเจนว่าเชียงใหม่กำลังมีมลพิษติดอันดับโลก คิดหรอว่านักท่องเที่ยวสบายใจที่รัฐไม่ประกาศในเมื่อข้อมูลสภาพจริงเต็มโซเชียลไปหมด

ปัญหาคือการประกาศภัยพิบัติมันจะตามมาด้วย
1. สามารถใช้งบกลางได้(งบในมือนายก)
2. มันจะลดทอน hierarchy ในการอนุมัติ งบลงไปหน้างาน
3. ต้องชดเชยให้กับประชาชนผู้ประสบภัย

ผมคิดว่าที่นายกพูดคือข้ออ้างครับ เหตุกับผลฟังไม่ขึ้นซักนิด ไม่มีการคำนวณอะไรทั้งนั้น เค้ามองแค่ว่าทำยังไงให้เค้าไม่ต้องควักงบประมาณไปแก้ปัญหา ส่วนผลกระทบ เช่นเศรษฐกิจ/สุขภาพ ซึ่งถ้าคำนวณออกมากมูลค่ามันมากกว่างบที่จะใช้จัดการแน่ๆ แต่เค้าไม่แคร์ไงครับ เพราะความเสียหายเหล่านั้นประชาชนต้องเป็นคนจ่ายเอง

เผลอๆ ได้โอกาสในการเข้าไปสร้างบุญคุณได้อีก

เหมือนจะมีปัญหา ประกันการเดินทางที่นักท่องเที่ยว ทำก่อนไปเที่ยวที่ต่างๆ จะไม่ครอบคลุม

แล้วทางฝั่งประชาชนคนไทยจะได้อะไรเพิ่มไหมครับ

อ่านหลายคนเหมือนอยากให้ประกาศ แต่ผมเองไม่รู้ว่าถ้าประกาศจะมีอะไรเปลี่ยนบ้าง