เรื่องถึง"วอชด็อก" ไซบีเรียน ถูกจับเรียกค่าไถ่5หมื่น หลังบุกกัดเป็ดตาย200ศพ

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก "มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์" ได้โพสต์คลิปวิดีโอของสุนัขสีขาว ถูกจับมัดขาล่ามไว้กับเสาเหล็ก พร้อมเผยว่า สุนัขตัวดังกล่าวกัดเป็ดเจ้าของบ้าน จึงถูกจับมัดขาไว้ พร้อมข่มขู่เจ้าของสุนัข ให้รับผิดชอบค่าเสียหายเป็นเงิน 5 หมื่นบาท
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบกับนายธวัชชัยเผยว่าสุนัขเป็นของลูกสาว ซึ่งไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ตนเองเป็นคนเลี้ยงและเปรียบเหมือนเจ้าของ ทุกๆ วันจะไปปิดประตูบ้านไว้ เพราะกลัวว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ทั้งหมด 3ตัว จะออกไปข้างนอก ไปกัดสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน ซึ่งบ้านของตนก็มีรั้วรอบขอบชิด
วันเกิดเหตุช่วงเช้าของวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา สุนัขของตนได้กระโดดข้ามกำแพงออกไป
ก่อนที่จะมีคนมาบอกว่า สุนัขจันทร์เจ้าถูกจับมัดขาไว้กับเสา เพราะไปกัดเป็ดเพื่อนบ้านที่อยู่เยื้องกันตายหลายตัว ตนจึงรีบไปดู ก็เห็นภาพสุนัขถูกจับมัดขา ลากมามัดไว้กับเสาหน้าบ้าน และยังขู่ว่าจะฆ่าสุนัขทิ้ง พร้อมกับให้เอาเงินมา 50,000 บาท เป็นค่าเสียหาย แลกกับการปล่อยตัวสุนัข จึงได้โทรศัพท์ไปบอกลูกสาว ก่อนที่ลูกจะประสานไปยังมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ และตำรวจเข้ามาช่วยเจรจาจึงยอมปล่อย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางสถิตย์เจ้าของเป็ด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายโดยเจ้าของเป็ดยืนยันว่า วันเกิดเหตุไม่มีใครลาก หรือทำร้ายสุนัข เพียงแต่ช่วยกันจับตัวไว้ เพราะกำลังไล่กัดเป็ดในเล้าตายไปกว่า 200 ตัว ก่อนจะเอาขึ้นรถ จยย. และมัดขาผูกกับเสาไว้ เพราะสุนัขกัดคนด้วย จากนั้นจึงไปเรียกเจ้าของสุนัขมาพูดคุย วันเกิดเหตุช่วงเช้ามืด คนงานได้ยินเสียงเป็ดในเล้าที่เลี้ยงไว้ร้อง จึงวิ่งไปดูก็พบว่ามีสุนัข 2 ตัวของนายธวัชชัย กำลังไล่กัดเป็ดตายจำนวนมาก
ซึ่งทันทีที่นายธวัชชัย เจ้าของสุนัขมาถึง ก็ไม่ได้สนใจ หรือถามเรื่องความเสียหายเลย แต่กลับเอาโทรศัพท์ถ่ายคลิปทันที พร้อมกับแจ้งไปยังมูลนิธิวอชด็อก และยังขู่ด้วยว่าจะเอาให้ติดคุก โดยที่ไม่ถามไถ่ความเสียหายเลยสักคำ ทั้งๆ ที่เราเป็นผู้เสียหาย แถมยังจะไปเรียกคนนั้นคนนี้มาคุย ตนจึงบอกไปว่าไม่ต้องเรียกมา ตนเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท เพราะเป็ดตาย 200 ตัว
นางสถิตย์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าวันเกิดเหตุไม่มีใครลาก หรือทำร้ายสุนัข เพียงแต่จับมัดไว้เท่านั้น ซึ่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ เพราะหลังจากปล่อย ก็ลุกวิ่งตามเจ้าของไป อีกทั้งตนและครอบครัวก็เป็นคนรักสัตว์ ที่บ้านก็เลี้ยงสุนัข ลูกสาวยังเป็นสมาชิกของมูลนิธิวอชด็อก จึงอยากขอความเป็นธรรมกับมูลนิธิวอชด็อกด้วยก่อนลงข่าว หรือรายละเอียดก็ควรสอบถามทั้งสองฝ่าย เพื่อความเป็นธรรม ไม่ใช่ลงข้อมูลฝ่ายเดียว
จนตนเองและครอบครัวถูกด่าและถูกเข้าใจผิด อีกทั้งหากเจ้าของดูแลสุนัขของตนเองดี ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ซึ่งเท่าที่ทราบยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่เป็ดและไก่ถูกกัดตาย ซึ่งต้องนึกถึงตรงนี้ด้วย หลังจากนี้ตนก็ยืนยันที่จะเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท เพราะเป็ดเราก็เลี้ยงไว้ในเล้า และกว่าจะเลี้ยงโตมาได้เสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย แต่กลับมาถูกกัดตายมากถึง 200 ตัว
ด้านนางไข เศษวงศ์ อายุ 75 ปี ชาวบ้านกลางดง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เป็ดพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และลูกเป็ดของตนก็ถูกสุนัขตัวนี้บุกเข้ามากัดตาย ซึ่งตอนนั้นได้ค่าเสียหายเพียง 800 บาท เพราะสามารถจับตัวสุนัขได้ นอกจากนี้ที่ผ่านมา นกกระทากว่า 300 ตัว และไก่งวงของลูกชาย ก็ยังถูกสุนัขกัดตายไปจำนวนมากด้วย
แต่ไม่เห็นตัวสุนัขที่กัด จึงไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นสุนัขกลุ่มนี้ จึงอยากฝากถึงเจ้าของให้ช่วยดูแลให้ดีๆ อย่าปล่อยให้หลุดมาสร้างความเดือดร้อนกับใครอีก เพราะสัตว์เลี้ยงทั้งเป็ด ไก่ และนกที่เลี้ยงไว้ ของใคร ใครก็รักและอยากขายสร้างรายได้.
https://www.thairath.co.th/news/society/2769611?gallery_id=3
สุดท้าย มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ฝากไว้ให้คิดว่า
" หมากัดไก่ เป็นคดีแพ่ง ไปเอาผิดที่คนซึ่งเป็นเจ้าของหมา
คนทำร้ายหมา เป็นคดีอาญา และเป็นอาญาแผ่นดิน "