อย่างมากที่สุดคือดึงช้า2-3จังหวะ เพื่อล่อให้คู่แข่งไล่
หลังจากดูเชิงรอเขาไล่ แต่เขาไม่ไล่

กองหลังหรือกองกลางที่ดึงจังหวะอยู่ โยนยาวให้นห้าหรือปีกบุกต่อเลย

เป็นผมนะไม่ไล่ใช่ไหมยืนเฉยๆเลย ยังไงก็นำอยู่ คนตามหลังย่อมต้องการประตูคืนเข้ามาแย่งสิ
พอแย่งเยอะๆก็ทำให้หลังหลุดตำแหน่งเราก็สวนได้ง่ายๆ

เลยแปลกใจทำไมลิเวอร์พูลไม่ค่อยดึงจังหวะล่อให้เขาไล่บ้าง
เห็นทำอยู่นะ ช้าไปสักแปปนึง3-4จังหวะ พอเขาไม่ไล่ก็บุกต่อซะงั้น

เขาไม่ไล่ก็ควรยืนเฉยๆไปเลยน่าจะดีกว่าได้ถ่วงเวลา+เก็บแรงได้เยอะด้วย

พวกท่านคิดยังไงกับกรณีนี้ครับ

มันโดนคล็อปป์ฝังจิตฝังหัวไปแล้ว ว่าต้องเล่นเพื่อชนะและยิงประตูให้ได้ ถอยหลังคือหกล้ม สิ่งที่หงส์ยุคคล็อปป์อ่อนที่สุดคือการเล่นแบบปิดเกมส์นี่แหละ เพราะนักเตะมันฝังหัวไปแล้วว่าต้องเล่นเกมส์รุกต้องบุกเข้าไปยิง ถ้าเห็นหงส์ตั้งรับนั่นคือบุกไม่ขึ้นนะไม่ใช่ปิดเกมส์

สมมติ ทีมนำ 1-0
คุณอยากนำเพิ่มเป็น 2-0 มั้ยล่ะ ถ้ามีโอกาสให้ทีมนำเพิ่มได้ มันก็ต้องทำ

เพราะในพรีเมียลีค อะไรก็เกิดขึ้นได้ จังหวะจะปุ๊ปปั๊ป อยู่ๆก็เสียประตูเลยมีอย่างบ่อย

ปีนี้เรือ ก็เสียประตูท้ายเกมเยอะ หลายนัดที่แต้มหายไปจากตรงนี้ด้วย แบบนำแล้วผ่อน นำแล้วไม่รีบ เออ กูนำ ยังไงก็3แต้ม แล้วไปโดนจังหวะ งง งง ท้ายเกมประจำ

Mentality ที่คลอปสอนมา วิ่งจนนาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะนำหรือตาม

ข้อดี คือ นักเตะไม่เคยถอดใจง่ายๆ

ข้อเสีย อาการบาดเจ็บจะถามหา ดูซิตี้เล่น 10 นาทีท้าย ถนอมตัว แมนยูไม่บี้ แมนซิก็เคาะไปมา

ไม่เพรสซิ่งเพื่อแย่งบอล ก็เพรสซิ่งเพื่อบังวิถีบอลได้แล้วบีบให้คู่แข่งจ่ายบอลไปทางอื่น อันนี้ไม่อคติ

แต่ถ้าเพรสซิ่งแบบภาพแรชฟอร์ดจ็อกกิ้งตามบาคลี่อันนี้น่าเกลียดเกินไป

ส่วนการไม่ดึงช้าเพราะทีมอยู่ในช่วงลุ้นแชมป์ นายก็เห็นประตูได้เสียของม้า3ตัว ถ้าสุดท้ายมันแต้มเท่ากันก็ยังมีประตูได้เสียนี่ล่ะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตาย ถ้านำอยู่ก็พยายามยิงให้เยอะที่สุด ผ่อนไม่ได้ มันคือโอกาสตุนสกอร์

ช้าก็มีครับ ถ้าได้ 1-0 ก่อน ระบบการเพรสจะไม่หนักเท่า 0-0 แล้ว
จะเน้นเคาะที่ VVD เป็นหลัก รอจนน่าจะเข้าทำได้
จากนั้นส่งบอลเข้าไปลุ้นแบบที่ไม่น่าจะยิงได้แล้วก็เสียบอลให้เค้าโต้กลับ
จังหวะนี้แหละคือแผนการที่แท้จริง เพราะคู่ต่อสู้สวนขึ้นมา เจอเพรสสวน
แล้วก็โต้กลับเข้าไปยิงแบบงงๆแทน เข้าไม่เข้าก็สุ่มกาชาเอา

คลอปป์เคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าชีวิตคนเรามีอะไรให้เครียดให้ทุกข์เต็มไปหมด ถ้างานหรือสิ่งที่เค้าทำสามารถสร้างความสุขหรือทำให้ผู้คนสามารถลืมเรื่องเครียดๆได้อย่างน้อยๆ 90 นาทีใน 1 สัปดาห์ได้ เค้าถือว่าชีวิตเค้าประสบความสำเร็จแล้วครับ เพราะงั้นเค้าจะไม่เล่นฟุตบอลที่น่าเบื่อเด็ดขาด ไม่ว่ามันจะสามารถเก็บผลการแข่งขันได้ดีแค่ไหนก็ตาม

ไม่รู้ว่าคลอปป์ยังเป็นคนเดิมกับที่เคยพูดไว้เมื่อ 7-8 ปีที่แล้วมั้ย แต่ถ้ายังเป็นคนเดิม ประโยคข้างบนนั่นแหละครับ คือคำตอบ

มันทำให้จิตวิญญาณในการเล่นลดลงสิครับไม่ใช่แค่นัดเดียวแต่ตลอดเลย
สไตล์คล๊อปดุดันต้องสร้างความคิดในการเล่นให้เป็นแบบนั้นตลอด

ถ้าสายแทคติคแบบอันเช่จะเห็นบ่อยครับดึงเวลา ดึงบอล เพราะสไตล์แกเป็นแนวเน้นแทคติค

เอาตรงๆเกมรับหงส์ไม่ได้ดีขนาดยอดทีมระดับท๊อปขนาดนั้น
วิธีดึงเวลา+เพิ่มโอกาศชนะมากสุดคือบุกอัดให้ยับเท่านั้นแหละ

มีดึงนะ แต่...

- ลดเทมโปลง แบบไม่ชัวร์ไม่จ่ายเสี่ยงๆ แต่ถ้ามีโอกาสสวนก็สวนเอาประตูเพิ่ม
- ครองบอลแกะเพรส ยังไม่ถึงขั้นสุดครับ กองกลางมาใหม่ยังไม่เนียนกริ๊บ โดนบีบมากๆบอลวนมาถึงหลัง VVD ก็โยนให้กองหน้าเลย หลังๆเห็นเลยว่าเล่นเสี่ยงเพื่อครองบอลไว้เล่นน้อยลง ต้นฤดูกาลเสียบอลหน้ากรอบบ่อยๆ สมัย 4-0-3 ผมว่ากล้าเก็บบอลมากกว่า
- Mentality คล๊อปไม่มีบอลหน้าเบื่อ ดึงช้ามีคุมจังหวะมี แต่ถ่วงเวลาน่าเกลียดๆเห็นน้อยมาก

ถึงได้หมดแรงก่อนเขา

ซิตี้เคาะบอลแก้เพรสได้เนียนทุกตัวครับ บอลจังหวะเดียว เคาะ เคลื่อนที่ตามช่องได้เนียนสุดๆ เลยใช้วิธีครองเกมส์ได้ สังเกต​% ครองบอล ซิตี้โหดทุกนัด
ส่วนหงส์ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ เลยต้องใช้วิธีอื่นในการปิดเกมส์แทน

ไม่งั้นก็ไม่ใช่ heavy metal football สิ

ตอนมิลเนอร์อยู่อะ พอปิดเกมได้ ผมละชอบแกจริงๆ มิสเตอร์บอริ่ง

แมนยู แค่ใช้จิตวิญญาณของเซอร์อเล็กซ์แบบที่เป็นมา 27 ปี ก็ไม่ดึงช้าแล้ว

เคยมีช่วงนึงยิงได้แล้วผ่อนเกม รอสวน

สุดท้ายเจอยิงคืนตลอด เลยเลิกผ่อนแล้วเดินหน้าฆ่ามันดีกว่า