ส่งซ้ำ เลยขอลบแก้ครับ ขอโทษด้วยครับ

ถอดสมองดูนี่ดีเลยนะครับเวลาอยากพักสมองดูอะไรที่ไม่ต้องคิดสบายๆ

นักรีวิว เพจรีวิว คลิปรีวิวไม่ให้ค่าเลยก่อนดู แต่ถ้าดูหนังมาแล้วชอบก็อยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไง มีการตีความกันยังไง
ที่อ้างอิงคร่าวๆ คือ เว็บimdb 7 ขึ้นคือโอเคละ ถ้าหมวดหนังตลก รัก ทริลเลอร์ ก็6.5 และก็เว็บ มะเขือเน่า ดูว่าเฟรชรึเปล่า ถ้าหนังบล็อกบัสเตอร์อยากดูก็ดูเลย
ส่วนน้ำหนักที่จะเข้าไปดูคือ 1พลอตหนัง 2ผู้กำกับ 3นักแสดง
ในโรงไม่ค่อยพลาด ล่าสุดคือ the matrix 4 รู้ว่าห่วยแต่เกินคาดจริงๆ

อันนี้พูดในมุมของคนที่เฉลี่ยดูหนัง/ซีรีส์รวมแล้ว ประมาณ 200++ เรื่อง/ปี นับตั้งแต่รู้จักกับ Streaming ดังเจ้าต่าง ๆ

ผมคิดว่ารีวิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะโผล่มาในรูปแบบไหนก็ตาม ทั้งจากการป้ายยาเพื่อนในวาไรตี้ SS, เพจหนังตัวใหญ่ตัวเล็ก, เพจ Official มะเขือเน่า imdb หรือจากคนใกล้ตัว สิ่งเหล่านี้สำหรับผม สำคัญในแง่ของการ "เปิดโลก"

ขยายความคือ ถ้าเรารับฟังเสียงรีวิวบ้าง มันทำให้เราได้รับรู้ในอะไรที่เราอาจจะโปรดปราน ถูกจริต แต่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันมีอะไรแบบนี้อยู่ เช่น ผมมีเพื่อนสนิทที่คลั่งไคล้การดูหนังอินเดียมาก ซึ่งถ้าผมไล่หาหนังดูเองเนี่ย ไม่ได้ว่าเหยียดเชื้อชาติหรือไรนะครับ แต่ผมคงไม่คิดจะดูเลย หนังจากอินเดีย แต่พอรับฟังความเห็น แล้วนำมาประกอบกับจริตความชอบ ชั่งน้ำหนักดูว่า มันพอจะมีส่วนที่เข้ากับ Taste เราไหม และก็เปิดใจดู เราก็จะค้นพบละ ว่าเห้ย หนังอินเดีย มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนะ

คือกล่าวโดยสรุปคือ สำหรับผม ผมฟังรีวิว หรือเสียงรอบข้าง เพียงเพื่อนำชื่อหนัง ชื่อผู้กำกับ หรือใด ๆ ก็ตาม มาเป็นแนวทาง ประกอบการตัดสินใจเลือกรับชมหนัง/ซีรีส์สักเรื่องนึงครับ

เพราะไม่เช่นนั้น ถ้าเอาความคิด ความชอบของตัวเองตัดสินหมด 100% ตลอดทั้งชีวิต ผมคงดูแต่หนังแนวเดิม ๆ กับที่เคยดูตอนเด็ก ๆ ผมคงวนเวียนอยู่แต่กับการดูหนังบู๊ หนังแอคชั่น หนังแฟนตาซี หนังฮีโร่ หนังสูตรสำเร็จที่รู้ฉากจบตั้งแต่หนังฉาย ผมคงไม่ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ กับการรู้จักว่าโลกใบนี้ มีหนังที่มันต้องตีความนะ หนังสัญญะ ที่บางครั้ง 1+1 ไม่ได้เท่ากับศูนย์ว่ะ พระเอกไม่ได้รอดตาย นางเอกไม่ได้เอาชนะวายร้ายในเรื่อง หนังที่มันเล่าจาก Z กลับมา A หนังที่มันมี Plot Twist อยู่ในตอนท้ายมันคืออะไรวะ

ผมพูดในมุมของผมว่า กะลาของผมในการเสพอุตสาหกรรมภาพยนตร์มันเบิกโพลน มันสว่างวาบขึ้นเยอะมาก จากการรับฟังเสียงรอบข้างครับ แม้ว่าผมจะต้องกรองด้วย Taste ผมอีกชั้นนึงก็ตาม แต่ความหลากหลายในการเสพมันเพิ่มขึ้นเยอะเป็นเท่าตัวจริง ๆ ครับ

แนวทางชัดเจนดีครับ

คุณไม่ได้เขียนให้เข้าใจง่ายอะไรขนาดนั้นหรอกครับ อย่าเข้าข้างตัวเอง คนในนี้ก็ไม่ได้เข้าใจคุณ 100% บางคนเลือกที่จะเม้นท์ บางคนเลือกที่จะไม่เม้นท์ บางคนเลือกที่จะเม้นท์เท่าที่เข้าใจ บางคนเลือกที่จะเม้นท์แบบวิจารณ์การแนะนำของคุณ ซึ่งผมเป็นคนประเภทหลังสุด ซึ่งเป็นปกติของมนุษย์ที่คุณอาจจะไม่พอใจแล้วไล่ผมกลับไปอ่านใหม่




ตอบผมที meaning ของ ดูหนังเป็น/ไม่เป็น คืออะไร ผมรู้จักแต่ สนุก/ไม่สนุก และผมคิดว่าทุกคนบนโลกนี้สามารถวิจารณ์ได้ว่า ตัวเองชอบ/ไม่ชอบ ไม่ใช่การมาชี้นิวบอกคนอื่นว่าคุณดูไม่เป็นเพราะคุณยังศึกษาหรืออ่านรีวิวมาไม่ดีพอ จับความสำคัญของหนังไม่ดีพอว่าเขาต้องการสื่ออะไร เห้ย มันคืออะไร 55555

งั้นเราคงอยู่แต่ในกะลาแหละครับถ้าไม่ลองหรือเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หรือ เชื่อตามคนรีวิว

ถ้าคิดว่าผมคิดไม่เหมือนคุณ ไม่เข้าใจคุณ ก็ไม่ต้องคุยกับผมก็ได้นะครับ ไม่ซีเรียส

mindset แบบท่านนี่แหละครับที่ผมสนับสนุนมากๆ มันส่งเสริมการเติบโตในด้านนั้นๆจริงๆ สไตล์ท่านผมไม่เป็นห่วงอยู่แล้วครับ เพราะเปิดกว้าง สนุกกับการได้เปิดโลกและรับรู้อะไรใหม่ๆ ได้เติบโตไปกับภาพยน ไม่ได้ยึดติดกับอะไรที่ตัวเองมั่นใจตลอด(ไม่ยึดติดsafe zoneนั่นเอง)
แค่ประเด็นนี้เขียนขึ้นเพื่อให้คนที่ผิดหวังบ่อยๆจากรีวิวคะแนนที่ไม่ควรให้ความสำคัญและควรมาโฟกัสที่ควรรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรมากกว่าครับ เพราะอาจจะช่วยแก้pain point นั้นได้ในระดับนึง
เพิ่มเติมคือท่านเขียนอ่านง่ายเข้าใจง่ายดีด้วยครับ

เสี่ยงเลยครับ เฟลก็ช่างแม่ง

หนังสนุกหรือผิดหวังมันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆ

บางเรื่องคนอื่นว่าไม่ดีแต่เราดูแล้วโอเคก็เยอะ

รีวิวไม่เคยมีผลกับการตัดสินใจไปดูหนังเลย ทุกเรื่องคือ อยากดู ถึงไปดู

ส่วนเวลาตัวเองรีวิว(ก็มีไม่ค่อยบ่อย) จะเกิดจากอารมณ์ อยากป้ายยา ฉะนั้นก็จะหนักไปทางอวยเยอะ

แต่ส่วนใหญ่จะรีวิวน้อย หนักไปทางชอบมาหาคนดูแล้ว คุยแบบสปอยคุยกันมากกว่า

- ขออนุญาติตอบทีละข้อ ทีละอย่างนะครับ จะได้สื่อสารได้ตรงประเด็นที่สุด เพราะผมก็เห็นด้วยครับว่าผมเขียนไม่ได้เข้าใจง่ายๆตามที่ท่านว่าจริงๆ แล้วก็ขอปฏิเศษนิดนึงนะครับว่าไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ ขอโทษที่ทำให้คิดแบบนั้นเพราะอันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าท่านคิดไปว่าผมเข้าข้างตัวเองจากอะไร ผมเอาตามที่ผมเห็นเพื่อนๆมาตอบนี่แหละครับ เพราะคิดว่าถ้าท่านมาอ่านที่คอมเม้นต่างๆน่าจะเข้าใจมากขึ้น แต่อาจจะไม่ได้อ่าน

-เรื่อง "เม้นวิจารณ์คำแนะนำ" นี่ผมต้องการอยู่แล้วครับ เป็นฟีดแบคที่อยากได้อยู่แล้ว แค่ที่บอกว่าให้กลับไปอ่านใหม่นี่ ไม่ใช่ว่าผมไม่พอใจนะครับ แต่เห็นว่ามันผิดประเด็นที่ผมได้พิมใว้จริงๆไปไกลเลย เลยคิดว่าถ้าได้กลับไปอ่านใหม่ช้าจริงๆจะทำให้เข้าใจมากขึ้น

-เรื่องตอบ meaning โอเคเลยครับ อยากตอบให้เข้าใจตรงกัน เพราะชัดแล้วว่าท่านขึ้นมาจากการเข้าในผิดส่วนไหน ขออนุญาติไล่เรียงอธิบายยาวนิดนะครับ จะได้เห็นชัดๆว่าผมสื่ออะไร

- "ดูหนังไม่เป็น" กับ "ดูหนังเรื่องนี้ไม่เป็น" ต่างกันมั้ยครับ ผมใช้คำว่า "ดูหนังเรื่องนี้ไม่เป็น" ซึ่งต่างจากที่ท่านเข้าใจไปแน่ๆครับ แล้วในพารากราฟนั้นนั่นแหละ ผมก็ยกตัวอย่างเหตุการที่ตัวผมเองกับหนังเรื่องหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่าคนเรามีจริตในการดูหนังไม่เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอับอาย ไม่เกี่ยวว่าดูหนังเป็นหรือไม่เป็น ซึ่งที่จริงคือการสนับสนุนเรื่องที่ท่านขึ้นนี่แหละ ว่าให้สนใจความรู้สึก ความต้องการของตัวเอง แทนที่จะสนใจรีวิวหรือการพยายามดูหนังเป็นเหมือนนักวิจารณ์ ลองกับไปอ่านพารากาฟนั้นใหม่และแปลความใหม่ดูครับ แทนที่จะเลือกแปลความจากการบิดเบือนคำหรือตัดคำคำเดียวมาแปลโดยใช้อารมตนเองโดยที่ไม่เกี่ยวกับบริบทที่คนเขียนยกมาครับ ผมเข้าใจว่าคำนั้นมันอาจจะไปกระทบอีโก้ท่านโดยไม่รู้ตัวจนส่งผลกระทบต่อการจับใจความไปโดยที่ท่านไม่ได้ตั้งใจครับ เป็นห่วงจริงๆว่าท่านจะไปขึ้นง่ายๆโดยจับใจความผิดๆที่คนอื่นเขียนเอาง่ายๆอีก

- ส่วนที่ท่านขึ้นต่อจากนั้น หลังจากที่เข้าใจผิดและบอกว่าผม "ไปชี้นิ้วบอกให้ไปศึกษาหรืออ่านรีวิวมาไม่ดีพอ" นี่ยิ่งผิดเพี้ยนหลุดต่อไปไกลเลยครับ เพราะบิดการที่ผมเขียนเรื่องทั้งหมดที่ควรจะสรุปว่า "ไปอ่านรีวิวให้ดีเพื่อป้องกันความคาดหวังผิดๆจากรีวิวที่ไม่มีคุณภาพ" กลายเป็น "งั้นเราคงอยู่แต่ในกะลาแหละครับถ้าไม่ลองหรือเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หรือ เชื่อตามคนรีวิว" ซะอย่างนั้น ซึ่งเป็นคนละด้านเลย
ถ้ายังไง พอผมชี้แจงตามนี้แล้ว ท่านลองพยายามทำความเข้าใจและอ่านไหม่ดูนะครับ และอย่างที่บอกนะครับว่าผมไม่ได้ "ไม่พอใจเลยไปอ่านใหม่" แน่นอนครับ แค่เพื่อให้เข้าใจตรงกันจริงๆ หรือลองอ่านที่ผมตอบกับท่านอื่นๆให้ อาจจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นครับ

ดีเลยครับ ได้คุยหลังดูนี่ก็ความสนุกต่อจากที่ดูอีก ฟินๆต่อจากการดูไปเลยครับ

ส่วนมากผมจะดูพวก imdb ถ้าเกิน 7 ก็จะดูถ้าเป็นเรื่องที่สนใจประม่ณ ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ ก็ให้พวกนี้แหละมาตัดสินใจ แต่ถ้าหนังอยากดูอยู่แล้ว จะไม่ดูคะแนน เท่าไหร่ก็ดู ดูจบจะด่าไม่ด่าค่อยว่าอีกที

อยากดูก็ดู สนุกไม่สนุกก็เรื่องของตู

ใช่ครับ จะสนุกหรือไม่สนุกก็ไม่ได้เป็นเรื่องของคนอื่นแน่นอนครับ บทความนี้ก็เน้นบอกอยู่ครับว่าความสนุกมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองครับ ผมอาจจะเขียนโฟกัสมุมมองสำหรับคนที่เชื่อรีวิวคะแนนกลวงๆตามเพจ(เพราะต้องการสื่อสารถึงกลุ่มนั้น) อาจจะทำให้ท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ครับ