เอาตรงๆ ไม่จุกจิกกว่าครับ

พวกรุ่น "เจ้าปัญหา" ก็จะมีทุกยี่ห้อนะ
แต่ Benz ไปเจอปัญหา Hybrid เจนแรกๆ งอแง เลยเป็นชื่อเสียติดตัว

ทุกรุ่นจะมีปัญหาประจำตัวแหละ
คนขับ ขับไปก็ต้องคอยดูจุดนั้น คอยสังเกตจุดนั้น มากนิดนึง

หรือบางยี่ห้อก็ใช้พลาสติกรักโลก...ก็จะกรอบไวหน่อย ก็เปลี่ยนเอา

ส่วนบนคือ ส่วน ...พื้นฐาน... ตัวรถ เครื่องยนต์
ยืนยัน ไม่จุกจิก กว่ากัน

-----------------------------------------

ส่วนถัดมา ที่สำคัญกว่าพื้นฐานรถคือ "ช่าง" ครับ
ช่างไทย ฝึกมากับเครื่องโตโยต้า
คือคุณจบโรงเรียนอาชีวะมาเนี่ย คุณต้องเคยรื้อโตโยต้า
ช่างใหม่ๆ จบมา แทบหลับตาประกอบโตโยต้าได้ทุกคน รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน

แล้วช่างไทยนิสัย(สันด-น)เสีย ไม่ค่อยอ่านคู่มือ
พอเจอรถรุ่นที่ไม่เคยทำ ก้มี 2 อย่าง คือ ไม่ทำอะไรยากๆ กับ มั่ว
บวกด้วย อะไหล่แพง พอมีปัญหา แล้วไปไล่เปลี่ยน-เปลี่ยนมั่ว มันเลยยิ่งเละ

ช่างเก่งๆ ทำรถยุโรปจนชิน ก็ออกไปเปิดอู่เอง รับเงินเต็มๆ หมดละ
ซึ่ง อู่นอก...ซ่อมจบกว่าศูนย์

เรื่องความจุกจิก จริงๆ รถญี่ปุ่นบางยี่ห้อก็เป็น หรือบางรุ่นก็เป็น

ประเด็นที่เขาแหยงๆ กันก็คือ ค่าดูแลรักษามันแพงไปหมด

รถพวกนี้ เหมาะสำหรับคนที่มีกำลังจ่ายค่าดูแลได้โดยไม่สะทกสะท้าน

หรือ คนที่เป็น Power User ที่มีความเข้าใจตัวรถ สามาถ DIY ได้

หรือไม่ก็มี Connection กับอู่ทำให้ได้คุณภาพการซ่อมคุ้มราคา

รถยุโรป เหมาะกับคนมีเงินเหลือและ Power user ครับ

คนใช้รถทั่วไปแบบใช้อย่างเดียวแล้วเข้าศูนย์เข้าอู่ ไม่แนะนำครับ

แต่ขับรถยุโรปแล้วลุคดูหล่อรวยนะครับ สาวกรี้ดดดดด..

ไปถามพวก 1000 ล้าน หลายๆคนนะ



แคมรี่ กับ แอคคอด คือ คำตอบที่ดีที่สุด

BM น้าแทบไม่มีปัญหาเลย เปลี่ยนยาง หยอดโซ่อย่างเดียว

กลุ่มทางผม (ยังไม่รวย) ผ่านการใช้รถยี่ปุ่น มาใช้รถยุโรป ไม่คิดย้อนกลับไปหารถยี่ปุ่นกันอีกเลยครับ

อาจจะเพราะใช้รถกันไม่นานมาก เฉลี่ย 3-4 ปี เปลี่ยน เลยไม่เจอปัญหาครับ

ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดครับ คำตอบที่คุ้มที่สุด

เอาไว้เป็นรถบริษัทนี่แหละดี แต่ถ้าเอามาขับเองไม่เอาหรอกครับ

เหตุผล คือ ขับนิ่ม มากกว่า C Segment ยุโรป แต่ไม่เท่า D
ใหญ่ โอ่อ่า กว้างสบาย
เวลาไปห้าง จอด ไม่มีคนมายุ่ง
*****ไม่ต้องจ่ายติ๊ปเหมือนพวกขับรถยุโรป ที่พอไม่จ่ายติ๊บ ดันรู้ศึกผิด
บำรุงรักษาง่าย ถูก
ประกัน 20K ต่างจาก ยุโรป 50k++


พวก 100-1000 ล้าน มันมีโลจิก พอสนองนี๊ด มาสโล เสร็จ ก็จะ ตกผลึก


ขับรถ ยุโรป จอกห้าง จอดที่จอด ร้านดีๆ บลาๆ พวกเด็กรถชอบมาบริการดี เพื่อหวังติ๊บ
ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เสียเงินให้ ภาพลักษณ์ แล้ว

1.กระบะ Toyota จำรุ่นไม่ได้ 10-20 ปี ไม่เคยมีปัญหา (ขายแล้ว)
2.เก๋ง Mitsu จำรุ่นไม่ได้ 10-20 ปี ไม่เคยมีปัญหา (ขายแล้ว)
3.เก๋ง Mitsu lancer 20 ปี+ สายหม้อน้ำเสื่อมตอนเกือบ 20 ปี (ขายแล้ว)
4.กระบะ Isuzu Dmax 11 ปี ไม่เคยมีปัญหา (ใช้อยู่)
5.เก๋ง Honda City 11 ปี ไม่เคยมีปัญหา มีแค่แจ้งให้ไปเปลี่ยน airbag เพราะไม่ได้มาตรฐานไรซักอย่าง(ใช้อยู่)
6.เก๋ง Honda Civic 6 ปี ไม่เคยมีปัญหา (ใช้อยู่)

ถ้าแบบขับต่อไม่ได้มีแค่คันที่ 3 นอกนั้นไม่มีแม้แต่ปัญหาที่ต้องเข้าศูนย์เข้าอู่นอกการเช็คระยะ

หรือพูดอีกอย่างคือแค่ขับ+เช็คระยะแค่นั้นเลย ยางรั่วยางซึมยังไม่เคยด้วยซ้ำ อาจเพราะดวงดีด้วยมั้ง

ปล เช็คระยะก็ไม่ได้ทุก 6 เดือน เอาระยะ 10,000 กิโล เป็นหลัก น้ำมันเติมทุกปั้มไม่เกี่ยงคุณภาพ

คำตอบที่ดีที่สุดในเรื่องไหนหว่า ถึงได้สองรุ่นนั้น

เอาที่รู้จัก พวกมี 200-300m ก็ขับ ยุโรปพื้นฐานกันเกือบหมดแล้ว
ยิ่งเวลาไป conf/sum พวก owner/cofo ยิ่งบริษัทใน set นี่ขับรถ 5-10M ขึ้น
พวกบ้านใหญ่ๆ นี่ รถ ญป คันเดียวที่จะมีคือ alphard บางบ้านมี civic/city ให้คนซื้อกับข้าว ที่เหลือ ยุโรปเรียงๆ

ส่วนใหญ่ที่ผมเจอคือแบบนี้เลย


พวกคนรวยเยอะๆ สิ่งที่เค้าต้องการ ไม่ใช่รถถูก รถซ่อมน้อย
เค้าต้องการ service ที่ดีมาก ง่ายมาก และความปลอดภัย
โดนชน คนในรถต้องรอด ครบ 32 เวลามีปัญหา โทรกริ้งเดียงเซอวิสรับจบ



ตอบกระทู้ รถยุโรป hybrid จุกจิกเยอะจริง ด้วยชิ้นส่วนและความรู้ที่ดีไม่เท่าฝั่ง ญป แต่ถ้าเป็นน้ำมันเอาจริง ผมไม่เคยเลย เข้าศูนย์ ครบตามปกติ

ที่ผมเจอเกือบทุกบ้าน เลิกใช้ BENZ BMW แล้วมาใช้ LEXUS จากนั้นก็ LEXUS ยาวเลยครับ เค้าบอกไม่คิดกลับไปยุโรปอีกเลย

สำหรับผมขับ ตราดาว ตัวดีเซลล้วนมา จริงๆก็ศึกษามาก่อนซื้อเพราะรอบๆตัว เพื่อนขับรถ plugin สองค่ายบ่นทั้งสองค่าย

จากที่ใช้มาปัญหาไม่เจอเลย มีแค่เซอวิสกับซ่อมช่วงล่างทั่วไปตามระยะ ทุกวันนี้หมด warranty เข้าแต่อู่นอกใกล้บ้าน ถ้าขับรุ่นยอดนิยม อะไหล่เทียบมีเยอะ ไม่ต้องใช้เบิกห้างหมด ประหยัดไปได้เยอะ

แต่ถ้าเรื่องไฮบริดฝั่ง benz ชื่อเสียงจะหยาบหนักกว่าทาง bmw หน่อยเพราะรุ่น Bluetech hybrid ซ่อมกันระนาว เคลมแบตก็รอขั้นต่ำ 3-4 เดือน

ไม่เหมือน bmw ช่วงแรกๆนำเข้ามายังเอามาแค่ activhybrid แต่ก็ยังมีรุ่นเครื่องธรรมดาให้ลูกค้าเลือก แต่ของ benz เน้นแต่ ไฮบริดสุดท้ายเจ๊ง รุ่นนี้เลยราคามือสองเลยฮวบๆ พวก c300,e300

ตอนนี้ใช้ 330e G20 มาสองปีกว่าๆละค่ะ ยังแฮพปี้ดีนะคะ แต่คันหน้าคงไปไฟฟ้าแล้ว ประหยัดกว่า 55

ผมเห็นพวกรวยๆ ขับแต่ คาเยน กัน แม้แต่คนรวยด้วยกันบางทีก็ไม่อยากขับคาเยนเพราะแม่ม ซ้ำ

เจ้านายเก่า ผมก็พูดนะว่า ถ้าเลือกรถ ไป Accord ไม่ก็ Camry ดีกว่า ปัญหาน้อย

ถามว่าทุกวันนี้เค้าขับอะไร ขับX5 ตัวท็อปสุด ก่อนหน้านี้ ขับ E Coupe มีแพนคันใหม่ ก็ไม่เอาCamry Accord อยู่ดี 55+

ปัญหาของรถยุโรป ผมว่ามันมาจากราก ของการออกแบบด้วย ใช้คำว่าอะไรดี แนวคิดคนในชาติเค้ามันส่งผล

ลงมาถึงผลิตภัณฑ์ ด้วย ยิ่งค่ายเยอรมันทั้งหลาย รถระบบมันเยอะ แล้วพวกนี้บ้าความเป็น Perfectionist

หลายๆอย่างรวนนิดหน่อย แม่มล็อกรถไม่ให้วิ่งเลย ระบบบางอย่าง เอ๋อนิดหน่อยต่อไม่ให้เกี่ยวกับการขับ

ระบบมัน Detect เจอมันล็อกรถไม่ให้วิ่งเลย สไลด์อย่างเดียว

ผมขับ ฮอนด้า โตโยต้า ขึ้นมาเหอะ จะเตือนห่าไร ถ้าไม่ถึงกับ ดับกลางอากาศ รถมันปล่อยวิ่งหมด

น้ำหมด หัวเทียน ไกล้พัง ตัวจุดระเบิดเสียสูปนึง วิ่งกระตุก ขึ้น่วาเกีย มีปัญหา รถมันก็ปล่อยให้วิ่ง

ผมเห็นหลายคัน วิ่งได้เป็นปี ไม่เหมือนพวก เจนใหม่ๆของเบ๊นซ์บีเอม บางทีเจอรถที่ มีปัญหา

กล่องมึนนิดเดียว แก้กันยาวๆทั้งที่ไอที่เสียไม่เกี่ยวกับระบบขับขึ้ด้วยซ้ำ

ใช่เลย 555555555

ใครไหว 2 ค่ายนั้นถ้าเอาครึ่งไฟมา ยอมขายไปเอาดีเซลกันหมด

จุกจิกเกิน