https://www.soccersuck.com/boards/topic/2395012/1

วนกลับมาเรื่องปัญหาการลาออกจากระบบราชการอีกสักมู้นึง

หลายคนอาจจะคิดว่าสาธารณสุข มีอัตราการลาออกมากที่สุด แต่เมื่อไปดูสถิติมากลับพบว่าสรรพากรมีอัตราการลาออกที่สูงกว่าพอสสควรเลย

ตอนแรกนึกว่าเป็นหน่วยงานระดับท็อปๆ
แต่หากมีอัตราการลาออกมากขนาดนั้น คงมีอะไรภายในแหละ

แต่เขาก็มีทางแก้อยู่ คือ เรียกคนที่ขึ้นบัญชีไว้มาทำงานแทน หากบัญชีหมดอายุ ก็เปิดสอบใหม่

ลาออกเพราะรวยแล้ว

วันหยุดทั้งที เลิกวิชาการ แล้วมาวิชากามได้แล้ว

รวยแหละ

ใครๆก็อยากมีตังใช้แต่ไม่ต้องทำงาน ส่วนน้อยที่ชอบทำงาน

ถ้าได้เงินบำนาญเกษียนปุ๊บลาออกเลยจะได้เดือนละประมาณ

กี่บาทครับ คือลาออกก่อนอายุถึง60

วิธีการแก้ไขสำหรับกรมสรรพากร ผมมองว่าหลุดโลกหลุดประเด็นไปไกลเลยครับ
แทนที่จะมองประเด็นเรื่อง"การรับคน/เพิ่มคน" ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสอันดี ที่จะมุ่งไปลงทุนพัฒนาในการเอาระบบต่างๆเข้ามาใช้แทน การทำงานด้วยคนซึ่งโคตรๆๆๆๆๆๆล้าหลังมากของราชการไทย

ยิ่งโดยเฉพาะงานบัญชี/งานตัวเลข ซึ่งเหมาะมากๆที่จะใช้ระบบ/โปรแกรม/คอมพิวเตอร์/เอไอเข้ามาบริหารจัดการแทนคน ซึ่งตรงนี้ต่างกับ สธ.หรือหมอ/พยาบาล ที่ต้องอาศัยงานหัตถการ และทดแทนด้วยระบบยากกว่า

เอาจริงๆกรม/กองอื่น ยิ่งโดยเฉพาะหน่วยงานทางการเงินด้วยกัน ขยับเอาระบบทดแทนคนไปไกลมากแล้ว แต่กลับกัน ระบบงานบัญชี/การเงิน/สรรพากรไทย ยังยึดติดกับงานเอกสาร งานกระดาษ โดยใช้คนมานั่งมอนิเตอร์อยู่เลยครับ

ดูจากตัวเลข สรรพากรลาออกแค่ปีละ 2.48% เท่านั้นเอง
เทียบง่ายๆคือ บริษัทที่มีพนักงาน 100 คน มีคนลาออก
แค่ปีละ 2-3 คนเท่านั้น ถือว่าน้อยแล้ว

บริษัทเอกชน อัตราการลาออกน่าจะอยู่แถวๆ 8%
ดังนั้น การที่สรรพากรมีคนลาออกแค่ 2.48%
ไม่น่าเป็นประเด็นให้ต้องถกเถียงว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

สรรพากรทุกวันนี้เอกสารระบบกระดาษน้อยลงมากเลยนะครับ จนท.ส่วนมากเน้นไปที่งานประเมิน ตรวจสอบอะไรพวกนี้มากกว่า คุณอาจจะมองว่าหน่วยงานนี้มีเงินผ่านมือเยอะเลยเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับการเงิน แต่จริงๆหน่วยงานนี้เป็นงานจัดเก็บครับ บางทีไม่ต้องถูกต้องตามบัญชีเป๊ะๆแต่ยอดรวมต้องถึงอะไรงี้ด้วยซ้ำ

อีกอย่างพวกใบกำกับภาษีก็เห็นอยู่ว่าสรรพากรพยายามให้เป็นe-taxกันให้หมด ผมไปมาล่าสุดไล่ไปยื่นออนไลน์ทุกอย่าง เขาแทบไม่เหลือคนไว้บริการประชาชนที่สำนักงานแล้วด้วยซ้ำ

ตามเม้นบนครับ มันไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรเลย ถ้าเรามาดูสถิติของ กพ แบบนี้

จริงๆ มันต้องถาม Insider แต่ละกรมไปเลย พวก HR กฎหมาย ตรวจสอบ

พวกนั้นอ่ะ รู้ชัดแน่ นั่งฟังได้ทั้งวัน ทไวไลท์โซน 55555

ผมเป็นคนหนึ่งที่ออก เพราะ ย้ายกลับบ้านยาก shipหาย

เนื้องาน มีโอกาสเข้าคุก ถ้าประเมินผิดพลาด เกี่ยวกับข้อกฏหมาย

พื้นที่ใหญ่งานเยอะขนาดที่ไม่มีวันทำเสร็จแบบ up to date

ผมเล่าในมุมของที่เห็นจากการทำงานน่ะครับ

มุมมองส่วนตัวตรงนี้คือ...ในส่วนของหน่วยงานการเงินของรัฐบาล 3 กรมหลักของกระทรวงการคลัง ซึ่งกรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่สุด ควรจะเป็นหัวหอกในการพัฒนา แต่กลับกลายเป็นว่า แทบจะรั้งท้ายเลย

เราจะเห็นว่ากรมสรรพากร"พยายามผลักดัน e-Tax Receipt" เอาจริงๆก็เป็นเรื่องดีนะครับ แต่มองว่าช้าไปเป็นสิบปีเลยเป็นอย่างน้อย เพราะในขณะที่หน่วยที่ควรจะเป็นหัวหอกเริ่มขยับ หน่วยอื่นๆอย่างกรมศุลกากร ซึ่งเป็นหน่วยงานรอง ยกเลิกระบบเจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อประเมินอากร(แทบจะ100% คงเหลือแค่งานเอกสารพิธีการเอกสิทธิ์/สิทธิประโยชน์)มามากกว่า 10 ปี และเน้นไปที่ระบบออนไลน์ รวมถึงงานหลังบ้าน งานตรวจสอบต่างๆมากกว่าแล้วครับ เช่นเดียวกันกับระบบการตรวจสอบสินค้า ก็ลดปริมาณงาน/ปริมาณคน แต่ใช้เครื่องจักรมาทดแทน ลักษณะแบบนี้มากว่า 15+ ปีแล้วครับ

ไม่รวมงานประเภท Data Filing ที่ระเบียบของสรรพากรยังผูกอยู่กับ"กระดาษ/ลายเซ็นต์"เสียส่วนมาก ตรงจุดนี้จากการไปติดต่อเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่ายเองเลยเมื่อต้นเดือนด้วยซ้ำ ยังเรียกหา"ลายเซ็นต์สดบนกระดาษ"อยู่เลย ซึ่งต่างจากหน่วยงานอื่นๆ ที่ขยับไปหาระบบออนไลน์ต่างๆและSoft Fileมาทดแทนนานมากแล้ว จุดนี้ผมถึงมองว่ากรมสรรพากรยังล้าหลังมากครับ

ขอบคุณครับที่แชร์ให้ฟัง ตัวผมเองไม่ได้มีประสบการณ์กับหน่วยงานอื่นๆ แค่เปรียบเทียบที่ตัวเองเจอมาเมื่อหลายปีก่อนพัฒนาจนมาถึงตอนนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเร็วหรือช้าแต่ผมถือว่ามันเปลี่ยนไปมากแล้ว สมัยก่อนผมต้องยืนรอกดคิวทุกเดือนยิ่งวันที่7นี่เตรียมไว้ครึ่งวันได้เลย เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรแบบนั้นแล้ว ส่วนลายเซ็นนี่ผมเข้าใจว่าลายเซ็นดิจิตอล+ตราประทับบริษัทก็จบแล้วนะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังต้องเซ็นเอกสารกับมือแบบนั้นอยู่อีก

ผมบอกเลยสรรพากรเนี่ย งานเยอะ เงินน้อยสุดๆ แถมโอกาสเติบโตก็น้อย มันเลยออกกัน พอรู่วงในอยู่แถมคนบริหารประสาทแดกก็เยอะ

จากคนใกล้ตัวเคยอยู่ ผมรู้สึกว่ารั้งคนเก่งไม่ได้ เป็นกรมหัวหอดหลักของประเทศ แต่ค่าตอบแทนสู้หน่วยงานอิสระอื่นไม่ได้เลย ทั้งสู้อีก 2 กรมข้างเคียงไม่ได้ด้วย ผมคิดเล่นๆว่าเอาทั้ง 3 กรมเก็บภาษี มาทำเป็นหน่วยงานที่ไม่อิงฐานกพ เพิ่มค่าตอบแทน เปลี่ยนการจัดการ การจับเก็บภาษีน่าจะดีขึ้นจากการรั้งคนเก่งๆไว้ได้มากกว่านี้

ขอขยายความเฉพาะตรงนี้ครับ

คือที่ท่านเข้าใจ คือความเข้าใจทั่วไป รวมทั้งผมด้วยที่อ่านประกาศฯ
ซึ่งจริงๆแล้ว มันควรจะต้องเป็นแบบนั้น เอกสารที่ผมยื่นก็แปะลายเซ็นต์ดิจิตอลไว้ แต่แทบทุกครั้ง ก็ต้องมีการขอให้เซ็นต์ลายเซ็นต์ทับลายเซ็นต์ดิจิตอลอีกครั้ง เพื่อเป็นลายเซ็นต์สดครับ...ที่ตลกคือ ลายเซ็นต์ที่ว่า กลายเป็นลายเซ็นต์ใครก็ได้ ไม่มีข้อกฎหมายบังคับซะอีก

ตรงนี้ผมโทษระบบ/ระเบียบของสรรพากรมากกว่า ที่ข้อกฎหมายต่างๆออกจะค่อนข้างคลุมเครือ และโยนภาระให้เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณเอาเองค่อนข้างมาก(ทำให้เสี่ยงกับเจ้าหน้าที่ด้วย) ทั้งๆที่ตัวบทมันควรจะมีแค่ Yes / No สำหรับการปฏิบัติ ทำให้ข้อมูลที่ออกจากสรรพากรจะกลายเป็นประเภท ถามเจ้าหน้าที่ 3 คน คำตอบก็ไม่เหมือนกันเลย และส่วนใหญ่ก็เพลย์เซฟตัวเองไว้ก่อนน่ะครับ