พอดีก่อนหน้านี้หาอ่าน+ฟังเรื่องการไหลของเวลารู้สึกน่าสนใจดี มันมีประวัติศาสตร์ของมมันเรียงๆไปสวยงามดีนะ เริ่มจาก

1.สมัยที่คิดว่าเวลาคือสิ่งคงที่
2.ถูกค้นพบว่าเวลาแต่ละจุดไหลไม่เท่ากัน

บลาๆๆ


จนสุดท้ายลองมาหาข้อมูลคร่าวๆ ดูเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอน์สไตน์ จนพอเข้าใจเรื่องการไหลของเวลาไม่เท่ากันอะครับ ตัวอย่างง่ายๆตามรูปพอเห็นแล้วอ๋อก็เช่น



อันที่จริงคิดว่ายังไม่ได้เข้าใจแบบถ่องแท้ 100% จนมาอธิบายคนอื่นได้ดีนัก แต่พอ get คอนเซปต์คร่าวๆว่าไอน์สไตน์พยามอธิบายอะไร ยิ่งมาเข้าใจมากขึ้นผ่านการที่มีคน proof นี่แหละ


แต่ดันฟังไปมาลามไปถึงส่วนของ Stephen Hawking ที่ว่าถ้าเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือแสง จะสามารถย้อนเวลาได้

จริงๆก็พอนึกออกว่าแกต้องการจะสื่ออะไรนะ แต่ว่ายังนึกภาพว่ามันจะนับเป็นการย้อนเวลายังไง ต่อให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงขนาดนั้นก็ตาม มันน่าจะต้องมีจุด stopper อะไรสักอย่างรึเปล่า

คือสิ่งที่ผมเข้าใจมันราวๆว่าก็ในเมื่อเราเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง แปลว่าเวลาที่ถูกนับเป็นมิติเพิ่มเติมเนี่ยมันเดินตามหลังเราเฉยๆ แต่มันกลายเป็นทำให้เราย้อนกลับไปจุดก่อนได้ยังไงครับ มันน่าจะมีวิธีกั้นไว้เฉยๆเปล่า หรือแค่เรามองเห็น event ก่อนเฉยๆเนื่องจากเวลาตามหลังการเคลื่อนที่เรา แต่มันเป็นเราย้อนเวลาได้ไงนะ งง


รบกวนทีครับ

ผมอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ รอพรี่ป๋องแป๋งคัมแบ็คดีกว่าครับ

มาฟังลูกกระแป๋งอย่างผมเล่าก่อนมั้ยครับ

ผมก็เคยหาอ่านนะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจแบบพูดให้คนอื่นฟังได้่

แต่ขอพูดในมุมของการย้อนเวลาละกันครับ

ผมรู้สึกคอนเซ็ปของการย้อนเวลา มันค่อนข้างมี Paradox เยอะทำให้ในความเป็นจริงการย้อนเวลาแทบเป็นไปไม่ได้ (Grandfather paradox)

แต่ถ้าสมมุติเรามีวิธีซักอย่างที่ทำให้เราเดินทางเร็วเท่าแสงได้จริงๆ น่าจะเหมือนเรานั่งดูเทปหรือดูยูทูปไหมครับ คือเราแค่เลือกย้อนหรือเดินหน้าไปดู แต่เราเข้าไปแทรกแซงเหตุการณ์อะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ย่อมเกิดขึ้นไปแล้ว

แค่รูปยังงง

ผมสามารถย้อนเวลาได้ตลอด

เฉพาะในสมอง

ถ้าพิจารณาแค่ในมิติที่เราอยู่นะครับ สิ่งที่พอจะสามารถพัฒนาให้เดินทางได้เร็วพอๆหรือเร็วกว่าแสงก็คือ "จิต" จึงอาจเป็นที่มาที่เราสามารถระลึกชาติได้ ซึ่งการระลึกชาติไม่ใช่ว่าเราเอาตัวเราไปในอดีต แต่เราเอาแค่จิต เดินทางไปยังอดีต

อันนี้เดา

ที่ผมเข้าใจนะ ถ้าเคลื่อนที่เร็วจะเห็นทุกอย่างช้าลง

ดังนั้น

จุดเริ่มต้นพร้อมกัน ตอน 11.00 คนในจรวดจะย้อนเวลา ของคนที่อยู่ข้างนอก

แบบคนที่อยู่ข้างนอกเวลา 11.30 แล้ว แต่คนที่อยู่ในจรวดยัง 11.10 แล้วพอหยุด

คนในจรวดจะอยู่ในอดีต

เอาเป็นว่าตอนนี้ผมไม่กล้าฟันธงอะครับ อารมณ์เดียวกับสัมพัทธภาพพิเศษของไอน์สไตน์ที่อธิบายไว้ก่อน proof หลัก 100 กว่าปี ในยุคที่ใครก็คิดว่าเวลาเป็นสิ่งคงที่

ผ่านมาเป็นศตวรรษถึงพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เวกาพังค์พูดแม่งเป็นความจริง ทั้งๆที่พูดไว้โดยที่ตัวเองก็ยังไม่สามารถพิสูจน์เองได้ด้วยซ้ำ สมองพวกนี้มันทำงานยังไงกันเนี่ย

ทำไมถึงใช้ความเร็วแสงเป็นเกณฑ์หรอครับ

มันเกี่ยวกับมุมมองของ observer ภายนอกปะ

งี้ถ้าลดลงมา เป็นความเร็วเหนือเสียง แต่ perceiver ตาบอด จะถือว่าเค้า time travel มั้ยอะครับ

เอาตามตรงของ Hawking ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ แถมยังไม่ได้มีเวลาหาฟังจริงๆจังๆสักทีด้วยซ้ำ ตอบท่านไม่ถูกเลยครับ

ถ้าตาม Hawking คือ ไม่ได้มั้งครับ ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ๆ แต่ Hawking ใช้คำว่า impossible มานานมากละครับ
เพราะ ย้อนเวลากลับไป มันต้องมีการสร้าง "matter" เพิ่มในอดีตที่เกิดขึ้น ซึงเป็นไปไม่ได้ในทางทฤษฏี เหมือนเคยฟังจากไหนไม่รู้ว่า Hawking คิดว่าถ้าจะเป็นไปได้ก็ต้องไปค้นหา อะไรที่เรายังไม่รู้ตอนนี้ถึงจะมีโอกาส

ส่วนสาย Einstein หลักๆจะเป็นเรื่อง spacetime แต่ในทางทฤษฎีเราไม่สามารถเคลื่นที่เร็วกว่าแสง
แต่เมื่อเราเคลื่อนที่เร็วกว่าแสง สิ่งที่เรามองเห็นคืออดีต ไม่ใช่การย้อนอดีต แล้วเมื่อเคลื่อนเร็วกว่าแสงกฏ ทฤษฎีทางฟิสิกส์ก็จะเป็นกฏใหม่ ซึ่งเราไม่รู้ตรงนั้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่ดังๆก็จะมาเป็นสาย mass คือรูหนอน ที่เกิดจากsupermassive black hole เนื่องจาก Mass ขนาดมหาศาลจะไปส่งผลกับ spacetime ทำให้ time ช้าลง
พอมี Quantum physic ก็เรื่อยคิดว่ามันสามารถจะมีเกิดหลุมดำใหญ่มากพอที่จะทะลุไปยังอีกฝากการไหลของเวลาได้ ซึ่งผมฟังไอ้ String theory ไม่เข้าใจครับ อธิบายไม่ได้เลย555

ลองดูทฤษฏีจากหนังเรื่อง tenet ดูคับ

นึกถึงรูปหากิน

ศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ไม่ว่าจะสู้ยังไง สุดท้ายก็ไม่มีใครชนะมันได้

“เวลา”