ผมได้ข่าวจากเพจพวกลงทุนว่าตอนนี้น่าจะฟองสบู่แล้ว มีแต่คนโชว์พอร์ทเขียวให้รีบขายสะสมเงินสด เพราะเศรษฐกิจมันขาขึ้นแล้วแต่ผมอยากถือยาวเพราะคิดว่าตัวเองลงหุ้นพื้นฐานดีหมดซึ่งไม่รู้จริงไหมเพราะราคาแม่มแดงอย่างเยอะเลยจะฝืน DCA สวนซึ่งถึงตอนนี้ 3 เดือนผมยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้พอร์ทผมแดงรึเขียว แต่เดาว่าเขียวไม่น่าเยอะเลยอยากรู้ว่าถ้าผมเล่นหุ้นใหญ่ผสมเล็ก แบบนี้แล้วไม่ได้ Monitor นานหลักไตรมาส-6 เดือนจะน่ากลัวไหม ปกติมันดิ่งสุดจะเท่าไหร่รึครับ

พอดีผมมี ปสก ที่ไม่ดีกับคริปโตพลาดไม่ได้ Monitor แค่ 3 วันเงินหายไป 70% เลยโยกมาลงหุ้นเมกาไว้แรกๆขยันหาข่าวแต่พอช่วงหลังๆงานเยอะ หลังๆเลยลงแต่เงินไม่ได้ดู Port ตัวเองเลยว่ารอดไหม แล้ววิธีที่ผมลงทุนปัจจุบันดันทำให้ตัวเองลำบากด้วย ใช้วิธีให้มันซื้ออัตโนมัติทุกๆสิ้้นเดือน กับวันที่ 15 ลงซื้อเองใน Dime เดือนละ 2,000 แล้วให้มือถืออีกเรื่องที่ไม่ใช่มือถือหลักถือพอร์ทหุ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นแดงหนักๆแล้วขาย

สาเหตุเพราะเคยลง Tesla แล้วหายไป 30% ทำใจไม่ได้ขายไปไม่กี่วันมันพุ่ง ARM ได้ข่าวว่า Free float น้อยผมก็ขายขาดทุนไป จนเพิ่งรู้ข่าวว่าแม่ม 2-3X ไปแล้วเสียดายชิบใจร้อนไปหน่อยผมกลัว Softbank ขายเทใส่เลยหนี เลยเกิดอาการกลัวขายหมูเพราะผมก็เข้าหุ้นเล็ก แล้วผมเข้าหุ้นที่ยอดดอยเยอะอยู่ แล้วตัวหลักๆก็มีแดงอยู่ 5 ตัวตอนนี้ที่ยังไม่ขาย

ตอนแรกกะจะลง ETF แต่ผมคิดว่าผมลง SSF หุ้นเวียดนาม อินเดียว S&P500 Nasdaq ไปแล้วเลยอยากเสี่ยงเพิ่มเลยซื้อเองแบบยุบยิบ

ตัวที่ซื้อเป็นหลัก
MSFT / PLTR / SMCI / UNH / NOVO / GOOG / NUE / EPR / PFE / O

พยายามซื้อหุ้นใหญ่ กับเกือบใหญ่ ผสมเล็กลุ้นเด้ง เลยไม่รู้ว่ามันอันตรายไหม ขอบคุณครับ

2-3 วันก่อน มันนิวไฮ 5000 จุด หลังจากนั้นมันจะลงมาบ้างก็ปกตินะ

Dime ค่าคอมเท่าไหร่ครับ มีกำหนดขั้นต่ำไหม

พอร์ทที่คุณโชว์มาก็ค่อนข้างดีแล้วนะ มีเล็กมีใหญ่ เสถียรดี
ส่วนตัวที่ไม่ค่อยชอบในลิสก็ PFE ผมว่ามันนิ่งเกินไป แนะนำไปถือพวก LLY MERK ABBVE ดีกว่า ถ้าอยากได้บ.ยาดีๆหน่อย หรือไม่ก็ไปพวกสายอุปกรณ์การแพทย์เจ้าตลาด เช่น ISRG TMO ก็เป็นบ.ขนาดใหญ่ เสถียร+เติบโตได้อีกมากครับ

รู้แล้วบอกด้วยฮะ
อันนี้แปะมั่วๆ ไม่รุเกี่ยวมั้ยno.1บริษัทใหญ่สุด10ปีก่อนแบบmicrosoftโตมาปัจจุบัน10x ปตทไม่ถึง50%

ผมว่าความรู้สึกคุณยังหลอนๆตอนคริปโตอ่านะ พอเห็นข่าวแย่ คุณเลยรีบเทขาย ผมว่าพวกเหรียญพวกหุ้นต้องมีเวลาให้มันจริงๆ แต่ความรู้สึกผมนะ ผมว่าฝั่งนู้นดูมีความน่าเชื่อถือกว่าฝั่งนี้เยอะ

0.15% ถ้าจำไม่ผิด

ซื้อ 50 บาทก็ได้ครับ ตอนแรกผมก็ซื้อตัวละ 50-100 บาทนี่แหละ หลังๆติดใจเลยซื้อทีละ 100-200 ต่อตัว

คนอื่นอาจจะมองว่าซื้อ ETF ไม่ดีกว่ารึซื้อแยกเบี้ยหอยแต่ แตผมมองว่าผมไม่ได้ชอบตัวใน ETF ทุกตัวเลยมาซื้อเองเจ็บเอง 5555 ดอยเองอย่างน้อยได้ ปสก อีกอย่างผมนึกซะว่าซื้อหวยเลยไม่ได้อะไรมาก

ขอบคุณครับ

มีเล็งๆ แอ็บบี้ กับ ลิลลี่อยู่ครับ แต่กะจะทำหลังจาก DCA ไฟเซอร์ครบปี (อีก 3 เดือนครบปี) แล้วดูว่ายังแดงลบหลัก 10 ไหมถ้ายังเป็นแบบนี้คงต้อง cut จริงๆ

ส่วนลิลลี่ผมได้ราคาต่ำไปแล้วตอนที่ผมดูก่อนตั้ง DCA มันเขียว +30% ทั้งๆที่ผมคิดว่าตัวเองเข้ายอดดอยแล้วนะจนน่ากลัวว่ามันจะระเบิดเลยเลือกที่จะ DCA ตัวแดง อย่าง Pizer และ Novo ที่เหมือน ลิลลี่แทน (ตอนแรกลังเลระหว่าง ABBY กับ Novo)

หุ้นเมกาเหมือนจะขึ้นไวลงไวครับ ผมเข้ามั่วๆไปตอนแรกเน้น บ ที่ตัวเองรู้จักเฉยๆปีที่แล้ว พวก Visa , MCD , Google ,Microsoft , Apple , Tesla , Pepsi กำไรเฉย +8% ตั้งนานแล้วอยู่ๆก็แดง 5555 จนผมทำใจไม่ได้ แต่พอผมขายแม่มกลับมาเขียวเฉยในเวลาไม่นาน งงเลย

ยังไม่ได้ขายครับ เพราะกลัว ปสก แบบ Tesla / Arm นี่แหละครับ แต่ที่ตอนนั้นผมขาย เพราะ ปสก คริปโตฝังใจจริงๆตามท่านว่าเลยครับ

ตอนนี้เลยเลือกที่จะไม่ดูกราฟแทน ใช้วิธีเชื่อใจตัวเองว่าวิเคราะห์ราคาโอเคแล้ว แล้วกลั้นใจ DCA 3-6 เดือนมาดูอีกทีว่ารอดไหม ซึ่งตอนทำอ่าไม่ได้คิดเผื่อว่าถ้ามันตกหนักล่ะจะยังไง เลยมาปรึกษาว่าผมค่อยเปลี่ยนระยะเวลา monitor ไหมครับ ขอบคุณครับ

ผมว่าอย่างแรกที่คุณต้องไปฝึกคือเรื่อง "ใจ" ก่อนเลยครับ ดูเหมือนคุณยังใจไม่นิ่งพอครับ
เพราะเคยหลอนกับคริปโตมา (ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าคริปโต ก็กลับมาเกิดใหม่ได้อีกรอบแล้วนะ )

ทำให้คุณถืออะไรไม่ได้นาน เจอการเหวี่ยงนิดหน่อยก็ใจเสียแล้ว การเหวี่ยงขึ้นลงเป็นเรื่องธรรมดามากของตลาดทุน ไม่ว่าจะตลาดไหนก็ตาม

ต้องผ่านสเตจนี้ไปให้ได้ก่อน คือ วิชา ใจนิ่ง ทับมือให้ได้ เหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายนะครับ ยังกับเคล็ดวิชาจอมยุทธ์ บางคนต้องฝึกเจริญสติทำสมาธิกันเลย ผ่านตรงนี้ให้ได้ก่อน

ถ้าเราเลือกมาดีแล้วพื้นฐานดีแล้ว มั่นใจว่าเลือกถูกต้อง บริษํทมันมีอนาคตจริงๆ ลงไป 70% 80% มันก็กลับมาได้ครับ อยู่ที่ว่าเราอึดพอมั้ย

คุณซื้อแบบ DCA บางทีก็มีข้อดีนะ ยิ่งตลาดลงเรายิ่งต้องซื้อ เพื่อมันจะได้ไปเฉลี่ยกับตอนมันขึ้น ไม่งั้นเรียกว่า DCA ไม่ได้ครับ เพราะพอช่วงมันขึ้นเรากลับกล้าซื้อ แต่ตอนลงดันไม่ซื้อ กลายเป็นต้นทุนเฉลี่ยสูงไป

ที่อ่านดู คุณก็กระจายความเสี่ยงไม่ All in ซื้อหลายตัวแบบนี้ มีหุ้นเล็กหุ้นใหญ่ยังไงก็ไม่เจ๊งหรอกครับ แต่คุณต้องใจเย็นให้พอรอให้ได้เท่านั้นเอง

ขอให้โชคดีครับ

เห็นด้วยกับคอมเม้นข้างบนที่ว่าท่านยังหลอนกันเหรียญครับ ที่3วันลง70%
ถามว่าหุ้นอเมริกามีสิทธิลงแบบ 3วัน 70%ไหม ผมบอกเลยว่ามี เพราะหุ้นที่นู้นไม่มีลิมิตceiling floor แบบบ้านเรา ลงพรวดเดียววันเดียว80%ก้ได้ แต่ส่วนใหญ่กรณีที่ลงแบบนี้ผมว่ามันต้องเกิดอะไรที่มันแย่จัดๆในบริษัท แบบบริษัท fraud หรือมีประเด็นร้านๆที่ทำให้บริษัทแตก (หรือถ้าเรียกแบบบ้านเราก็หุ้นปั่นเนี่ยแหละครับ)
ซึ่งหุ้นถ้าเป็นหุ้นพื้นฐาน จะลงแบบนี้ได้ มันคือต้องพื้นฐานเปลี่ยนจัดๆ
คหสต มองว่ามีสิทธิที่จะลงได้ แต่ลงแรงๆแบบ 3วัน 80%ไม่น่ามี

ปล.พอดีมีเวลา เลยลองย้อนดูสถิติหุ้นช่วงที่ลงแรงๆ ( ของให้ดัชดีnasdaq เป็นเกณฑ์)
รูปใหญ่ ขอคลุมสปอยไว้นะครับ555


ดังนั้นขอสรุป คหสต สั้นๆเพราะผมก็ลงทุนในอเมริกาเยอะเหมือนกัน ผมมองว่าหุ้นตอนนี้คือvaluationมันสูงพอสมควรไม่รู้ว่าเพราะfomoเรื่องAI กันรึเปล่า หรือเพราะมันขึ้นมาNew highเรื่อยๆคนเลยยิ่งhypeเข้าไปอีก
ตอนนี้เสียวอย่างเดียวคือปัจจัยเรื่องrecessionของเศรษฐกิจทางนู้น เพราะเงินเฟ้ออเมริกาไม่ลงเท่าที่fedอยากให้ลง ดุทรงแล้วมีสิทธิคงดอกเบี้ยระดับนี้ยาวๆเหมือนกัน เศรษฐกิจคงชะลอตัวลง ในฐานะที่ลงทุนอยู่เหมือนกัน ก็คงหวังให้มันเป็นsoft landing

ปล2.ตาม ปวศ วิกฤติเศรษฐกิจ เกือบทุกครั้งไม่มีคำว่าสั้น ยกเว้นโควิดครั้งเดียวเลย เหมือนเป็นeventพิเศษ
ส่วนใหญ่ลากยาวเป็นปี
ซึ่งความยากคือ
1.เราจะไม่มีทางรู้ว่าเราอยู่ในวิกฤติแล้วก็ต่อเมื่อเรามาอยู่ตรงกลางวิกฤติแล้ว(พอร์ทที่ถือเสียหายไปเยอะเกินที่จะคัทแล้ว)
2.เราจะรู้สึกว่าหุ้นตอนกลางวิกฤติ มันถูกมากๆแล้ว (เพราะเราไปเทียบกับยอดhighก่อหน้า) ก็เข้าไปซื้อ แบบนี้ก็เสร็จเหมือนกัน เพราะมันจะลงต่อ จนเรามันจะท้อ แล้ะก็ขายออกไปที่bottom )

GOOGL MSFT ถือไปจนตายนั่นแหละครับ โลกไม่สบาย 2 ตัวนี้ก็ยังครองโลก ส่วนตัวอื่นตัวใครตัวมัน

ผมแนะนำท่านดูที่พื้นฐานครับ อย่าซื้อหรือขายเพราะข่าวดีข่าวร้าย ต้องถามตัวเองว่าซื้อบริษัทนี้เพราะอะไร เราต้แงเรียนรู้ style การลงทุนที่ตัวเองชอบ ทำแล้วนอนหลับสบายไม่กังวล

สำหรับผม ผมชอบ FCF ครับ ผมก็จะ analyse โดยเน้น 5 10 year FCF เอาเป็รหลัก แล้วไปดู rev growth, P/E, ROIC,EPS แล้วสุดท้ายเลยดูว่าตัวเองใช้ product ของบริษัทนั้นอยูาหรือเปล่า

ตัวอย่างเช่นผมใช้ product google แทบทุกอย่างและชอบด้วย youtube gmail GCP search doc sheet slide พอดูพื้นฐานแล้วบริษัทนี้ generate fcf เยอะมากๆและะฝเพิ่มขึ้นมหาศาลทุกปีๆ roic ใช้ได้ rev growth 2 digit สุดท้าย P/E น้อยจัดสำหรับบริษัท tech ที่โตไงขนาดนี้ ผมลงหมดหน้าตักเลย

fed เท่านั้นคือคำตอบ ลดดอกเมื่อไร ก็บาย

ทำผมลดดอกถึงบายรึครับ ผมเข้าใจว่ายิ่งลดดอกหุ้นยิ่งขึ้นเพราะความเสี่ยงคุ้มค่ามากขึ้น แต่ถ้า Fed เพิ่มดอกขึ้น หรือ ยื้อนานๆไม่ดีกับตลาดหุ้น หรือ มีมุมใดที่ท่านพอจะแชร์ได้ไหมครับ